ทริปส่งท้ายสิ้นปี 2021 และเป็นทริปที่ตั้งใจจะไปให้ใช้เงินรัฐบาลให้มากที่สุด 555 ทั้งคนละครึ่ง ทั้งเราเที่ยวด้วยกัน  หลังจากกลับจากสระบุรี  เราก็คิดทริปถัดไปทันที  มันเก็บกดอ่ะนะ  ไม่ได้เที่ยวมานาน  เรียกว่าไม่ได้ออกจากบ้านเลยดีกว่า  คิดอยู่นานว่าจะไปไหน  อยากไปที่ที่ไม่เคยไป  อากาศดีๆ  ถนนดีๆ  ไปเหนือดี  หรืออีสานดี  แล้วจู่ๆภาพลิซ่าก็ลอยขึ้นมา  ใช่แล้ว….บุรีรัมย์คือคำคอบ  คิดได้ก็รีบหาที่พัก  ที่จังหวัดนี้มีโรงแรมที่รับเราเที่ยวด้วนกันเยอะมาก  แถมที่พักก็จะอยู่ในละแวกเดียวกัน  เลือกไปเลือกมาเราก็ไปได้ที่ Cresco Hotel  ห้องดีลักซ์ราคาคืนละ 1600 บาท  จองไปสองคืนผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน  จ่ายไปทั้งสิ้น 1920 บาท  
ออกเดินทางกันประมาณ 9 โมง  สายหน่อยสำหรับเดินทางไกล  แต่ก็นะ  เป็นคนเกลียจการตื่นเช้าเป็นที่สุด  และชอบการเที่ยวแบบสบายๆชิวๆไม่เร่งรีบ  เที่ยวที่ไหนก็ได้แต่ไม่ตื่นเช้า  ไม่รู้มีใครเป็นแบบนี้บ้าง  ประมาณ 11 โมงก็มาถึงปั้ม ปตท ใหญ่  มีร้านอาหาร  เลยขอแวะกินข้าวเช้า+เที่ยงกันสักหน่อย  แวะที่ร้านกินเส้นแซ่บ  สั่งเป็นอาหารตามสั่งมา 3 อย่าง ข้าวอีก 2 จาน  รวมราคา 180 บาท  ก็ราคาประมาณนึงเลย  ข้าวจานละ 15 บาท  กับข้าวจานละ 50 บาท  

กินเสร็จเป้าหมายแรกที่จะไปคือเสาหินบะซอลต์ภูเขาไฟ  กะตั้งใจไปถ่ายรูปเต็มที่เลย  ถนนทางเข้าก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่แต่ก็ไปได้  แต่ไปถึงเหมือนเป็นช่วงน้ำขึ้นสูงหรือเพราะอะไรไม่รู้  น้ำเยอะจนไม่มีที่ให้ลงไปถ่ายรูปได้เลย  น่าเสียดายมาก  เพราะเป็นจุด unseen จุดนึงของบุรีรัมย์เลย 



แต่ไม่เป็นไร  ผิดหวังหนเดียวไม่ทำให้หมดกำลังใจ  จุดหมายต่อไปคือปราสาทเขาพนมรุ้ง  สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ที่ใครมาบุรีรัมย์ก็ต้องมาที่นี่  ที่นี่จะมีค่าเข้าคนละ 20 บาท และเพราะไปเข้าทางด้านหลังเลยเสียค่าที่จอดรถ 50 บาท  (เจ้าหน้าที่ว่าอย่างนั้นนะค่ะ)  เราจะเห็นความมหัศจรรย์ของสิ่งก่อสร้างโบราณที่ทั้งสวยและน่าทึ่งมาก  อยู่ในนี้เป็นชั่วโมง  ถ่ายรูปอีกเป็นร้อย  ถ่ายแทบจะทุกจุด  ต้องบอกว่าโชคดีด้วยที่อากาศเย็น  ถึงแดดจะแรงแต่ลมดีมาก  น่ากลัวจะดำโดยไม่รู้ตัว  


ถ่ายรูปจนหมดแรงก็อยากไปพักที่โรงแรม  จึงมุ่งหน้าสู่โรงแรม  ไปถึงโรงแรมก็เย็นแล้ว  จะพักที่นี่ต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มด้วยนะ  ตอนเช็คอินพนักงานจะขอดู  และเมื่อเช็คอินจะได้รับเงิน 600 เข้าเป๋าตังค์  เอาไว้ใช้กับร้านที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน  ซึ่งจะเหมือนโรงแรมคือ รัฐจ่าย 40%  กล่าวคือรัฐจ่ายให้ 40% ไม่เกิน 600 บาท  ความประทับใจแรกที่มาถึงคือโรงแรมสวยมาก  มีสระว่ายน้ำและฟิตเนส  แต่รอบนี้ขอผ่านกับสระว่ายน้ำ  อากาศมันเย็นจนลงน้ำไม่ไหวจริงๆ  แต่สระดูสะอาดน่าว่ายมาก  ส่วนตัวห้องก็ใหญ่มาก  ทั้งใหญ่ทั้งใหม่  ห้องน้ำใหญ่ดี  แต่ใช่ว่าจะดีไปทุกอย่าง  มีข้อเสียอยู่อย่างเดียวคือเครื่องทำน้ำอุ่นที่นี่ปรับยากไม่กกกก  อาจจะโง่เองด้วยมั้งที่ปรับไม่เป็น  ปรับไปแล้วไม่เย็นไปก็ร้อนไป  บางทีร้อนกำลังดีอยู่ดีๆก็ร้อนจัดขึ้นมา อุณหภูมิเปลี่ยนเองได้ด้วย

ประมาณ 6 โมงเย็นก็หิวแล้ว  เลยหาร้านอาหารที่ไม่ไกลและสามารถใช้คนละครึ่งได้  หาจาก FB ก็ไปได้ร้านที่ชื่อบ้านชายน้ำ  ร้านบรรยากาศดี  ร้านสวย อาหารไม่ถูกไม่แพง  รสชาติพอใช้ได้  บริการพูดจาสุภาพ  เรียบร้อย  เสียอย่างเดียว  รออาหารนานมาก  สั่งหมึกผัดไข่เค็ม กุ้งอบวุ้นเส้น  และแกงส้มแป๊ะซะปลาช่อนผักรวม  รวมราคา 720 บาท  ไปวันธรรมดา  แต่ก็มีคนเข้าออกร้านตลอดเวลา  ลืมบอกว่าในร้านมีดนตรีสดด้วยนะ  มาเล่นตอนทุ่มนึงถึงสองทุ่ม  กินเสร็จก็เหนื่อย  กลับห้อง  นอนพัก   ให้คนขับได้พักผ่อน

เช้ามากับบรรยากาศประมาณ  21 องศา  ข้างนอกหนาวจนในห้องอุ่นเลยทีเดียว  ออกมากินมื้อเช้า  ลมพัดหนาวมาก  ที่นี่จะเป็นบุฟเฟ่นะ  ต้องขอบอกว่าผิดหวังกับมื้อเช้าค่อน  เพราะอาหารมีน้อยมาก  ราคาที่พักขนาดนี้น่าจะมีมากกว่านี้หน่อย  ข้าวสวย กับข้าวสองอย่าง ข้าวต้ม ไส้กรอก แฮม ไข่ดาว ขนมปัง ครัวซองต์(อันนี้อร่อยมาก  กรอบนอกนุ่นใน  วันที่สองจัดไปสามชิ้นเลย) มีสลัดผัด  ผลไม้  ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเพิ่มไลน์กับข้าวให้มากกว่านี้เป็น 3-4 อย่าง  ไม่ก็มีอาหารจานเดียวเข้ามาเช่นข้าวผัด  ผัดซีอิ๋ว  ชอบอีกอย่างคือมีเครื่องชงกาแฟให้เลือกชงเองเลยว่าใครอยากกินกาแฟอะไร


ประมาณ 10 โมงก็เริ่มออกเที่ยว  ที่แรกที่ไปคือวนอุทยานภูเขาไฟกระโดง  ไฮไลท์ของที่นี่คือบันไดนาคราชจำนวน 297 ขั้น  จริงๆถ้าไม่อยากเดินขึ้นสามารถขับรถขึ้นไปได้เลย  แต่ด้วยความมั่นใจในขาของตัวเองมากว่ายังไหว  ซึ่งก็ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน  เลยเดินขึ้นไป  ขาขึ้นก็เหนื่อยหอบจอดเป็นพักๆ  ขาลงมานี่สิ  สั่นไปหมด  สั่นแบบไม่หยดุจนมั่นใจว่าวันพรุ่งนี้ได้ปวดร้าวระบมแน่นอน  เมื่อขึ้นไปจะมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ให้บูชา  และเราสามารถชมวิวของบุรีรัมย์ได้จากที่นี่  มองเห็นสนามช้างอารีน่าด้วยแหละ   วันนั้นลมแรงมากๆ  ถ่ายรูปนี่ต้องจับผมให้ดีเลยทีเดียว  อ๋อ..ด้านบนมีห้องน้ำด้วยนะ  


ต่อมาก็ไปที่สวนคุณปู่  อยากไปจิบกาแฟจิบน้ำหวาน  ถ่ายรูปสวยๆ  เปิดหาร้านคาเฟ่บุรีรัมย์  สวนคุณปู่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม  และที่สำคัญ  ให้คนละครึ่งได้ด้วยเน้อ  ราคาน้ำก็ไม่แพงเลย  สั่งโก้โก้และชาเขียวคาเมล  แก้วละ 65 บาทเอง  วิวที่นี่มีให้ถ่ายรูปเยอะมาก  ใครชอบคาเฟ่วิวท้องทุ่งท้องนา  ที่นี่ตอบโจทย์เลย  เอาจริงคือลมแรงแต่แดดก็เปรี้ยงอยู่  แต่เราไม่ย่อท้อ  ถ่ายรูปจนน้ำละลาย  แขนไหม้ถึงจะยอมเลิกรา

จุดหมายถัดไปคืดวัดป่าเขาน้อย  ซึ่งก็ไม่มีอะไร  ไปถึงก็สวยดี  ถ่ายรูป  แล้วกลับ  555 ก็มันไม่มีอะไรอ่ะ  มาให้รู้เฉยๆว่ามา    

จากนั้นความตั้งใจแรกคือยากไปกินร้านไก่ย่างสีดา  แต่ใน FB ประกาศปิดร้าน  จะเปิดเอาวันที่เรากลับกรุงเทพไปแล้ว  เลยอดไปเลย  ขับรถผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา  เอาว่ะ ลองดู  เห็นรถจอดหน้าร้านหลายคัน  น่าจะกินได้แหละ  จริงๆก็ไม่ค่อยหิว  เพราะเช้าก็จัดมาเยอะอยู่(ถึงของมื้อเช้าจะน้อย  แต่ต้องกินให้เยอะ  เดี๋ยวไม่คุ้ม)  เลยเข้าไปกิน  โชคดีร้านนี้ก็ใช้คนละครึ่งได้ด้วย  จริงๆก่อนไปก็โทรไปถามบอกใช้ได้  ไปถึงเค้าบอกใช้ไม่ได้แล้ว  คนที่โทรไปถามเค้าคงไม่รู้ว่าตอนนี้ไม่รับแล้ว  แต่โชคดีที่ญาติของเจ้าของร้านนี้เค้ารับคนละครึ่ง  (ญาติคนนี้เปิดร้านขายอาหารเหมือนกัน  แต่จำไม่ได้ว่าขายอะไร)  เลยสแกนผ่านญาติแทน  ดังนั้นจริงๆแล้วร้านนี้ไม่รับคนละครึ่งนะจ๊ะ  สั่งก๋วยเตี๋ยวกับเกาเหลามากิน  และลองกินขนมถ้วยไปคู่นึง  อาหารอยู่ในเกณฑ์กินได้  ราคาไม่แพง

กินเสร็จสนามที่ถัดไปที่จะไปเดินย่อยคือ  สนามช้างอารีน่า  ของมันต้องมา แต่ไปถึงเค้าบอกว่าปัจจุบันไม่ให้เข้าชมฟรีแล้ว  เสียค่าชมคนละ 80 บาท  สามารถเดินชมสนามได้  แต่เข้าไปในสนามไม่ได้  และสามารถดูได้ทุกห้อง  จะห้องแต่งตัว  ห้องน้ำ  ห้องพยาบาล  แต่ไม่ให้ใช้ห้องน้ำนะค่ะ  รอบนึงประมาณ 40 นาที  และจะได้รับรูปเป็นที่ระลึกคนละรูป   ตอนที่ไปก็เกือบบ่ายสามละ   รอบสุดท้ายคือ 4 โมง  คือตอนนั้นอยากเข้าห้องน้ำ  เลยกะว่าไปเข้าห้องน้ำตรงบุรีรัมย์คาสเซิน  คอมมูนิตี้ข้างๆสนามช้างก่อน  ไปเดินเล่นตรงนั้นสักชั่วโมงค่อยกลับมา  ซึ่งที่นี่จะมีประสาทเขาพนมรุ้งจำลองด้วย  มีoutletของร้านเสื้อฟุตบอลบุรีรัมย์  มีร้านไก่ย่างสีดาที่ปิดอยู่  มีร้านอาหารมาเปิด  แต่ก็มีร้านว่างอยู่เยอะ  เหมือนว่าน่าจะยังไม่สมบูรณ์  เดินเล่นรอบๆถ่ายรูปแป๊บๆเวลาก็ผ่านมา 4 โมงเย็น



กลับมายังสนามอารีน่าดีกว่า  รอบสุดท้ายที่เข้ามีคนประมาณเกือบ 10 คนได้   เจ้าหน้าที่จะพาเราเข้ามาข้างใน  ให้เราถ่ายรูปตามอัธยาศัย  และเราสามารถให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปให้ได้  แนะนำว่าควรใช้มือถือให้เจ้าหน้าที่ถ่าย  เพราะมือถือจะถ่ายง่ายกว่ากล้อง  เอากล้องให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปให้  เบลอทุกรูป  แดดในสนามแรงมาก  เจ้าหน้าที่บอกว่ารอบ 4 โมงดีสุดแล้ว  แดดไม่ค่อยร้อนเท่ารอบก่อนๆ  เข้าไปดูห้องของนักกีฬาทั้งทีมเหย้าทีมเยือน  แหม..ห้องทีมเหย้ามันสวยจริงๆนะ  ส่วนทีมเยือนนั้น  ก็สวยแหละ  แต่ไม่เท่า  555  ที่นี่ยังดูใหม่และสะอาดสะอ้านมาก  สนามสวยดีนะ  เข้าใจละว่าทำไมเป็นไฮไลท์ของบุรีรัมย์ที่ใครมาต้องห้ามพลาด ก่อนจะออกอย่าลืมแวะไปสตูดิโอถ่ายภาพ  จะให้ถ่ายได้คนละ 1 รูป  และปริ้นรูปใส่กรอบกระดาษให้เป็นที่ระลึก