ตรรกะป่วยๆ ( Fallacy ) แบบนี้แหละ พบบ่อยมากในพันทิป

ที่มา : https://www.facebook.com/285055493317/posts/10158807919323318/?d=n

อย่าให้ Fallacy มาทำให้โอมิครอนยิ้มกริ่ม
===
(1)
จากนี้เราจะเห็นข่าวทำนองนี้มากขึ้นแน่ๆคือ  'ฉีด 4 เข็มยังติด’ 
เห็นข่าวนี้อย่าส่งต่อการตีความผิดๆว่า "งั้นจะบูสต์ทำไม ขนาดฉีดแล้วยังติด’
เพราะต่อให้ฉีด5เข็มก็ติดได้ แต่วัคซีน'ลดโอกาส' ติด/หนัก/ตาย
คือถ้าไม่ฉีดเลย หรือไม่บูสต์ อาจติดเร็วกว่านี้ ติดหนักกว่านี้ หรือเสี่ยงตายมากกว่านี้
เห็นกลุ่มไลน์แชร์อะไรแบบนี้ หนีไปปปปปป
===
(2)
อีกข่าวที่จะเห็นมากขึ้นแน่ๆ คือ ‘ เห็นมะ เมืองนอกขนาด ไฟเซอร์/โมเดอร์น่า 3 เข็มยังไม่รอด'  
เห็นข่าวนี้อย่าตีความผิดๆว่า “ฉีด mRna ไม่ดี"
เพราะผลวิจัยส่วนใหญ่ในโลกที่ตีพิมพ์จาก EU หรือ US เก็บจาก mRna/Astra ก็เพราะพวกเค้าฉีดแต่กลุ่มนี้ เราจึงเห็นกรณีฉีดแล้วติดเยอะกว่าซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม
===
อีกประเด็นที่ฝรั่งติดเยอะก็ไม่ใช่เพราะชนิดวัคซ๊น แต่มาจากสังคมกับวัฒนธรรมการใช้ชีวิตด้วย 
เช่น ถ้าให้ ยุโรปล็อคดาวน์ แล้วใช้มาตรการกับระบบปกครองแบบจีน แล้วประชาชนมี mentality แบบจีน แทบทุกคนใส่หน้ากากไม่เรียกร้องเสรีภาพส่วนบุคคลแบบที่เป็น แถมใช้วัคซีนแค่ Astra กับ mRna ผลการระบาดก็อาจจะออกมาอีกอย่าง
ดังนั้นใครใคร่บูสต์ mRna บูสต์ ใครใคร่บูสต์ AstraZeneca บูสต์ แม้ประสิทธิภาพไม่เท่ากัน แต่งานวิจัยยืนยันว่าป้องกันได้ดี
แต่อย่าเลือก 'ไม่บูสต์' 
หรืออย่าเพิ่งเลือก 'บูสต์เชื้อตาย' จนกว่าจะมีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือมารับรอง ว่าป้องกันได้ดีจริง
 
====
(3)
====
ในวงการแพทย์มีคำที่พูดกันอยู่เสมอว่า 'ไม่มีอะไร 100% ใน medicine'  
= วิทยาศาสตร์เปลี่ยนได้ตามศึกษาใหม่ๆ แปรผันตามบริบท จึงต้องมีศิลปะการวางแผนกับใช้ชีวิตร่วม
และอย่าเชื่อมโยงแล้วด่วนสรุป นำไปสู่การ apply ผิดๆ
====
เช่น
- #โอมิครอน ลงปอดยากกว่าเดลต้า แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่ลงปอด
- #โอมิครอน เบากว่าเดลต้า แต่ไม่ได้แปลว่ากระจอก (เพราะเบากว่าก็เอาเราสาหัสนอนซมหรือมีลองโควิดได้)
- #โควิด มักตายในกลุ่มเปราะบาง แต่ไม่ได้แปลว่าหนุ่มสาวจะไม่ตาย
- วัคซีนปลอดภัยแต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่แพ้ ไม่มีผลข้างเคียง ดังนั้นมีข่าวว่าฉีดแล้วตาย ฉีดแล้วแพ้ ไม่ได้แปลว่าไม่ควรฉีดวัคซ๊น
- ฉีดวัคซีนครบและถึงกำหนดก็ไปบูสต์จะกันหนัก กันตาย แต่ถึงฉีด ถ้าติดแล้วก็ยังตายได้ (แต่โอกาสตายจะน้อยกว่าไม่ฉีดวัคซีนเลย)
- ฉีดวัคซีนครบกันป่วย แต่ฉีดครบก็ป่วยได้แล้วแต่ชนิดวัคซีน แล้วแต่สายพันธุ์ แล้วแต่ร่างกายของคนๆนั้นตอบสนองกับไวรัส
และข้อสำคัญคือยังแปรผันตามการใช้ชีวิต/ใส่mask 
แปรผันตาม ‘สถานการณ์ปัจจุบัน’ เช่น ระบาดน้อย เดินทางหรือเข้าผับปกติก็เสี่ยงน้อย แต่ระบาดหนัก เดินทางหรือเข้าผับเท่าเดิม ก็เสี่ยงมากขึ้น
การวางแผนชีวิตเพื่อรับมือโควิดจึงไม่ใช่แค่ฉีดวัคซีนอย่างเดียว
===
===
ไม่มีใครหยุดโอมิครอนได้
แต่ fallacy และความประมาท จะเพิ่มอัตราเร่งระบาดแล้วเพิ่มอัตราตาย สุดท้ายก็จะพ้นพีคแหละแต่สูญเสียมาก
ในขณะที่ความเข้าใจที่ถูกและการเข้ารับวัคซีน จะช่วยชะลอการระบาดให้ผ่านพีคแบบ 'สูญเสียน้อยที่สุด'
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่