ลูกเช่า

กระทู้สนทนา

.

            “อาเฮ้งเอ้ย ลื้อสบายดีมั้ยวะ ป๊าคิดถึงลื้อนา อาลูกจันทร์ด้วย อาป๊าคิดถึงพวกลื้อที่สุด เดี๋ยวพรุ่งนี้อาป๊าจะไปทำบุญให้แล้วกัน” พ่อของฉันกำลังยืนคุยกับเฮียเฮ้งกับซ้อลูกจันทร์ พี่ชายกับพี่สะใภ้ของฉันเอง

           ฉันกับพี่ชายเราห่างกันมาก! มากที่สุดเลยค่ะ ฉันถามอาป๊าว่าทำไมฉันกับเฮียเราถึงได้ห่างกันมากมายขนาดนี้ ป๊ากับม้าก็บอกว่าฉันเป็นลูกหลง

           เชื่อมั้ยคะว่าฉันน่ะเกิดไม่ทันเฮียกับซ้อด้วยซ้ำ ฉันโตมาจำความได้ ฉันก็พบว่าเฮียกับซ้อได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ฉันไม่เคยเห็นตัวจริงเฮียเฮ้งกับซ้อลูกจันทร์ด้วยซ้ำ เห็นแต่ในรูปที่อาป๊ากำลังยืนคุยด้วยนี่แหละ ส่วนเจ้ก็แยกบ้านไปอยู่กับสามีแล้ว ที่บ้านก็มีแค่ฉันกับหม่าม้ากับอาป๊าอยู่กันสามคน

           วันนี้เป็นวันพ่อ ฉันเตรียมพวงมาลัยกับของขวัญไว้ให้อาป๊าและหม่าม้าด้วย ฉันโทรหาเจ้ ๆ บอกว่าให้ฉันไหว้ก่อนเลย เดี๋ยวว่าง ๆ เจ้จะเข้ามาไหว้ทีหลัง ฉันเตรียมการ์ด เตรียมพวงมาลัย เตรียมกะละมังใส่น้ำล้างเท้าให้ป๊ากับม้รเรียบร้อย และ ทุก ๆ ปีฉันก็ทำแบบนี้ ทำแล้วมีความสุขสบายใจดี

           “ป๊ายืนคุยกะเฮียกะซ้อเสร็จหยัง เหมยรอไหว้ป๊าเนี่ย เจ้หม่วยบอกว่าเดี๋ยวว่าง ๆ มาไหว้ทีหลัง” ฉันบอกกับป๊า เห็นยืนคุยและมองรูปเฮียนานแล้ว

           “อาหม่วยนี่ก็ทำแต่งาน วันพ่อวันแม่ไม่เคยมีกะเค้าเลย” ม้าบ่นถึงเจ้หม่วย ซึ่งห่างกับฉันมากเช่นกัน ลูกชายของเจ้หม่วยเป็นรุ่นน้องฉันแค่สองปี

           “มา ๆ อั้วก็คุยไปงั้น ๆ แหละ อั้วเชื่อว่าเฮียของลื้อไม่รับรู้หรอกเพราะไปสวรรค์แล้ว ฮา” อาป๊าพูดอย่างคนอารมณ์ดี ฉันกับม้าก็ยิ้มตามไปด้วย เห็นอาป๊ายิ้มหัวเราะได้ฉันกับม้าก็สุขใจ

           เจ็ดสิบกันทั้งคู่แล้วสำหรับพ่อกับแม่ของฉัน ทว่าฉันอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เอง เรียนยังไม่จบเลย ฉันภาวนาขอให้ป๊ากับม้าแข็งแรงทุกวัน ฉันจะได้หาเงินมาดูแลตอบแทนท่านอย่างไรล่ะ

           “นั่ง ๆ เลยอาป๊า หม่าม้าด้วยมานั่งคู่กัน ลูกจะไหว้ ลูกจะล้างเท้าให้เนี่ย” ฉันกล่าว พร้อมออกคำสั่งให้ทั้งคู่มานั่งบนโซฟาที่ฉันเตรียมไว้ให้ ฉันนำพวงมาลัยใส่จาน การ์ดวันพ่อ และ ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฉันทำงานพาร์ตไทม์หาเงินมาเพื่อซื้อให้ป๊า นั่นก็คือนาฬิกาไซโก้เรือนละพันนิด ๆ เท่าที่ฉันหาได้แหละ ส่วนม้าก็แว่นตาคุณนาย เรย์แบนเชียวนะ พันนิด ๆ เหมือนกัน

           ทั้งคู่นั่งลงให้ฉันไหว้ ป๊ากับม้ารับจานพวงมาลัยจากฉัน ฉันก้มกราบแทบเท้าของท่านทั้งสองคน ป๊ากับม้าลูบผมของฉัน อวยพรฉันเช่นทุกปี จากนั้นฉันก็ล้างเท้าให้ท่านทั้งสองคน ฉันทำให้ท่านแบบนี้ทุกปี ฉันรักป๊ากับม้ามาก ๆ ขอบคุณที่เลี้ยงฉันมา เลี้ยงฉันเหมือนเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเลย

           ขอบคุณที่เลี้ยงเหมยมาตั้งแต่เล็ก ๆ ขอบคุณป๊ากับม้าที่รักเหมยเหมือนลูกแท้ ๆ ตอนแรกที่เหมยรู้ความจริงว่า เหมยไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของป๊ากับม้า เหมยเสียใจมาก เหมยนอนร้องไห้ทุกวัน แต่พอเหมยมาคิดดูแล้ว ถ้าชีวิตเหมยไม่มีป๊ากับม้าคนนี้ ก็คงไม่มีเหมยมาจนทุกวันนี้ได้ ก็คงไม่มีเหมยคนเก่งของอาป๊า ไม่มีเหมยคนสวยของหม่าม้า

           เหมยรักป๊ากับม้ามาก ๆ เลยนะคะ เหมยจะเลี้ยงดูป๊ากับม้าให้ดีที่สุด ตอบแทนที่ป๊ากับม้ารักเหมย เหมยคือลูกของป๊ากับม้า เหมยจะไม่เสียใจอีกแล้ว ขอบคุณที่ป๊ากับม้าให้ชีวิตใหม่กับเหมยนะคะ

           เหมยรักป๊าอู๊ดกับม้าโหม่ยที่สุด

           ป๊ากับม้าอ่านการ์ดของฉัน ป๊ากับม้าถึงกับร้องไห้และกอดฉันเลย “ลื้อคือลูกของอั้วอาเหมย ลื้อคือลูกของอั้วจำไว้ อั้วรักลื้อที่สุด” ป๊าร้องไห้

           “เหมยคือลูกของม้าเข้าใจมั้ย เหมยอย่าคิดแบบนี้อีก ม้าเป็นคนเลี้ยงเหมยมา ม้าคือแม่ของลื้อเข้าใจมั้ยลูก ลื้อคือลูกคนเล็กของม้ากับป๊าเข้าใจมั้ยอาเหมย” หม่าม้าพูดกับฉัน ฉันพยักหน้าพร้อมกอดทั้งสองคน ฉันรักทั้งสองคนสุดหัวใจของฉันเลย

           ทำไมฉันถึงรู้! ฉันพึ่งจะมารู้ความจริงตอนฉันเรียน ม.5 ทุกคนปิดบังฉันได้แนบเนียนมาก ฉันไม่เคยฉุกคิดเลยว่า ทำไมเฮียกับเจ้ถึงได้อายุห่างกับฉันเหลือเกิน

           ความจริงแล้ว ป๊ากับม้ามีลูกแค่สองคน คือ เฮียเฮ้งกับเจ้หม่วย ส่วนฉันคือลูกบุญธรรม พอฉันถามป๊ากับม้าก็บอกว่าฉันเป็นลูกหลง หมันหลุด! ม้าก็เลยท้องฉันตอนแก่ ฉันก็เชื่อแบบนั้นเสมอมา ฉันโตไม่ทันเฮียตายด้วยซ้ำ โตมาก็เห็นแค่เจ้เพียงคนเดียว ส่วนเฮียก็อยู่ในรูปนั่นแหละ

           บ้านของฉันเปิดร้านค้าขายของเบ็ดเตล็ด มีเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่ชอบซื้อของแล้วลงชื่อไว้ก่อนเสมอ ม้าก็ยอมให้เชื่อเพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่พอยอดเริ่มหลายบาทมากขึ้น ม้าก็เลิกให้เชื่อ ถ้าอยากเชื่ออีกต้องเอาเงินมาจ่ายของเดิมก่อน แล้วจะให้เชื่อของใหม่ แต่แล้วเขาก็หายไป หายไปเป็นปีนู่นแหละ เพื่อนบ้านคนนี้ถึงจะกลับมาเชื่อของกับม้าของฉันใหม่

           คราวนี้ม้าไม่ยอมอีกแล้ว หนี้เก่าหลายบาทที่ค้างไว้ก็ยังไม่จ่าย ม้าบอกว่าหนี้ที่ผ่าน ๆ มาไม่คิด แต่รอบล่าสุดของปีที่แล้วต้องจ่าย ม้าจะไม่ยอมอีกแล้ว เชื่อแล้วทำทรงลืมแล้วหายไปแบบนี้ไม่ได้

           ม้าจำได้ว่าปีที่แล้วเชื่อไปสองพันบาท ให้เอามาจ่ายก่อน สมุดจดไว้ไม่ลืม จ่ายของเก่าแล้วถึงจะยอมให้เชื่ออีก คราวนี้เพื่อนบ้านคนนี้ก็ไม่ยอม และ ไม่พอใจด้วย ทว่าก็ไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไร เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยอมกลับไปแต่โดยดี แต่หนี้ก็ไม่ยอมใช้คืนม้าของฉันเหมือนเดิม

           ตัวฉันเองก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก เรื่องของผู้ใหญ่เขา ฉันกับลูกของเพื่อนบ้านคนนี้เราเป็นเพื่อนสนิทกัน ม้าของฉันก็ไม่ได้รังเกียจในตัวลูกของเพื่อนบ้านคนนี้เลย ยอมให้ฉันคบด้วย ม้าแยกแยะได้

           คราวนี้ฉันไปเล่นที่บ้านของเพื่อนบ้านคนนี้นี่แหละ เขาก็เลยบอกความจริงกับฉัน ฉันเดานะอาจจะแค้นที่ม้าไม่ยอมให้เชื่อของอีก ก็เลยกะว่าจะบอกความจริงกับฉัน ให้ฉันโกรธป๊ากับม้าอะไรทำนองนี้มั้ง ให้ม้าเสียใจ ให้ฉันเสียใจ ให้ครอบครัวของฉันไม่มีความสุข ให้ม้าไม่มีความสุขอะไรแบบนี้ เพราะม้าไม่ให้เชื่อของอีกจึงคิดจะแก้แค้น โดยการบอกความจริงกับฉัน ว่าฉันไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของป๊ากับม้า

           ฉันเดานะ เพราะจู่ ๆ เขาพึ่งจะมาบอกกับฉันเอาตอนนี้ ทั้งที่ฉันมาคลุกคลีด้วยตั้งแต่เด็ก ๆ ความจริงที่ม้ากับป๊าปิดบังฉันเอาไว้มาตั้ง 17 ปี เพราะตอนนั้นฉันเรียนอยู่ ม.5 ฉันบอกกับตนเองว่าไม่จริง ฉันเสียใจมาก อ้างว้าง สับสน ถ้าฉันไม่ใช่ลูกของป๊าอู๊ดกับม้าโหม่ย แล้วฉันเป็นลูกของใคร

           กลับมาบ้านฉันไม่ยอมกินข้าว ไม่พูดกับป๊ากับม้า เดินขึ้นห้องล็อกประตูเอาไว้ ร้องไห้คนเดียว ม้าเดินตามฉันขึ้นมาบนบ้าน เคาะประตูห้องเรียกฉัน ถามฉันว่าเป็นอะไร ป๊ามาเรียกฉันไปทานข้าว พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ป๊าไม่เคยดุฉันเลย เต็มที่ก็ทำท่าทางขู่เท่านั้น ไม่เคยตีจริง ๆ สักที

           ป๊ากับม้าเรียกฉันด้วยความห่วงใย ป๊าไม่ยอมกลับลงไปข้างล่างเลย จนกว่าฉันจะยอมเปิดประตูให้ “อาเหมยลื้อเป็นอะไร ใครทำลื้อบอกอาป๊ามา อาป๊าจะไปด่ามันให้ ลื้อเปิดประตูมาคุยกับป๊าได้มั้ย” ฉันก็เงียบไม่ตอบอาป๊า เพราะฉันคิดว่าอาป๊าไม่ใช่พ่อของฉัน ฉันไม่ใช่ลูกของทั้งสองคน ฉันเป็นคนอื่น

           “อาเหมยอาป๊าจะนั่งรอนา ลื้อเปิดประตูออกมาคุยกับป๊าด้วย ผู้ชายคนไหนมันทำลื้อเสียใจ บอกอาป๊ามา” ป๊าก็ยังไม่ยอมกลับลงไปข้างล่าง นำเก้าอี้พลาสติกมานั่งคุยกับฉันที่หน้าห้อง

           “อาเหมยลื้อไม่หิวข้าวไง อาป๊าอิ่มแล้วนะ นั่งทานรอคุยกับลื้อหน้าห้องเนี่ย”

           ในขณะที่ฉันไม่อยากคุยกับใคร ไม่อยากคุยกับป๊ากับม้าเพราะรู้แล้วว่าทั้งสองคนไม่ใช่พ่อแม่ของฉัน แต่ทว่าทั้งสองคนกลับห่วงใยฉันมากที่สุด โดยเฉพาะอาป๊า ตั้งแต่เด็ก ๆ ป๊าเอาใจฉันที่สุด ตามใจฉันที่สุดเลย อยากได้อะไรก็ไม่เคยขัด ต่อหน้าม้าไม่ให้ซื้อ อาป๊าก็แอบไปซื้อมาให้ฉันเสมอ

           “อาเหมยลื้อรู้ความจริงแล้วใช่มั้ย ที่อั้วกับอาโหม่ยไม่ใช่พ่อแม่จริง ๆ ของลื้อ” สุดท้ายอาป๊าก็ยอมพูดคำนี้ออกมาจากปากจนได้ มันยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักเข้าไปอีก คำพูดที่เพื่อนบ้านคนนั้นบอกกับฉันมันคือเรื่องจริง และแล้วที่ว่าฉันไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของป๊ากับม้ามันคือความจริง

           ฉันเงียบไม่ตอบอาป๊า “ถึงอั้วจะไม่ได้เป็นคนทำลื้อออกมาเอง แต่อั้วกับอาโหม่ยก็รักลื้อเหมือนลูกในไส้นา ถ้าอั้วไม่รักลื้อ อั้วกับอาโหม่ยจะเลี้ยงลื้อมาทำไม จะพาลื้อไปหาหมอตอนไม่สบายทำไม จะลำบากป้อนข้าวป้อนน้ำลื้อตอนเล็ก ๆ ทำไม จะส่งเสียให้ลื้อเรียนเปลืองเงินทำไม อาเหมยอาป๊ารักลื้อนะลูก”

           “อาป๊า” ฉันยอมเปิดประตูห้องมาหาป๊า กอดป๊าทั้งร้องไห้ด้วย “เหมยขอโทษ เหมยก็รักอาป๊ากับหม่าม้ามากที่สุดในโลก”

           “จำไว้นะอาเหมย อาป๊าเป็นพ่อของลื้อ หม่าม้าเป็นแม่ของลื้อ เจ้หม่วย เฮียเฮ้งเป็นพี่สาวพี่ชายของลื้อ ลื้อเป็นลูกสาวคนเล็กของอั้ว” อาป๊ากอดฉัน มันอบอุ่นที่สุด อ้อมกอดจากพ่อมันอบอุ่นที่สุดเลย

           “เหมยขอโทษ เหมยรักอาป๊าที่สุดเลย” ฉันร้องไห้ ขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารักกับอาป๊ากับหม่าม้า “ป๊าช่วยเล่าเรื่องพ่อแม่แท้ ๆ ของเหมยให้ฟังได้มั้ย”

           “ได้! แต่ลื้อต้องลงไปทานข้าวก่อน ม้าทำกับข้าวที่ลื้อชอบทานไว้รอแล้ว ป่ะ! เราไปทานข้าวกัน เดี๋ยวอาป๊าเล่าให้ฟัง” ฉันกอดป๊า จากนั้นเราก็ไปทานข้าวกัน

           อาป๊าเล่าว่าสมัยนั้นมีวันรุ่นผัวเมียคู่หนึ่ง มาเช่าอะพาร์ตเมนต์ในซอยนี้แหละ นำฉันมาฝากเลี้ยงกับป๊ากับม้า ทั้งสองคนก็รับเลี้ยง เพราะไม่ได้ลำบากอะไร เหงาด้วย ตอนนั้นเฮียเฮ้งกับซ้อลูกจันทร์ก็พึ่งเสียใหม่ ๆ เห็นว่าอุบัติเหตุว่าอย่างนั้น ม้ากับป๊าเหงา จึงยอมรับเลี้ยงฉัน มีเด็กมาให้เลี้ยง คงทำให้ลืมความเศร้า ความคิดถึงเฮียเฮ้งได้

           ทีแรกพ่อแม่ตัวจริงของฉันก็จ่ายเงินค่าฝากเลี้ยงให้ป๊ากับม้าทุกเดือน ซึ่งป๊าก็คิดค่าฝากเลี้ยงไม่แพง เพราะป๊าเอ็นดูฉันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คราวนี้อยู่ไปอยู่มาพ่อแม่แท้ ๆ ของฉันก็มาขอป๊าว่า เดือนนี้ไม่จ่ายได้ไหม ขัดสนอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ขอฝากฉันเลี้ยงเหมือนเดิม เพราะต้องทำงาน ไม่มีเวลาเลย ป๊าก็ยอม ยังไงก็ได้ เพราะป๊ารักฉันไปแล้ว

           สุดท้ายพวกเขาก็หายไปเลยทั้งคู่ พ่อแม่ของฉันจากที่มารับฉันกลับอะพาร์ตเมนต์ทุกวันตอนเย็น ก็ไม่มาอีกเลย หายไปเลยทั้งสองคน ป๊าก็ไปตามที่อะพาร์ตเมนต์ เจ้าของบอกย้ายออกไปแล้ว ไปไหนไม่รู้ไม่ได้บอกไว้ ค่าเช่าห้องก็ค้างด้วยสามเดือน

           แล้วฉันล่ะจะทำอย่างไร ด้วยความที่ป๊ากับม้าก็รักฉันหลงเสน่ห์ฉันแล้ว ป๊ากับม้าจึงตัดสินใจเลี้ยงฉัน รับฉันเป็นลูกบุญธรรมเลย ป๊าบอกว่าเตรียมใจแล้วนะ เตรียมใจไว้ทุกวันว่าสักวันพ่อแม่จริง ๆ ของฉันต้องมาทวงคืน ทว่าจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็นโผล่มาเลย

           จนทุกวันนี้ฉันยี่สิบแล้ว พ่อแม่ของฉันยังไม่โผล่มารับฉันคืนเลย แต่ ถึงมาฉันก็ไม่ไปกับพวกท่านหรอก ฉันจะอยู่กับป๊ากับม้า ฉันไม่โกรธพ่อกับแม่นะ พวกท่านคงเลี้ยงฉันไม่ได้จริง ๆ พวกท่านคงคิดดีแล้วว่า หากฉันอยู่กับป๊าอู๊ดม้าโหม่ย อนาคตของฉันต้องดีกว่าอยู่กับพวกท่านแน่นอน

           ถึงอย่างไรฉันก็ยังอยากเจอท่านทั้งสองคน อยากขอบคุณที่ยอมให้ฉันเกิดมา แม้ไม่มี! ขอบคุณที่แท้พวกท่านไม่มีเงินเลี้ยงฉัน ไม่พร้อมเลี้ยงฉันแต่ก็ยังยอมให้ฉันได้เกิดมา ได้อยู่กับครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นแบบนี้ อาป๊าบอกว่าทีแรกฉันไม่ได้ชื่อเหมยหรอก อาป๊าอยากเปลี่ยนชื่อให้เข้ากับครอบครัวอาป๊าเฉย ๆ ที่เป็นเชื้อสายจีนน่ะ

           ฉันล้างเท้าให้อาป๊ากับหม่าม้าเสร็จ กอดอาป๊ากับหม่าม้าแน่น ๆ รักทั้งสองคนเลย ตอนเย็นฉันก็จะพาพวกท่านกินหมูกระทะกัน ฮา ของโปรดเลยล่ะ รอเจ้หม่วยก็ไม่รู้จะได้กินเมื่อไหร่

           ……………………………………
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่