หนังไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากมายเปิดมาก็เล่าเรื่องต่อจากช่วงท้ายของภาค Far From Home จากนั้นหนังก็ยิงยาวไปเรื่อยๆตามที่เราได้เห็นจากในตัวอย่าง แต่เท่าที่ผมดูมารู้สึกตัวอย่างจะตัดมาหลอกให้เราไขว่ไปบางส่วนและตัดมาแค่ช่วงต้นและแวบไปท้ายเลย เรียกได้ความลับทั้งหลายที่มาพร้อมกับเซอร์ไพร์สต่างๆ Marvel ไม่ยอมให้เราเห็นเลยครับ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดีครับ เพราะเซอร์ไพร์สเหล่านั้นไม่รู้คือดีที่สุด ใครที่เป็นแฟน Marvel และแฟน Spider-Man คุณจะโคตรมีความสุขกับหนังเรื่องนี้แน่นอน

 ผมอาจจะมารีวิวช้าหน่อย เพราะนี่ก็มันก็ช่วงที่หนังฉายมาครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว กระแสคงซา หลายคนก็อ่านรีวิวจนเห็นสปอยไปบางส่วนแล้วเหมือนกัน ผมที่พยายามหลบก็พลาดไปส่วนหนึ่ง 555 แต่พอมาพูดถึงเรื่องสปอยทั้งหลายแล้ว ก็อย่างที่ผมบอกไปไม่รู้อะไรจะดีที่สุด พยายามหลบ Spoil ให้ได้ ซึ่งตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็พยายามให้มากที่สุด แต่พอมาถึงช่วงสองสามวันที่ผ่านเพจต่างๆก็เริ่มปลดสปอยแล้ว (ใน YouTube ก็เพียบ) สปอยก็เริ่มถาโถมมา ดีที่ผมไหวตัวทันรับมือได้ แต่ก็พลาดไปบางจุดแต่พอมาดูในหนังจริงผมก็พบว่า หนังมันก็ยังดูสนุกอยู่แม้เราจะรู้บางจุดของหนังแล้ว แต่ไอ้จุดที่ว่ามันก็สร้างความเซอร์ไพร์สได้อยู่ดี แต่ยังไงซะตามข่าวลือต่างๆที่ไม่ว่าจะจงใจหรือบังเอิญหลุดออกมา ซึ่งหลายคนน่าจะเคยผ่านตามาบ้างแล้ว ข่าวมันก็ตรงกับหนังจริงไปสัก 70-80% หรือจะพูดแบบง่ายๆก็คือเราก็ต่างโดนสปอยก่อนที่หนังจะฉายซะอีก 555 แต่นั้นแหละครับพอได้ดูหนังจริงสปอยก็ไม่ทำให้เราหมดอรรถรสเลย

 ส่วนที่ผมชอบในภาคนี้ก็คือโทนหนังที่เริ่มจะจริงจังมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางความคิดความอ่านของตัวละคร หรือเหตุการณ์ของชีวิตวัยรุ่นวัยเรียน แถมฉากแอ็กชั่นต่างๆก็หนักหนาสาหัสเอาเป็นเอาตายแบบสุดๆ โทนหนังจึงดูซีเรียสกว่าสองภาคที่ผ่านมา แต่กระนั้นความคอมเมดี้ก็ยังมีอยู่และมาถูกจังหวะได้พอดิบพอดี ไหนจะความดราม่าและโรแมนติกที่ผสมกลมกลืนได้อย่างพอดี ถือได้ว่าเป็นหนังที่ครบรสเอามากๆ แม้จะดูเข้มข้นแต่ก็มีความหวานขมปนเปที่ผสมได้กลมกล่อมแบบลงตัวมากๆ 

 ประเด็นที่เป็นแกนหลักของเรื่องก็ช่างดีซะเหลือเกิน แม้ว่าต้นเหตุของเรื่องมันอาจจะดูตื้นเขินซะเหลือเกิน แต่ถ้าหากเราตั้งใจดูดีๆเราจะพบว่าหนังเรื่องนี้คือ "บทเรียนที่สำคัญของ Spider-Man แห่ง MCU" ก็อย่างที่เรารู้ครับ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ในเวอร์ชั่นที่สามนี้ ที่รับบทโดยพี่ทอม ฮอลแลนด์ของเรา เป็นปีเตอร์ พาร์คเกอร์ เวอร์ชั่นวัยรุ่นครับ พอพูดถึงคำว่า "วัยรุ่น" หลายคนก็ต้องเคยผ่าน บางคนก็กำลังดำเนินอยู่ในช่วงนี้ บางคนก็กำลังก้าวเข้ามา

และเป็นที่แน่นอนว่าวัยนี้ก็คือวัยแห่งความอยากรู้อยากลอง ความคึกคะนองมาเต็มเปี่ยม บางทีอาจเรียกได้ว่าเป็น "วัยร้ายเดียงสา" ก็ได้ และความร้ายเดียงสานี้แหละที่ทำให้ชีวิตวัยรุ่นได้ทำสิ่งต่างๆที่ล้วนเป็นความผิดพลาดมาก่อน และเจ้าความผิดพลาดนั้นแหละที่ค่อยๆก่อร่างสร้างวัยรุ่นหลายๆคนให้กลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพ และไม่ต่างจากปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ในเวอร์ชั่นนี้ครับ เพราะเขาเองก็เป็นฺฮีโร่ในช่วงของวัยรุ่น ฉะนั้นสิ่งที่เขาตัดสินใจทำตลอดสามภาคที่ผ่านมาเขาล้วนทำด้วยความไม่รู้มาก่อน จนกระทั่งความไม่รู้ดังกล่าวเกิดผิดพลาดและส่งผลเกินกว่าที่เขาคิดครับ พอดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากวัยรุ่นทั่วไปที่ทำเรื่องผิดพลาดบางอย่างที่มาจากความไม่รู้ และไอ้ความผิดพลาดที่ว่ามาเนี่ยแหละได้เปลี่ยนให้วัยรุ่นคนนึงกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดีกว่าเดิม ซึ่ง ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ก็เช่นกันครับ เพราะบทเรียนในช่วงชีวิตวัยรุ่นที่เกิดขึ้นในครั้งนี้หรือในหนังภาค No Way Home มันได้กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่จะทำให้เขาเป็น Spider-Man ที่โตขึ้นกว่าเดิม หรืออาจบอกได้ว่า No Way Home ก็คือบทสรุปช่วงชีวิตวัยรุ่นของ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ หรือ Spider-Man นั่นเองครับ

 ด้วยความที่หนังมันมีจุดพีคและเซอร์ไพร์สแทบจะตลอดทั้งเรื่อง ผมก็คงเขียนอะไรลงลึกได้ไม่มากนัก ก็คงเขียนได้เท่านี้ครับ เขียนมากไปก็จะสปอยอีก ไว้มีโอกาสอาจจะช่วงอาทิตย์นี้จะลองมาเขียนเจาะลึกแบบสปอยให้อ่านละกันครับ มีอะไรให้เล่าเยอะจริงสำหรับสไปเดอร์แมนภาคนี้ ^__^

ติดตามสารพัดหนังและเรื่องราวของพากย์ไทยได้ที่ Super Scene

Facebook : https://www.facebook.com/Super-Scene-101813185501924

YouTube : https://www.youtube.com/channel/UCa1E4M0z17R0vCM4EC9mA8g