แชร์ประสบการณ์ทำงานต่างประเทศ (วิศวกรโยธา) จากเพื่อนๆของผม ภาค 1

*** เรื่องนี้ผมเขียนลงในเพจออมให้เงินโต ตั้งแต่เดือนก่อน เห็นว่าเนื้อหาน่าสนใจเลยเอามาลงพันทิปด้วยครับ ***
 
สวัสดีครับ
ช่วงนี้ผมมีโอกาสคุยกับเพื่อนคนนึงที่ไม่ได้เจอกันมานานมาก สมัยเรียนมหาลัยเราอยู่หอพักห้องติดๆกันเลยสนิทกันประมาณนึง จำได้ว่าเพื่อนท่านนี้เคยไปทำงานต่างประเทศสมัยที่เรียนจบใหม่ๆนี่หว่า เลยถือโอกาสขอสัมภาษณ์ประสบการณ์ในต่างแดนมาฝากนะครับ
.
ขอเกริ่นนิดนึง ในวงการขายแรงงานเนี่ย เราจะเรียกคนที่ไปทำงานต่างประเทศ (ประเทศที่ไม่ใช่ประเทศตัวเอง) ว่า Expat (ย่อมาจาก Expatriate แปลตรงตัวคือคนที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่ใช่บ้านเกิด) อย่างเช่น มีฝรั่ง หรือ คนฟิลิปปินส์ มาทำงานที่บ้านเรา
เราจะเรียกพวกนี้ว่า Expat ออกเสียงว่า เอ๊ก-แพด
.
และแน่นอนว่าถ้าเราไปทำงานที่ต่างประเทศ เราก็จะเป็น Expat เหมือนกัน ซึ่งคำนี้ในวงการทำงานเขาใช้พูดกันเป็นสากลทั่วโลก
.
ภาพลักษณ์ของ Expat ในสายตาคนส่วนใหญ่คือ ต้องมีทักษะความเชี่ยวชาญระดับนึงล่ะ คือเก่งนั่นแหละพูดง่ายๆ ไม่งั้นเขาคงไม่จ้างมาทำงานต่างประเทศ เพราะต้องจ่ายค่าตัวแพงขึ้น เอกสารที่ต้องใช้ก็วุ่นวายขึ้น นั่นนำไปสู่ภาพลักษณ์อีกอย่างของ Expat คือเงินเดือนเยอะ ดูดี เท่
.
คือถ้ามีคนในประเทศนั้นๆ สามารถทำงานตำแหน่งนั้นได้เนี่ย บริษัทเขาก็จ้างคนในประเทศดีกว่าครับ เพราะไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเอกสาร (เช่นการต่อวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ไหนจะต้องหาที่พัก รถยนต์ โอ้ยเยอะ) และรายจ่ายเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามเนาะ เท่าที่เห็นถ้าเป็นระดับบริหารในบ้านเรา ผมเห็น Expat เยอะนะ ทั้งๆที่ความสามารถก็ไม่ต่างกับคนไทยเท่าไหร่ อาจจะเป็นได้ว่าที่ตำแหน่งระดับนั้นเงินเดือนคนไทยก็แพงเหมือนกัน จ้าง Expat อาจจะถูกกว่า (คหสต นะครับ)
.
ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูดี และเงินเยอะ ทำให้หลายๆคนมีความใฝ่ฝันอยากไปเป็น Expat ดูซักครั้ง
.
ซึ่งคนใกล้ตัวผมที่เก่งๆก็มีเยอะนะ แต่มักติดภาระครอบครัวกัน คือการที่คนทำงานจะมีความเชี่ยวระดับนึง มันต้องใช้เวลาหลายปี แล้วพอเราเริ่มมีอายุ เรามักจะแต่งงานมีครอบครัวต้องดูแล หรือ พ่อแม่อายุมากขึ้นเริ่มเจ็บป่วยมีโรคประจำตัว เรื่องพวกนี้เป็นสาเหตุหลักๆเท่าที่เห็นมานะ ที่ทำให้คนไทยเก่งๆไม่อยากไปทำงานไกลบ้าน
.
อย่างไรก็ตามฮะ อย่างที่บอกไปว่าช่วงนี้เจอเพื่อนท่านนึง ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าช่วงที่เรียนจบใหม่ๆ จำได้ว่ามีบริษัทนึงมารับสมัครงานถึงสถาบันที่พวกเราร่ำเรียนกันเลย
.
สถานที่ทำงานคือประเทศกัมพูชา แต่รับเฉพาะคนจบโยธาเท่านั้นนะ เงินเดือนเยอะ (จำได้ว่าเยอะกว่าทำงานในบ้านเราเรตจบใหม่ซัก 2-3 เท่าตัวได้) ก็มีเพื่อนสมัครไปทำงานกับที่นี่กันหลายคน ทำให้เกิด Expat อายุน้อยๆ (ในตอนนั้น)
.
แต่เพื่อนคนนี้ไม่ได้ไปทำงานที่กัมพูชานะ ผมจำผิดคน 5555 คนนี้ไปหมู่เกาะโซโลมอน เอาไว้เดี๋ยวจะไปหาคนที่ไปกัมพูชาแล้วจะขอสัมภาษณ์เอามาเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ
ม่ะเริ่มสัมภาษณ์เลยละกัน (เรื่องนี้มันเกิดขึ้นนานแล้วเนาะเกือบๆ 10 ปี หรือ 10 ปี++ ถ้าเห็นเพื่อนผมบอกจำไม่ได้ก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ)
.
ผม: ตอนนั้นรู้เรื่องประกาศสมัครงานนี้ที่ไหนวะ
เพื่อน: ไปงานแต่งงานใครซักคนนี่แหละ แล้วมีเพื่อนที่เจอในงานบอกว่ามีงานที่ออสเตรเลียเงินเดือนดี เลยสนใจ
.
ผม: แล้วรู้ตอนไหนว่าเป็นเกาะโซโลมอน ไม่ใช่ออสเตรเลีย
เพื่อน: รู้ตอนสัมภาษณ์น่ะ
.
*หมายเหตุแอดมิน: หมู่เกาะโซโลมอน เป็นประเทศในโซนโอเชียเนีย อยู่เลยอินโดนีเซียไปทางตะวันออก และอยู่ทางเหนือของออสเตรเลีย เป็นประเทศในเครือจักรภพ และเนื่องจากอยู่ห่างไกลมากๆ เลยยังออกแนวธรรมชาติๆอยู่มาก
.
ผม: งานที่โน่นคือไปทำอะไร
เพื่อน: ทำถนน ทำสะพาน งานโยธาน่ะ แค่ไม่ได้ไปสร้างบ้านสร้างตึก
.
ผม: ทำไมต้องมาจ้างคนไทยไปทำอ่ะ คนพื้นที่ไม่มีเหรอ
เพื่อน: ที่ต้องเป็นคนไทยเพราะบริษัทเจ้าของงานที่เป็นบริษัทญี่ปุ่น เขาดูแล้วว่าถ้าเอาคนญี่ปุ่นไปทำค่าตัวมันจะแพง เลยมาจ้างบริษัทที่ไทยไปทำ ส่วนเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นบริษัทไทย อันนี้เขาอาจจะเคยจ้างกันมาก่อนมั้ง ไม่แน่ใจ
 
แล้วก็ คนท้องถิ่นเขาไม่มีวิศวกรนะ เขา (ประเทศหมู่เกาะโซโลมอน) ผลิตวิศวกรเองไม่ได้ อย่าว่าแต่วิศวกร ตำรวจที่ถือปืนก็เป็นฝรั่ง เป็นตำรวจส่งมาจากออสเตรเลีย ส่วนคนพื้นเมืองเป็นตำรวจท้องถิ่นมีกระบองเป็นอาวุธ
.
ผม: นึกไงถึงตัดสินใจไป
เพื่อน: เงินเดือนดีอยู่ เขาให้ประมาณ 2 เท่าของที่ทำอยู่ (ตอนนั้นทำงานได้ 3 ปี) แล้วเขาบอกว่าอยู่โน่นไม่ต้องใช้เงินมาก คือจะมีเงินตัดจากเงินเดือนให้ใช้ที่โน่นซัก 5 พันมั้ง ที่เหลือก็โอนเข้าธนาคารในไทย แล้วส่วนตัวก็อยากไปทำงานอะไรใหม่ๆลุยๆด้วย เลยตัดสินใจไป
.
ผม: ตอนนั้นมีแฟนยังวะ
เพื่อน: มีแล้ว
.
ผม: คนไหน 5555
เพื่อน: แฟนคนที่ 27 ก่อนหน้าคนปัจจุบัน ถถถถุ้ยยย แฟนตอนนั้นก็แม่ของลูกนี่แหละ แหม่ อย่าเอาตรงนี้ลงนะเดี๋ยวหัวแตก 555
.
ผม: ไม่ต้องห่วง (เอาลงแน่นอน 555) แล้วไม่ห่วงแฟนทิ้งไปมีแฟนใหม่อะไรงี้เหรอ แล้วตอนนั้นติดต่อกับเมืองไทยยังไง
เพื่อน: ไม่ห่วงนะ ยังเด็กอยู่มั้งเลยไม่คิดอะไรมาก เรื่องติดต่อตอนนั้นก็ใช้ Skype โทรหาเห็นหน้ากัน
.
ผม: อะเค เออ เห็นบอกว่าเขากันให้ใช้ที่โน่น 5 พัน แล้วพอใช้เหรอ
เพื่อน: เขามีแม่บ้านทำกับข้าวให้กิน 3 มื้อ มีที่อยู่ มีคนซักผ้าให้ เราก็ทำงานอย่างเดียว ส่วน 5 พันนั่นคืองบสังสรรค์ล้วนๆ
.
ผม: แม่บ้านทำกับข้าวแนวไหนให้กิน
เพื่อน: อาหารไทยเรานี่แหละ เขาจ้างแม่ครัวไทยไป
.
ผม: บริษัทจ้างแม่ครัวคนไทยไปเลยเรอะ ลงทุนน่าดู
เพื่อน: ก็เป็นเมียของช่างที่ไปด้วยกันนั่นแหละ ตามไปคุมผัวพอดี ไปจ้างลูกมือเพิ่มที่โน่นเอาไว้ไปจ่ายของสด
.
ผม: จ้างช่างจากไทยไปด้วยเหรอ
เพื่อน: ใช่สิ คืองานอะไรที่ต้องใช้ทักษะ เช่น ขับรถแบ็คโฮ เครื่องขุด เครื่องเจาะ ต้องเอาช่างจากไทยไป งานที่จ้างคนที่โน่นคืองานที่ไม่ต้องใช้ทักษะ ใช้แรงงานอย่างเดียว
.
ผม: กลับมาเรื่องอาหารแป้ป วัตถุดิบอาหารไทยมีขายเรอะ
เพื่อน: พอดีบนเกาะที่โน่นมีเครื่องปรุงขึ้นอยู่ตามธรรมชาติพอดี พวก ตะไคร้ กะเพรา หน่อไม้ คนไทยก็สบายเลย
.
ผม: อยู่เกาะในทะเลนี่กินแต่อาหารทะเลป่ะ
เพื่อน: ใช่ กินอาหารทะเลจนเบื่อ มากินปลาดิบเป็นที่นี่แหละ ทูน่าสดๆ กุ้ง ปู ปลาหมึกนี่เบสิคมากๆ กุ้งมังกรนี่คือตัวใหญ่มาก มีให้กินตลอด แต่ถ้าอยากกินไก่ กินหมู ต้องซื้อมาเป็นตัวๆเอามาเชือดเอง
 
จริงๆมีเนื้อหมูแช่แข็งขายที่ตลาด แต่มันจะขายเนื้อแค่เฉพาะส่วนเท่าที่ฝรั่งเขากินกันน่ะ จะไม่มีพวกเลือด เครื่องใน ขั้วตับ ถ้าอยากกินลาบ ต้มแซ่บ ตับหวาน ก็ต้องซื้อมาเชือดเอง
.
ผม: เฮือก สยองหวะ ใครเชือดวะ
เพื่อน: มือเชือดก็ช่างที่ไปด้วยนี่แหละ ไม่งั้นแย่เลย
.
ผม: แล้วชีวิตทั่วๆไปที่โน่นเป็นไงบ้าง
เพื่อน: โอ้ย สนุก พอดีมีเพื่อนรุ่นที่จบมาด้วยกันไปด้วย 2-3 คนเลยไม่เหงา งานก็ได้ลุยสมใจอยาก ทำงาน 7 วันเลย ไม่มีหยุด เพราะหยุดก็ไม่รู้จะทำอะไร 5555 
.
ผม: อากาศที่โน่นร้อนหรือหนาว ต่างจากบ้านเรามะ
เพื่อน: ไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไหร่ ดูในแผนที่ก็จะอยู่แถวๆเส้นศูนย์สูตรนี่แหละ ใต้ลงไปจากบ้านเราไม่เท่าไหร่
.
ผม: บ้านเมืองเค้าเจริญมะ
เพื่อน: ไปวันแรกๆไปอยู่เมืองหลวงชื่อ Horniara เจริญประมาณอำเภอบ้านนอกๆของเรา คือไม่มีตึกสูงเกิน 4 ชั้นอะ แต่เมืองที่ไปอยู่ทำงานคือยิ่งกว่านั้นอีก (เมืองAuki บนเกาะ Malaita) มีถนนคอนกรีตในตัวเมืองแค่ 200-300 เมตรเองมั้ง ลองไปส่องใน google ดูได้ ตอนนี้อาจจะเจริญขึ้นกว่าตอนที่ไป
.
ผม: แบบนี้งบสังสรรค์ 5 พันเอาไปใช้ที่ไหนล่ะ
เพื่อน: มีโรงแรมหรูประมาณนึงอยู่ 1 ที่ อยากกินอะไรหรูๆก็มากินที่โรงแรมนี่แหละ
.
ผม: เรื่องประทับใจที่โน่นอะ
เพื่อน: ธรรมชาติสวยงามมาก ทะเลสวย หาดสวย สวยมากๆนะ เหมือนบ้านเราฝั่งอันดามัน ภูเก็ต เขาหลัก แบบนั้นเลย ยังธรรมชาติจ๋าๆด้วย ไม่เละแบบบ้านเรา เดินจากหาดลงน้ำไปไม่ไกลก็เจอแนวปะการังสวยๆแล้ว อากาศก็ดี
.
ผม: เรื่องไม่ประทับใจอะ
เพื่อน: ก็อย่างที่บอก มันไม่มีอะไรเลย แล้วเวลาทำงานเครื่องเสียไม่มีอะไหล่ หรือต้องใช้เครื่องอะไรเพิ่ม ก็ต้องใส่เรือมาจากไทย รอไป 2 เดือน ที่นั่นไม่มีขาย
 
หรือไม่ก็ไปรื้อเครื่องจักรเก่าๆของกรมทางที่เขาทิ้งไว้ตามป่า อะไหล่อันไหนพอใช้ได้ก็ถอดไปใช้ พอดีว่าบริษัทบอกกรมทางเขาว่าถ้างานเสร็จจะทิ้งเครื่องจักรไว้ให้ใช้ เขาก็เลยอนุญาตมาแกะอะไหล่จากซากของเขาไปใช้ได้ตามสบาย
.
ผม: เรื่องตื่นเต้นมีมั๊ย
เพื่อน: มีเคยขุดเจอระเบิดสมัยสงครามโลกทีนึง 555 สมัยโน่น (สงครามโลกครั้งที่ 2) ที่นี่เป็นจุดยุทธศาสตร์นะ อเมริการบกับญี่ปุ่นชื่อยุทธการกัวดัลคาแนล ลองไปค้นดู อีกเรื่องก็มีจลาจลหนนึงไม่รู้เรื่องอะไร เผาเมืองราบเลย พวกกูก็โดนพาไปหลบในโรงแรม เป็นเขตคนญี่ปุ่นมาลงทุน พวกคนพื้นเมืองไม่กล้าเข้ามา
.
ผม: เขาให้กลับบ้านบ่อยป่าว
เพื่อน: ปีละครั้ง แต่ของกูครบปีลาออกเลย 555
.
ผม: อ่าวเฮ้ย ไหนบอกชีวิตดี
เพื่อน: มันรู้สึกว่าที่อยากลุยๆก็ได้ทำไปหมดแล้วอะ ไม่มีความท้าทายใดๆ แล้วเงินก็เก็บได้ประมาณนึงเลย เอามาซื้อคอนโดกลับมาอยู่ไทยดีกว่า
.
ผม: สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรให้น้องๆที่อยากไปขุดทองต่างประเทศมั่งมั๊ย
เพื่อน: อายุยังน้อยๆ ถ้าอยากทำอะไรที่คิดว่าถ้าตอนนี้ไม่ทำแล้วจะมานั่งเสียใจทีหลัง ให้ทำไปเลย
.
ผม: อะเค ยังไงก็ขอบคุณมากนะฮะที่มาแบ่งปันประสบการณ์
เพื่อน: ยินดีๆ

เดี๋ยวมีต่อภาค 2 เป็นเพื่อนคนที่ไปกัมพูชานะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่