สวัสดีเจียงฮาย ทริปส่งท้ายปี 64 HAPPY จัง ไปทำงานยังไงให้เหมือนไปเที่ยว

สวัสดีเจ้า เพื่อนๆชาวบลูแพลเนตทุกคน การท่องเที่ยวหาประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิตเป็นความสุขอย่างนึงของชีวิตเน๊อะ หลังจากที่ทุกคนเหมือนโดนสตัฟ ติดอยู่ในวังวนของเจ้าโควิดตัวร้ายมา 2 ปีแล้ว

วันนี้ Rewritable ขอถือโอกาสมา Review การท่องเที่ยวจังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายๆคน
บรรยากาศก็เต็มสิบ อากาศก็เยี่ยม การเดินทางไปเที่ยวเชียงรายในช่วงนี้ให้สิบ สิบ สิบ ไปเลยจ้ะ 

จริงๆทริปนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุเกิดจากหน้าที่การงานค่ะ ต้องรับหน้าที่พาคณะเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนึง ไปติดตามภารกิจของที่ทำงาน
พิจารณากันแล้วเลยตัดสินใจเลือกจังหวัดนี้เพราะสามารถดูงานได้ครอบคลุมในหลายภารกิจ
ก่อนเดินทางต้องประสานข้อมูลหลายๆอย่าง ตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก  จัดโปรแกรมการดูงานที่อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมและสถานที่ที่ต้องไป ศึกษาเส้นทาง ระยะเวลาการเดินทาง ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ ฯ
การเดินทางเข้าจังหวัดเชียงรายในช่วงสถานการณ์โควิด มีข้อจำกัดอะไรบ้าง ต้องเตรียมหาข้อมูลไว้ จาก Facebook ของสนามบินแม่ฟ้าหลวงให้ข้อมูลไว้ว่า
ผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มอย่างกรุงเทพมหานคร ต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม จึงจะสามารถเดินทางเข้าจังหวัดเชียงรายได้โดยไม่ต้องกักตัว หากไม่มีต้องแสดงผลตรวจโควิด และต้องโหลดแอพ สวัสดีเชียงราย เพื่อแจ้งข้อมูล การได้รับวัคซีน ที่พัก ก่อนการเดินทางด้วย

การเดินทางในทริปนี้เลือกสายการบินหางแดงค่ะ ให้ Agency ที่ Due ประจำเค้าจองตั๋วให้ทั้งไปและกลับ
พอมาถึงสนามบินดอนเมือง ก็มาเช็คอินที่เคาเตอร์เพื่อออก Boarding Pass เพราะต้องเอาไปแนบเป็นหลักฐานในการเบิกค่าตั๋วเครื่องบินค่ะ (อีกอย่างได้ยินว่า มีมิจฉาชีพใช้ BD ของคนอื่นแอบขึ้นเครื่องบิน ไม่รู้ไปขโมยแคปจากมือถือกันยังไง เลยออกกฎว่า ขณะนี้ทุกคนต้องไปออก BP เป็นกระดาษด้วย) 

พนักงานก็เลยแนะนำให้ สแกนแอพ สวัสดีเชียงราย และกรอกข้อมูลการเดินทางให้เรียบร้อย และแคปหน้าจอไว้เพื่อไปแสดงเมื่อเดินทางถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวง ทำเสร็จเรียบร้อยก็ลากกระเป๋าเดินเข้าไปตรวจสัมภาระแล้วไปรอที่ประตูทางออกขึ้นเครื่องตามหมายเลขที่ระบุใน BP กันเล้ย
ก็เพราะเคยมีประสบการณ์โดนยึดสบู่เหลวมาแล้ว เลยผ่านขั้นตอนการตรวจกระเป๋าไปด้วยดี ก็ผ่านสบายๆจ้ะ
กฎคือ ห้ามพกพาอาวุธ ของมีคม มีด คัตเตอร์ พาวเวอร์แบงค์ ฯลฯ
และของเหลวต่างๆ ต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีปริมาตรกำหนดไว้ไม่เกิน 100 มล. (แม้จะใช้ขวดขนาด 150 มล. แต่มีสบู่เหลือติดก้นขวดก็ไม่สามารถนำไปได้นะ เจ้าหน้าที่บอกว่าเค้าไม่สนใจปริมาณของเหลวที่อยู่ในขวด แต่บรรจุภัณฑ์ต้องไม่เกิน 100 มล. เท่านั้น อนุญาตให้พกของเหลวไป ปริมาณรวมกันต้องไม่เกิน 1 ลิตรด้วย
อันนี้น่าจะยังมีคนไม่รู้กฎเรื่องของเหลวกันอีกเยอะมั้ง เพราะหลายคน สแกนกระเป๋าแล้วเห็นขวดใหญ่ๆจะโดนสั่งเปิดกระเป๋า แล้วแจ้งขออนุญาตทิ้งขวดโลชั่น สบู่เหลว แชมพู น้ำหอม ฯลฯ เห็นแล้วเสียดายแทนเลยค่ะ ทางแก้คือ ต้องยอมจ่ายเงินค่าโหลดกระเป๋าใต้เครื่อง ถ้าเป็นเครื่องสำอางแพงๆ คงต้องยอมจ่ายไม่ยอมทิ้งเน๊อะ
(แต่น่าจะมีคนมาเก็บไปนะ สบู่ โลชั่น ของดีๆทั้งนั้น ถึงได้เห็นเอาไปวางขายตามตลาดนัดเยอะแยะไง ติดป้ายว่าเครื่องสำอางของยึดจากเครื่องบิน อิอิ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่