พอดีเห็นว่า ผมน่าจะเอารีวิวซีรีส์เรื่องใหม่ๆ ที่เพิ่งฉายจบ ที่ลงไว้ในกระทู้รวม
https://ppantip.com/topic/39758422
มาลงแยกไว้ต่างหากบ้าง เผื่อใครกำลังหาดูจะได้เป็นแนวทางพิจารณาครับ
รีวิวซีรีส์
เรื่องที่ 108 The Red Sleeve 17 EP EP ละประมาณ 70 นาที / Viu
ปีที่ผ่านมา มีซีรีส์ซากึก (ซีรีย์ย้อนยุค) ที่น่าสนใจหลายเรื่อง แต่หากจะหาเรื่องที่ท็อปฟอร์มจริงๆ นั้น คงจะมีแค่ไม่กี่เรื่อง เรื่องที่ผมคาดการณ์ไว้ว่าจะเจ๋งอย่าง Joseon Exorcist กลับมีเหตุเน่าจนไม่ได้ฉาย บอกเลยว่าทั้งปีที่ผ่านมา ยังหาเรื่องที่สนุกครบครันอย่าง Mr. Queen ที่ฉายตั้งแต่ปลายปีที่แล้วไม่ได้เลย
จนกระทั่ง The Red Sleeve เริ่มฉาย บอกเลยว่าดูไปแล้วคือติดมาก เดินเรื่องเร็ว สนุกมาก เข้มข้น ตลกก็มี เป็นซากึกที่ให้ครบทุกอารมณ์ ช่วงแรกๆ บอกเลยว่ารอดูตลอด แน่นอนว่าช่วงแรกของเรื่องนี้เหนือว่า The King's Affection ไปเยอะเลยครับ
แล้วสักพักเรื่องนี้ก็มีข่าวว่าเรตติ้งดีมากจนได้เพิ่มตอนอีก 1 EP และนั่นแหล่ะครับ เมื่อมีการเพิ่มตอน ความเร็วในการเล่าเรื่องก็เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ความเข้มข้นที่เคยมีก็เริ่มหายไป โดยเฉพาะเมื่อผ่านช่วงการเปลี่ยนแปลงหลักของเรื่อง มันอืดขึ้นมากจริงๆ จากที่เคยดูแบบไม่ละสายตา ก็เริ่มมีหยิบมือถือมากดนั่นนี่ได้
แต่ถึงกระนั้นความดีงามของบทที่เรื่องนี้เขียนมาได้อย่างดี ทำให้ยังคงน่าติดตามดูอย่างต่อเนื่องตลอด โดยเฉพาะช่วงท้ายที่หลายคนลุ้นมากว่าจะจบแบบไหน เพราะแน่นอนว่า ประวัติศาสตร์ช่วงนี้เคยถูกสร้างมาแล้วในเรื่อง "ลีซาน" นั่นเอง
เรื่องราวใน The Red Sleeve เป็นเรื่องราวของ "นางใน" เริ่มยุคของพระเจ้าย็องโจ ซึ่งเพื่อความเข้าใจง่ายๆของทุกคน เขาเป็นลูกของ "ทงอี" นั่นเอง จนต่อมาจนถึงในยุคพระเจ้าช็องโจ หรือลีซาน ที่เรารู้จักกัน การเล่าเรื่องเน้นหนักที่มุมของนางเอก ซึ่งเป็นนางในตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย เรื่องนี้ถึงได้ชื่อว่า The Red Sleeve ซึ่งสื่อถึงขอบแขนเสื้อสีแดงของนางในนั่งเอง
บอกเลยว่าผมแปลกใจกับบทบาทของเหล่านางในในเรื่องนี้มากครับ นางในตัวน้อยอย่างนางเอกมีบทบาทอย่างมหาศาลต่อเนื้อเรื่อง อีกทั้งกลุ่มนางในก็ยังมีบทบาทที่เหลือเชื่อจากนางในในเรื่องอื่นๆ เอาเป็นว่าเคยคิดว่า "ทงอี" เป็นเรื่องของนางในอย่างเข้มข้นแล้ว เรื่องนี้เข้มกว่าครับ
สิ่งต่อมาที่เข้าขั้นพิสดารในการเล่าเรื่อง คือการตัดบทบาทของพระมเหสีของพระเอกออกไป ตัดหมายถึงกล่าวอ้างถึงน้อยมาก เท่าที่จำเป็น และไม่มีใครแสดงในบทนี้เลย ซึ่งการเล่าเรื่องราวในวังหลวง เรื่องราวของกษัตริย์ โดยข้ามพระมเหสีไป ก็เล่นเองงงว่า ทำได้ด้วยหรือ เล่นเอางงว่าทำไมไม่มีพระชายา แล้วทำไมถึงมามีสนมได้ สุดท้ายก็ชัดเจนว่า เขาจงใจไม่เล่าถึงเลยด้วยซ้ำ แปลกจริงๆครับ
แต่อย่างที่กล่าวมา ไม่มีพระมเหสี ก็ไม่ได้แปลว่าเรื่องนี้ไม่สนุกแต่อย่างใด ช่วงแรกจนถึงประมาณ 2/3 ของเรื่องนั้นยอดเยี่ยม สนุกมากๆ แต่อีก 1/3 ผมยอมรับว่าดูไปแล้วอึดอัดกับนางเอกอยู่พอควร เข้าใจว่ารู้สึกอย่างไร แต่เธอ "เยอะ" ใช่เล่น ซึ่งหลายคนอาจจะชอบการที่ต้องลุ้นตรงนี้ก็ได้
พระเอก - อีจุนโฮ 2PM เขาพึ่งออกจากกรม และได้กลับมาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ เป็นพระเอกที่เหมาะสุดๆกับบทนี้ แสดงได้ดีมากๆ ดูเหมือนจะเข้ากับแนวซากึกได้เป็นอย่างดี
นางเอก - อีเซยอง จำได้ว่าผมดูน้องเขาใน Memorist คือสวยมาก สวยจัดๆ แต่พอมาดูเรื่องอื่นเช่น Dr. John, Kairos กลับรู้สึกว่าสวยน้อยลง ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะใน Memorist นั้นสวยเท่ห์สุดๆ และในเรื่องนี้ เธอก็แสดงได้ไม่มีที่ติ
Love Line - ค่อนข้างเยอะแยะโดยเฉพาะนางเอก คนทั้งวังเขารู้กันอยู่แล้วว่ารักกันจะเป็นจะตาย แต่พวกเธอก็ยังไม่แน่ใจว่าเรารักกัน เฮ้อ อยากจะบ้า! แต่มันก็สนุกตรงนี้แหล่ะครับ
ไม่ต้องสงสัยในความดัง ขอแนะนำสำหรับคอซีรีส์แนวซากึก คือต้องดูครับ ส่วนคนทั่วไป ก็ดูได้ไม่มีปัญหา ดูแล้วติดแน่นอนครับ
[CR] [Mr. Coffee รีวิว] The Red Sleeve ไม่ต้องมีมเหสีก็ได้ ขอแค่มีนางในอย่างเธอก็พอ
https://ppantip.com/topic/39758422
มาลงแยกไว้ต่างหากบ้าง เผื่อใครกำลังหาดูจะได้เป็นแนวทางพิจารณาครับ
รีวิวซีรีส์
เรื่องที่ 108 The Red Sleeve 17 EP EP ละประมาณ 70 นาที / Viu
ปีที่ผ่านมา มีซีรีส์ซากึก (ซีรีย์ย้อนยุค) ที่น่าสนใจหลายเรื่อง แต่หากจะหาเรื่องที่ท็อปฟอร์มจริงๆ นั้น คงจะมีแค่ไม่กี่เรื่อง เรื่องที่ผมคาดการณ์ไว้ว่าจะเจ๋งอย่าง Joseon Exorcist กลับมีเหตุเน่าจนไม่ได้ฉาย บอกเลยว่าทั้งปีที่ผ่านมา ยังหาเรื่องที่สนุกครบครันอย่าง Mr. Queen ที่ฉายตั้งแต่ปลายปีที่แล้วไม่ได้เลย
จนกระทั่ง The Red Sleeve เริ่มฉาย บอกเลยว่าดูไปแล้วคือติดมาก เดินเรื่องเร็ว สนุกมาก เข้มข้น ตลกก็มี เป็นซากึกที่ให้ครบทุกอารมณ์ ช่วงแรกๆ บอกเลยว่ารอดูตลอด แน่นอนว่าช่วงแรกของเรื่องนี้เหนือว่า The King's Affection ไปเยอะเลยครับ
แล้วสักพักเรื่องนี้ก็มีข่าวว่าเรตติ้งดีมากจนได้เพิ่มตอนอีก 1 EP และนั่นแหล่ะครับ เมื่อมีการเพิ่มตอน ความเร็วในการเล่าเรื่องก็เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ความเข้มข้นที่เคยมีก็เริ่มหายไป โดยเฉพาะเมื่อผ่านช่วงการเปลี่ยนแปลงหลักของเรื่อง มันอืดขึ้นมากจริงๆ จากที่เคยดูแบบไม่ละสายตา ก็เริ่มมีหยิบมือถือมากดนั่นนี่ได้
แต่ถึงกระนั้นความดีงามของบทที่เรื่องนี้เขียนมาได้อย่างดี ทำให้ยังคงน่าติดตามดูอย่างต่อเนื่องตลอด โดยเฉพาะช่วงท้ายที่หลายคนลุ้นมากว่าจะจบแบบไหน เพราะแน่นอนว่า ประวัติศาสตร์ช่วงนี้เคยถูกสร้างมาแล้วในเรื่อง "ลีซาน" นั่นเอง
เรื่องราวใน The Red Sleeve เป็นเรื่องราวของ "นางใน" เริ่มยุคของพระเจ้าย็องโจ ซึ่งเพื่อความเข้าใจง่ายๆของทุกคน เขาเป็นลูกของ "ทงอี" นั่นเอง จนต่อมาจนถึงในยุคพระเจ้าช็องโจ หรือลีซาน ที่เรารู้จักกัน การเล่าเรื่องเน้นหนักที่มุมของนางเอก ซึ่งเป็นนางในตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย เรื่องนี้ถึงได้ชื่อว่า The Red Sleeve ซึ่งสื่อถึงขอบแขนเสื้อสีแดงของนางในนั่งเอง
บอกเลยว่าผมแปลกใจกับบทบาทของเหล่านางในในเรื่องนี้มากครับ นางในตัวน้อยอย่างนางเอกมีบทบาทอย่างมหาศาลต่อเนื้อเรื่อง อีกทั้งกลุ่มนางในก็ยังมีบทบาทที่เหลือเชื่อจากนางในในเรื่องอื่นๆ เอาเป็นว่าเคยคิดว่า "ทงอี" เป็นเรื่องของนางในอย่างเข้มข้นแล้ว เรื่องนี้เข้มกว่าครับ
สิ่งต่อมาที่เข้าขั้นพิสดารในการเล่าเรื่อง คือการตัดบทบาทของพระมเหสีของพระเอกออกไป ตัดหมายถึงกล่าวอ้างถึงน้อยมาก เท่าที่จำเป็น และไม่มีใครแสดงในบทนี้เลย ซึ่งการเล่าเรื่องราวในวังหลวง เรื่องราวของกษัตริย์ โดยข้ามพระมเหสีไป ก็เล่นเองงงว่า ทำได้ด้วยหรือ เล่นเอางงว่าทำไมไม่มีพระชายา แล้วทำไมถึงมามีสนมได้ สุดท้ายก็ชัดเจนว่า เขาจงใจไม่เล่าถึงเลยด้วยซ้ำ แปลกจริงๆครับ
แต่อย่างที่กล่าวมา ไม่มีพระมเหสี ก็ไม่ได้แปลว่าเรื่องนี้ไม่สนุกแต่อย่างใด ช่วงแรกจนถึงประมาณ 2/3 ของเรื่องนั้นยอดเยี่ยม สนุกมากๆ แต่อีก 1/3 ผมยอมรับว่าดูไปแล้วอึดอัดกับนางเอกอยู่พอควร เข้าใจว่ารู้สึกอย่างไร แต่เธอ "เยอะ" ใช่เล่น ซึ่งหลายคนอาจจะชอบการที่ต้องลุ้นตรงนี้ก็ได้
พระเอก - อีจุนโฮ 2PM เขาพึ่งออกจากกรม และได้กลับมาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ เป็นพระเอกที่เหมาะสุดๆกับบทนี้ แสดงได้ดีมากๆ ดูเหมือนจะเข้ากับแนวซากึกได้เป็นอย่างดี
นางเอก - อีเซยอง จำได้ว่าผมดูน้องเขาใน Memorist คือสวยมาก สวยจัดๆ แต่พอมาดูเรื่องอื่นเช่น Dr. John, Kairos กลับรู้สึกว่าสวยน้อยลง ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะใน Memorist นั้นสวยเท่ห์สุดๆ และในเรื่องนี้ เธอก็แสดงได้ไม่มีที่ติ
Love Line - ค่อนข้างเยอะแยะโดยเฉพาะนางเอก คนทั้งวังเขารู้กันอยู่แล้วว่ารักกันจะเป็นจะตาย แต่พวกเธอก็ยังไม่แน่ใจว่าเรารักกัน เฮ้อ อยากจะบ้า! แต่มันก็สนุกตรงนี้แหล่ะครับ
ไม่ต้องสงสัยในความดัง ขอแนะนำสำหรับคอซีรีส์แนวซากึก คือต้องดูครับ ส่วนคนทั่วไป ก็ดูได้ไม่มีปัญหา ดูแล้วติดแน่นอนครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้