ไม่ได้ลากกระเป๋ามาสนามบินเกือบ 2 ปี ครั้งนี้ ดูลาดเลา ตรวจสอบข้อมูล กำตังค์ค่ารีฟันด์เมื่อสองปีก่อน เป็นอันสิ้นสุดการรอคอย แม่ลูกจับมือกันแน่น เป็นไงเป็นกัน ฉันต้องได้เที่ยวแล้ว ฮึบ ฮึบ
ทริปนี้ไม่มีดิสนีย์แลนด์ค่ะ แต่เป็นการพาลูกสาวและตัวเอง ข้ามฟ้าไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน เป็นครั้งแรกที่เรียกได้ว่า เที่ยวข้ามปี และไม่ได้อยู่บ้านเราในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ไม่ได้ตั้งใจจะไปเคาท์ดาวน์ต่างประเทศแบบที่เขาฮิตกันนะ แต่โปรแกรมทัวร์กำหนดวันที่มาช่วงนั้น เป็นช่วงที่ลูกปิดเทอมพอดี และที่ทำงานแม่ก็หยุดคริสต์มาส
มีเรื่องราวมากมายที่ขอแยกเล่าเป็นส่วนๆ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ตั้งแต่การเตรียมตัวเดินทางเที่ยวช่วงโรคระบาด และ การเที่ยวในประเทศต่างๆที่ได้ไป นะคะ
เราบินเข้าทางเมือง Zurich สวิสเซอร์แลนด์ เพราะตามข้อมูลคือ เป็นประเทศที่เงื่อนไขของวัคซีนที่ฉีดไม่เป็นอุปสรรคกับการเที่ยวและการของวีซ่า จขกทฉีด Sinovac 2 เข็ม และ AstraZeneca อีก 1 และ สองคนแม่ลูกไม่มีวัคซีนพาสปอร์ตเล่มสีเหลืองค่ะ (เพราะขอไม่ทัน แบบว่าตัดสินใจกันนาทีสุดท้าย หุหุ)
เรายื่นเอกสารของวีซ่าตามปกติให้บริษัททัวร์ดำเนินการให้ และได้รับแจ้งว่าไม่จำเป็นต้องไปแสดงตัวที่สถานฑูตหรือศูนย์ เนื่องจากเคยได้รับวีซ่าเชงเก้นมาก่อน และเพิ่งหมดอายุไปเมื่อ ปลายปี 2019 เพื่อจำกัดการไปแออัดในนั้นด้วย เราก็นอนรอผล
ความลุ้นระทึกอยู่ตรงที่ข่าว การระบาดของโอไมครอนที่โหมหนักไม่เว้นวัน การประกาศล็อคดาวน์ของเนเธอร์แลนด์ การยกเลิกการใช้ Thailand Pass และอีกมากมาย จนนาทีที่จะขึ้นเครื่อง ยืนมองกระดานก็ยังลุ้นว่าข้างเที่ยวบิน EK 385 ของเราจะมีตัวแดงขึ้นว่ายกเลิกไหม
นี่จัดกระเป๋าเดินทางกันตอนค่ำวันขึ้นเครื่อง เพราะไม่แน่ใจว่าสายการบินจะประกาศยกเลิกเที่ยวบินไหม เป็น 30 วันแห่งการรอคอยที่ยาวนาน หัวใจสูบฉีดเพราะการลุ้นระทึกและการสวดมนต์ 🤣 วนไป อยากเที่ยวก็อยาก อัดอั้นมานานโข กลัวก็กลัว ใครๆ รู้คงห้ามปราม ก็เลยตัดสินใจไม่ได้บอกใคร อัดอั้นหนักเข้าไปอีก
ไม่ได้สวนกระแส หรือ อยากไปโหนกระแส แค่รู้สึกว่า ถ้าโรคระบาดจะยืดเยื้อ ยาวนาน กลายพันธุ์ หลายทอดจนเป็นรุ่นโปร โปรแม็กซ์ ขนาดนี้ เราคงต้องอยู่กับมันให้ได้ ต้องใช้ชีวิต ต้องได้ทำอะไรในไลฟสไตล์ของเราบ้าง ตามเงื่อนไขที่มี สูดหายใจใต้หน้ากากอนามัยเดินหน้าค่ะ
เราบินสายการบิน Emirates จากกรุงเทพฯ ไปดูไบ และ จากดูไบไปซูริค ยาวนานแค่ไหน ถามใจดู แต่ไม่นานเท่ากับที่เรารอวันจะได้เที่ยว
เที่ยวบินจากดูไบไปซูริค เราได้นั่งเว้นที่กันค่ะ ไม่แน่ใจว่าเพราะมาตรการหรือไฟลท์ไม่เต็ม แต่ใดๆ คือสายการบินนี้ดีเสมอ เบาะกว้างนั่งสบาย โปรแกรมบันเทิงหน้าจอมากมาย กัปตันจะประกาศเน้นให้ผู้โดยสารและลูกเรือสวมหน้ากากตลอดเส้นทาง แถมยังมีแจกหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือบนเครื่องด้วย
ตัดภาพมาที่ตรวจคนเข้าเมือง หรือ Immigration ของสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ยากเลยจริงๆ เราเดินเข้าไปพร้อมกับเอกสารที่บริษัททัวร์แจก และ ผลตรวจ PCR สดๆ ร้อนๆ ลงทะเบียนแคปหน้าจอ ให้ จนท ดู ไม่มีวัคซีนพาสปอร์ต ก็เข้าได้
ครั้งนี้เรามีไกด์หรือหัวหน้าทัวร์ผู้ชำนาญการชื่อ คุณชุ หรือ คุณ Chayakorn ที่แม้เพียงแรกพบสบตา ก็รู้สึกได้ว่าตื่นเต้นกับทริปนี้ไม่แพ้เรา ในการไปเที่ยวกับทัวร์ทุกครั้ง เรากล้ายืนยันอย่างหนึ่งว่า สำหรับเรา ทริปนั้นจะสนุกหรือไม่ ร้อยละ 80 ขึ้นอยู่กับไกด์ เราชอบฟังเกร็ดประวัติศาสตร์นอกตำรา หรือ เรื่องเมาท์มอยหอยสังข์ต่างๆ ที่ไกด์จะเล่า มัคคุเทศก์ทุกคนอาจจะมีความรู้ประวัติศาสตร์แน่นปึ้กกันหมด แต่วิธีการเล่าให้ลูกทัวร์ไม่ "ซ่อนตาดำ" ระหว่างนั่งรถนั้น ถือเป็นสกิลขั้นสูงอยู่นะคะ
เป็นเรื่องการจังหวะการพูด การใช้เสียง การสบตา น้ำเสียง ซึ่งคุณชุมีครบเลย เหนือสิ่งอื่นใด ไกด์ต้องรับมือกับลูกค้าที่หลากหลาย ร้อยพ่อพันแม่ ปฏิเสธไม่ได้ ทริปนี้ ปัญหามีตั้งแต่ยังไปไม่ถึงจุดหมาย คือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ประกาศล็อคดาวน์ แต่บริษัทและคุณชุแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก เต็มสิบเราให้ร้อยเลย อันนี้อิงจากประสบการณ์การท่องเที่ยวกับทัวร์ของตัวเองนะคะ ต้องขอขอบคุณคุณชุไว้ ณ ที่นี่ค่ะ (ไว้เดี๋ยวแยกกระทู้ต่างหาก ว่าด้วยไกด์ ละกัน
)
เรานั่งรถบัสจากซูริคมาที่ลูเซิร์นซึ่งมี อนุสาวรีย์สิงโต และ สะพานไม้ที่ยาวที่สุด ทอดข้ามแม่น้ำรอยซ์ ยังคงสวยงามเหมือนเดิม แต่ที่ทำให้มันดูสวยงาม คลาสสิคกว่าเดิมคงเป็นบรรยากาศที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน นักท่องเที่ยว (จีน?) ไม่มี เขาว่างั้น วันที่เราไปมีฝนปรอย และ มีลม แต่โชคดีที่ได้เห็นสองสถานที่ชัดเจน ก่อนพระอาทิตย์ตก ส่วนตัว จขกท มีโอกาสมาเยือนที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่เป็นการเยือนสวิสครั้งแรกของลูกสาว
โปรแกรมทัวร์จัดเต็มให้ด้วยการนั่งกระเช้าพิชิตยอดเขา Titlis ท่ามกลางหิมะปุกปุยและโปรยปราย ถือเป็นความตั้งใจของแม่ ว่าอยากพานางมาเห็น มาสัมผัสหิมะจริงๆ สักครั้ง ครั้งนี้มีโอกาสเดินทางหน้าหนาว หิมะก็เทลงมาให้เห็นสมใจนึก น่าจะเป็นความตื่นตาตื่นใจ ตื่นเต้น ที่สุดละ
ตอนออกจากโรงแรมคือ ฝนปรอย ลุ้นว่าจะขึ้นเขาได้ไหม แล้วด้านบนจะปิดไหม คุณไกด์อัพเดทว่าไม่ปิด นั่งกระเช้าขึ้นไป ต่อกระเช้า Rotaire ได้เห็นผู้คนของเขามาเล่นสกีกันมากมาย อุณหภูมิบนนั้นคือ -12 องศา และเย็นกว่านั้นเมื่อมีลม เราจะเข้าใจความหมายของสำนวน "ยิ่งสูง ยิ่งหนาว" ดีขึ้น
เรารับประทานอาหารกลางวันบนยอดเขา Titlis สีขาวโพลนนอกหน้าต่างที่เห็นคือหิมะนะคะ ลงจากยอดเขาเรามุ่งหน้าไปเมือง Basel พักโรงแรมแถวนั้นด้วย Basel เป็นอีกเมืองที่สวยมาก
ช่วงที่เราไป ยังมีบรรยากาศเฉลิมฉลองคริสต์มาสปีใหม่ให้เห็นอยู่ ถนน ร้านค้า จะประดับประดาด้วยไฟ และ ต้นคริสต์มาส ดูสวยมาก ได้อารมณ์วันหยุดจริงๆ สายช้อปอาจไม่พอใจเมืองนี้เท่าไหร่ เพราะทั้งเมืองและประเทศนี้คือค่าครองชีพสูงติดอันดับโลก แต่ส่วนตัว จขกท คือ ชอบอารมณ์ความเก่าแก่ของเมือง ทางเดินหินก้อนใหญ่ และ ตึกที่ดูเหมือนตึกแถว แต่อายุหลายร้อยปีแบบนี้
ขอปิดกระทู้นี้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วยเครื่องดื่มโปรดของตัวเอง มาถึงนี่แล้วห้ามพลาดนะคะ ของหวานอาจไม่ดีต่อสุขภาพ แต่บางจังหวะของชีวิต เราก็ต้องการความอบอุ่นและความหวาน มันจึงมาเอวังที่ ช็อคโกเลตร้อนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ อันนี้มีบริการที่โรงแรมฟรี ให้เต็มสิบไม่หัก
ไว้กระทู้หน้าจะมาเล่าถึงการไปเที่ยวฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมค่ะ อดใจรอสักนิด สวัสดีปีใหม่ 2565 ค่ะ ขอแทรกคลิปวีดีโอแรก
กาลคร้งหนึ่ง..ของการท่องเที่ยว Ep.01
ทริปนี้ไม่มีดิสนีย์แลนด์ค่ะ แต่เป็นการพาลูกสาวและตัวเอง ข้ามฟ้าไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน เป็นครั้งแรกที่เรียกได้ว่า เที่ยวข้ามปี และไม่ได้อยู่บ้านเราในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ไม่ได้ตั้งใจจะไปเคาท์ดาวน์ต่างประเทศแบบที่เขาฮิตกันนะ แต่โปรแกรมทัวร์กำหนดวันที่มาช่วงนั้น เป็นช่วงที่ลูกปิดเทอมพอดี และที่ทำงานแม่ก็หยุดคริสต์มาส
มีเรื่องราวมากมายที่ขอแยกเล่าเป็นส่วนๆ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ตั้งแต่การเตรียมตัวเดินทางเที่ยวช่วงโรคระบาด และ การเที่ยวในประเทศต่างๆที่ได้ไป นะคะ
เราบินเข้าทางเมือง Zurich สวิสเซอร์แลนด์ เพราะตามข้อมูลคือ เป็นประเทศที่เงื่อนไขของวัคซีนที่ฉีดไม่เป็นอุปสรรคกับการเที่ยวและการของวีซ่า จขกทฉีด Sinovac 2 เข็ม และ AstraZeneca อีก 1 และ สองคนแม่ลูกไม่มีวัคซีนพาสปอร์ตเล่มสีเหลืองค่ะ (เพราะขอไม่ทัน แบบว่าตัดสินใจกันนาทีสุดท้าย หุหุ)
เรายื่นเอกสารของวีซ่าตามปกติให้บริษัททัวร์ดำเนินการให้ และได้รับแจ้งว่าไม่จำเป็นต้องไปแสดงตัวที่สถานฑูตหรือศูนย์ เนื่องจากเคยได้รับวีซ่าเชงเก้นมาก่อน และเพิ่งหมดอายุไปเมื่อ ปลายปี 2019 เพื่อจำกัดการไปแออัดในนั้นด้วย เราก็นอนรอผล
ความลุ้นระทึกอยู่ตรงที่ข่าว การระบาดของโอไมครอนที่โหมหนักไม่เว้นวัน การประกาศล็อคดาวน์ของเนเธอร์แลนด์ การยกเลิกการใช้ Thailand Pass และอีกมากมาย จนนาทีที่จะขึ้นเครื่อง ยืนมองกระดานก็ยังลุ้นว่าข้างเที่ยวบิน EK 385 ของเราจะมีตัวแดงขึ้นว่ายกเลิกไหม
นี่จัดกระเป๋าเดินทางกันตอนค่ำวันขึ้นเครื่อง เพราะไม่แน่ใจว่าสายการบินจะประกาศยกเลิกเที่ยวบินไหม เป็น 30 วันแห่งการรอคอยที่ยาวนาน หัวใจสูบฉีดเพราะการลุ้นระทึกและการสวดมนต์ 🤣 วนไป อยากเที่ยวก็อยาก อัดอั้นมานานโข กลัวก็กลัว ใครๆ รู้คงห้ามปราม ก็เลยตัดสินใจไม่ได้บอกใคร อัดอั้นหนักเข้าไปอีก
ไม่ได้สวนกระแส หรือ อยากไปโหนกระแส แค่รู้สึกว่า ถ้าโรคระบาดจะยืดเยื้อ ยาวนาน กลายพันธุ์ หลายทอดจนเป็นรุ่นโปร โปรแม็กซ์ ขนาดนี้ เราคงต้องอยู่กับมันให้ได้ ต้องใช้ชีวิต ต้องได้ทำอะไรในไลฟสไตล์ของเราบ้าง ตามเงื่อนไขที่มี สูดหายใจใต้หน้ากากอนามัยเดินหน้าค่ะ
เราบินสายการบิน Emirates จากกรุงเทพฯ ไปดูไบ และ จากดูไบไปซูริค ยาวนานแค่ไหน ถามใจดู แต่ไม่นานเท่ากับที่เรารอวันจะได้เที่ยว
เที่ยวบินจากดูไบไปซูริค เราได้นั่งเว้นที่กันค่ะ ไม่แน่ใจว่าเพราะมาตรการหรือไฟลท์ไม่เต็ม แต่ใดๆ คือสายการบินนี้ดีเสมอ เบาะกว้างนั่งสบาย โปรแกรมบันเทิงหน้าจอมากมาย กัปตันจะประกาศเน้นให้ผู้โดยสารและลูกเรือสวมหน้ากากตลอดเส้นทาง แถมยังมีแจกหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือบนเครื่องด้วย
ตัดภาพมาที่ตรวจคนเข้าเมือง หรือ Immigration ของสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ยากเลยจริงๆ เราเดินเข้าไปพร้อมกับเอกสารที่บริษัททัวร์แจก และ ผลตรวจ PCR สดๆ ร้อนๆ ลงทะเบียนแคปหน้าจอ ให้ จนท ดู ไม่มีวัคซีนพาสปอร์ต ก็เข้าได้
ครั้งนี้เรามีไกด์หรือหัวหน้าทัวร์ผู้ชำนาญการชื่อ คุณชุ หรือ คุณ Chayakorn ที่แม้เพียงแรกพบสบตา ก็รู้สึกได้ว่าตื่นเต้นกับทริปนี้ไม่แพ้เรา ในการไปเที่ยวกับทัวร์ทุกครั้ง เรากล้ายืนยันอย่างหนึ่งว่า สำหรับเรา ทริปนั้นจะสนุกหรือไม่ ร้อยละ 80 ขึ้นอยู่กับไกด์ เราชอบฟังเกร็ดประวัติศาสตร์นอกตำรา หรือ เรื่องเมาท์มอยหอยสังข์ต่างๆ ที่ไกด์จะเล่า มัคคุเทศก์ทุกคนอาจจะมีความรู้ประวัติศาสตร์แน่นปึ้กกันหมด แต่วิธีการเล่าให้ลูกทัวร์ไม่ "ซ่อนตาดำ" ระหว่างนั่งรถนั้น ถือเป็นสกิลขั้นสูงอยู่นะคะ
เป็นเรื่องการจังหวะการพูด การใช้เสียง การสบตา น้ำเสียง ซึ่งคุณชุมีครบเลย เหนือสิ่งอื่นใด ไกด์ต้องรับมือกับลูกค้าที่หลากหลาย ร้อยพ่อพันแม่ ปฏิเสธไม่ได้ ทริปนี้ ปัญหามีตั้งแต่ยังไปไม่ถึงจุดหมาย คือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ประกาศล็อคดาวน์ แต่บริษัทและคุณชุแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก เต็มสิบเราให้ร้อยเลย อันนี้อิงจากประสบการณ์การท่องเที่ยวกับทัวร์ของตัวเองนะคะ ต้องขอขอบคุณคุณชุไว้ ณ ที่นี่ค่ะ (ไว้เดี๋ยวแยกกระทู้ต่างหาก ว่าด้วยไกด์ ละกัน)
เรานั่งรถบัสจากซูริคมาที่ลูเซิร์นซึ่งมี อนุสาวรีย์สิงโต และ สะพานไม้ที่ยาวที่สุด ทอดข้ามแม่น้ำรอยซ์ ยังคงสวยงามเหมือนเดิม แต่ที่ทำให้มันดูสวยงาม คลาสสิคกว่าเดิมคงเป็นบรรยากาศที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน นักท่องเที่ยว (จีน?) ไม่มี เขาว่างั้น วันที่เราไปมีฝนปรอย และ มีลม แต่โชคดีที่ได้เห็นสองสถานที่ชัดเจน ก่อนพระอาทิตย์ตก ส่วนตัว จขกท มีโอกาสมาเยือนที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่เป็นการเยือนสวิสครั้งแรกของลูกสาว
โปรแกรมทัวร์จัดเต็มให้ด้วยการนั่งกระเช้าพิชิตยอดเขา Titlis ท่ามกลางหิมะปุกปุยและโปรยปราย ถือเป็นความตั้งใจของแม่ ว่าอยากพานางมาเห็น มาสัมผัสหิมะจริงๆ สักครั้ง ครั้งนี้มีโอกาสเดินทางหน้าหนาว หิมะก็เทลงมาให้เห็นสมใจนึก น่าจะเป็นความตื่นตาตื่นใจ ตื่นเต้น ที่สุดละ
ตอนออกจากโรงแรมคือ ฝนปรอย ลุ้นว่าจะขึ้นเขาได้ไหม แล้วด้านบนจะปิดไหม คุณไกด์อัพเดทว่าไม่ปิด นั่งกระเช้าขึ้นไป ต่อกระเช้า Rotaire ได้เห็นผู้คนของเขามาเล่นสกีกันมากมาย อุณหภูมิบนนั้นคือ -12 องศา และเย็นกว่านั้นเมื่อมีลม เราจะเข้าใจความหมายของสำนวน "ยิ่งสูง ยิ่งหนาว" ดีขึ้น
เรารับประทานอาหารกลางวันบนยอดเขา Titlis สีขาวโพลนนอกหน้าต่างที่เห็นคือหิมะนะคะ ลงจากยอดเขาเรามุ่งหน้าไปเมือง Basel พักโรงแรมแถวนั้นด้วย Basel เป็นอีกเมืองที่สวยมาก
ช่วงที่เราไป ยังมีบรรยากาศเฉลิมฉลองคริสต์มาสปีใหม่ให้เห็นอยู่ ถนน ร้านค้า จะประดับประดาด้วยไฟ และ ต้นคริสต์มาส ดูสวยมาก ได้อารมณ์วันหยุดจริงๆ สายช้อปอาจไม่พอใจเมืองนี้เท่าไหร่ เพราะทั้งเมืองและประเทศนี้คือค่าครองชีพสูงติดอันดับโลก แต่ส่วนตัว จขกท คือ ชอบอารมณ์ความเก่าแก่ของเมือง ทางเดินหินก้อนใหญ่ และ ตึกที่ดูเหมือนตึกแถว แต่อายุหลายร้อยปีแบบนี้
ขอปิดกระทู้นี้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วยเครื่องดื่มโปรดของตัวเอง มาถึงนี่แล้วห้ามพลาดนะคะ ของหวานอาจไม่ดีต่อสุขภาพ แต่บางจังหวะของชีวิต เราก็ต้องการความอบอุ่นและความหวาน มันจึงมาเอวังที่ ช็อคโกเลตร้อนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ อันนี้มีบริการที่โรงแรมฟรี ให้เต็มสิบไม่หัก
ไว้กระทู้หน้าจะมาเล่าถึงการไปเที่ยวฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมค่ะ อดใจรอสักนิด สวัสดีปีใหม่ 2565 ค่ะ ขอแทรกคลิปวีดีโอแรก