"พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่ ไดโนเสาร์สิรินธรเน่ สุดเท่เหรียญทองมวยโอลิมปิก"
1. start
ทริปเฉพาะกิจที่ถูกจัดขึ้นไปในจังหวัดที่มี *พื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดที่มีเจดีย์องค์สำคัญที่ด้านในบรรจุพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า 9 บท หรือเรียกว่า พระเจ้า 9 พระองค์ จังหวัดนั้นแหละครับ จังหวัด “แขนก่อน” เอ้ย!.. “ขอนแก่น” ถูกแล้ว! ( ข้อมูลจาก Wikipedia ,2021 )
2. อาหารข้างทาง
08.00 น. นัดไว้เผื่อกันสาย น้องรวย ๆ พาเราออกเดินทางไปบนถนนสายมิตรภาพพร้อมมิตรสหายที่อยากจะรวยเหมือนชื่อรถ (รวมถึงผมด้วย) เวลาผ่านไปไม่นานเราก็เข้าสู่เขตวังน้อย เสียงท้องร้องกระตุกใจพร้อมกับป้ายร้านขนาดใหญ่สะดุดตา สั่งให้เราแวะเข้าไปจัดมื้อเช้ากันที่ร้านข้าวแกงบ้านสวนสาขา 2 กันก่อนที่จะไปต่อ เอาจริงที่นี่น่าจะเป็นเหมือน food community ย่อม ๆ เลยนะ เพราะมีร้านอาหารให้เราเลือกมากมายหลากหลายเมนู จะข้าว จะเส้น เอาเถอะเลือกกันตามใจชอบ และตามสูตรพอท้องเริ่มอิ่มหนังตาก็เริ่มหย่อนพร้อมหลับกันแล้วทุกคน (แต่เฮ้ยคนขับห้ามหลับนะ !)
3. ก็ถ้าจะไปความไกลก็เหมือนแค่บ้านไปหน้าปากซอย
รถยังคงแล่นต่อไปบนถนนมิตรภาพ ทางด้านซ้ายมือคือวิหารสีเทาที่ตั้งเด่นเป็นสง่าซึ่งมีรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) องค์ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทยประดิษฐานอยู่ด้านใน ภายใต้ความดูแลของ มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งเมืองสี่คิ้ว แม้พวกเราจะขับรถผ่านไปแล้วและที่นี่ก็ไม่ได้อยู่ในแผนของเราตั้งแต่แรก
แต่เพราะแรงศรัทธาและความอยากมา การยูเทินกลับกว่า 10 กิโลเมตรก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ตัดสินใจวนรถกลับมาแวะกราบนมัสการเพื่อเป็นศิริมงคลกันก่อนค่อยเดินทางไปต่อ (แต่มาครั้งนี้พลาดเราไม่กินราดหน้าเหมือนครั้งก่อน) (อันนี้ไม่ได้หิวจริง ๆ นะ)
4. โรงแรมแรก
เมื่ออกหักจากราดหน้าที่วัดสรพงษ์ ณ เมือง 4 คิ้ว ก็จำใจลากท้องของมื้อเที่ยงไปจนบ่ายสองก่อนจะแวะไปซบอกแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่เมืองพลให้ช่วยดามใจ นี่เป็นการเดินทางต่อเนื่องยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง
ตอนนี้สิบหกนาฬิกาสามสิบนาทีพอดี GPS ได้พาเรามาถึงจุดหมายปลายทาง ณ โรงแรมที่มีชื่อในทำนอง “ความรู้สึกทางอารมณ์ที่บ่งบอกถึงการแสดงออกทางความรัก ความเพ้อฝัน ความหวานละมุน” อะไรประมาณนี้ (ทายถูกมะว่าชื่อโรงแรมอะไร) ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับศูนย์ราชการจังหวัดขอนแก่น และแน่นอนเราได้จับจองการเข้าพักผ่านทางแอพพลิเคชั่นออนไลน์ชื่อดังมาก่อนหน้านี้และได้ราคาดีมาก สำหรับห้องนอน 4 คน เพียงราคา 1,184 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ราคาหารกันอยู่ที่คนละ 296 บาท สำหรับเราแล้วที่พักนี่ สะดวกสบาย คุ้มค่า และเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
5. เที่ยวกลางคืน
โดยปกติเวลามาต่างจังหวัดช่วงกลางคืนเราก็จะออกไปหาที่เที่ยวตามที่ต่าง ๆ ในละแวกใกล้ ๆ ที่พัก เพราะจะรู้สึกเสียดายเวลามาก หากต้องอยู่แต่ในห้อง (ซึ่งก็ไม่เสมอไป) และในราตรีนี้คงไม่พ้นการออกไปหาที่ เดินเที่ยวเล่น ช้อปปิ้ง เสาะหาของกินแปลกใหม่ และที่ที่เราจะไปคือ “ตลาดต้นตาล” ตลาดไนท์มาเก็ต มีพื้นที่กว้างใหญ่แบ่งออกถึง 6 โซน มีร้านค้าเปิดท้ายกว่า 400 ร้าน ที่จอดรถนั้นเพียบไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะมากิน จะช้อป จะชิค จะชิล หรือ จะมาว ก็จบที่นี่ที่เดียวได้เลย แสงสีเสียงแบบจัดเต็ม แต่ที่สำคัญหากมาวแล้วจะต้องไม่ขับ (อ้าวแล้วเราจะกลับยังไง) ก็จังหวัดนี้เขามี taxi ก็เรียกใช้บริการ เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวเองและคนอื่นด้วยนะ
6. เช้านี้เราต้องถอน
สำหรับเช้านี้เราเลือกจิ้ม map ไปร้านคุณเก๋ อาหารเช้า เพื่อโจ๊กร้อน ๆ ถอนอาการมึนหัวจากน้ำเก๊กฮวยมีฟองของเมื่อคืน เพิ่มพลังด้วยไข่กระทะทรงเครื่อง ล้างปากด้วยโอยั้วหวานเบา ๆ เพื่อให้รู้สึกสดชื่นตื่นจากภวังค์และที่จะต้องสั่งมาลองคู่กันก็คือ ขนมปังสอดไส้ แต่ที่นี่เรียกกันว่า “ข่าวจี่” ไอเราก็อยากรู้ว่ามันจะจี่แบบบ้านเราไหม สรุปไม่เหมือนกันนะคราบ เพราะสิ่งที่พบคือขนมปังมีไส้เป็นไส้กรอกกับกุนเชียง แต่ที่พิเศษคือตัวขนมปังจะคล้ายแป้งของซาลาเปาแต่เอาไปอบลมร้อน ทำให้ตัวเทคเจอร์ของแป้งมันกรอบ และมีกลิ่นหอมผสมกับรสชาติของไส้ที่เข้ากันอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับเรามาก สรุปโดยรวมแล้วเอาเป็นว่า “ดีย์เลยฮะท่านผู้ชม” เอ๊ะหรือท่านผู้อ่าน
7. เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
หลังจากหนังตาจะปิดอีกรอบตามคอนเซ็ปต์ต้องหากิจกรรมทำกันหน่อย เช้านี้เรามาเปิดฤกษ์งาม ยามชัยกันด้วย "ศาลหลักเมืองขอนแก่น" หรือ "ศาลเทพารักษ์หลักเมือง" หลักเมืองที่มีทั้งวัฒนธรรมจีนและไทยอยู่ร่วมกัน ตัวอาคารมีศิลปะและสถาปัตยกรรมที่มีความงดงาม ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนในพื้นที่และนอกพื้นที่ต่างให้ความเคารพศรัทธา บริเวณที่ทำการมีชุดพวงมาลัย ธูป เทียน ทอง น้ำมัน ฯ ให้บริการชุดละ 50 - 200 บาท ได้มาเสร็จก็เดินไปสักการะตามจุดที่กำหนด โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำอย่างดี บริเวณบรรยากาศโดยรอบสงบร่มรื่นเย็นสบายเลยทีเดียว มีที่จอดรถด้วยนะสะดวกมาก ๆ
8. วัดก็เข้าเพราะเมื่อคืนเหล้าก็กิน
“สุราเมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา” อาจหมายถึงการดื่มสุราก็เอาแค่พอประมาณ สถานที่ต่อมาเราจะไปทำบุญให้จิตใจผ่องใสกันที่ “พระธาตุแก่นนคร” ณ วัดพระธาตุหนองแวงพระอารามหลวง ซึ่งภายในองค์พระธาตุมีจุดให้ถวายสังฆทาน (สังฆทาน คือการนำสิ่งของไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยไม่จำเพาะเจาะจงพระภิกษุรูปหนึ่งรูปใด)
เสร็จแล้วค่อยเดินชมภายในองค์พระธาตุต่อ เพราะมีทั้งหมด 9 ชั้น ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 8 มีเรื่องราวขนบธรรมเนียมศิลปวัฒนธรรม ข้าวของเครื่องใช้ตั้งแต่สมัยโบราณของชาวอีสาน อีกทั้งตาลปัดพัดยศรวมไปถึงหลักธรรมคำสอน นิทานโบราณ และอีกมากมาย ถูกจัดเรียงนำเสนออยู่ในแต่ละชั้นที่ก้าวบันไดขึ้นไป จนถึงชั้นบนสุดชั้นที่ 9 มีหอพระพุทธเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และมีบานประตูแกะสลักภาพ 3 มิติ รูปพรหม 16 ชั้น บริเวณรอบนอกสามารถเดินชมทัศนียภาพของตัวเมืองขอนแก่น รวมถึงสามารถเห็นบึงแก่นนครได้อีกด้วย
รสพระธรรมยังกินใจเราจึงต้องขับต่อไปอีกประมาณ 10 นาทีเพื่อจะพบกับ....
ตอนต่อไป (ลิงค์ด้านล่าง)
ติดตาม "กานต์" เดินทางครั้งก่อนได้ที่
[CR] เที่ยวขอนแก่น
ทริปเฉพาะกิจที่ถูกจัดขึ้นไปในจังหวัดที่มี *พื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดที่มีเจดีย์องค์สำคัญที่ด้านในบรรจุพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า 9 บท หรือเรียกว่า พระเจ้า 9 พระองค์ จังหวัดนั้นแหละครับ จังหวัด “แขนก่อน” เอ้ย!.. “ขอนแก่น” ถูกแล้ว! ( ข้อมูลจาก Wikipedia ,2021 )
2. อาหารข้างทาง
08.00 น. นัดไว้เผื่อกันสาย น้องรวย ๆ พาเราออกเดินทางไปบนถนนสายมิตรภาพพร้อมมิตรสหายที่อยากจะรวยเหมือนชื่อรถ (รวมถึงผมด้วย) เวลาผ่านไปไม่นานเราก็เข้าสู่เขตวังน้อย เสียงท้องร้องกระตุกใจพร้อมกับป้ายร้านขนาดใหญ่สะดุดตา สั่งให้เราแวะเข้าไปจัดมื้อเช้ากันที่ร้านข้าวแกงบ้านสวนสาขา 2 กันก่อนที่จะไปต่อ เอาจริงที่นี่น่าจะเป็นเหมือน food community ย่อม ๆ เลยนะ เพราะมีร้านอาหารให้เราเลือกมากมายหลากหลายเมนู จะข้าว จะเส้น เอาเถอะเลือกกันตามใจชอบ และตามสูตรพอท้องเริ่มอิ่มหนังตาก็เริ่มหย่อนพร้อมหลับกันแล้วทุกคน (แต่เฮ้ยคนขับห้ามหลับนะ !)
3. ก็ถ้าจะไปความไกลก็เหมือนแค่บ้านไปหน้าปากซอย
รถยังคงแล่นต่อไปบนถนนมิตรภาพ ทางด้านซ้ายมือคือวิหารสีเทาที่ตั้งเด่นเป็นสง่าซึ่งมีรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) องค์ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทยประดิษฐานอยู่ด้านใน ภายใต้ความดูแลของ มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งเมืองสี่คิ้ว แม้พวกเราจะขับรถผ่านไปแล้วและที่นี่ก็ไม่ได้อยู่ในแผนของเราตั้งแต่แรก
แต่เพราะแรงศรัทธาและความอยากมา การยูเทินกลับกว่า 10 กิโลเมตรก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ตัดสินใจวนรถกลับมาแวะกราบนมัสการเพื่อเป็นศิริมงคลกันก่อนค่อยเดินทางไปต่อ (แต่มาครั้งนี้พลาดเราไม่กินราดหน้าเหมือนครั้งก่อน) (อันนี้ไม่ได้หิวจริง ๆ นะ)
4. โรงแรมแรก
เมื่ออกหักจากราดหน้าที่วัดสรพงษ์ ณ เมือง 4 คิ้ว ก็จำใจลากท้องของมื้อเที่ยงไปจนบ่ายสองก่อนจะแวะไปซบอกแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่เมืองพลให้ช่วยดามใจ นี่เป็นการเดินทางต่อเนื่องยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง
ตอนนี้สิบหกนาฬิกาสามสิบนาทีพอดี GPS ได้พาเรามาถึงจุดหมายปลายทาง ณ โรงแรมที่มีชื่อในทำนอง “ความรู้สึกทางอารมณ์ที่บ่งบอกถึงการแสดงออกทางความรัก ความเพ้อฝัน ความหวานละมุน” อะไรประมาณนี้ (ทายถูกมะว่าชื่อโรงแรมอะไร) ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับศูนย์ราชการจังหวัดขอนแก่น และแน่นอนเราได้จับจองการเข้าพักผ่านทางแอพพลิเคชั่นออนไลน์ชื่อดังมาก่อนหน้านี้และได้ราคาดีมาก สำหรับห้องนอน 4 คน เพียงราคา 1,184 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ราคาหารกันอยู่ที่คนละ 296 บาท สำหรับเราแล้วที่พักนี่ สะดวกสบาย คุ้มค่า และเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
5. เที่ยวกลางคืน
โดยปกติเวลามาต่างจังหวัดช่วงกลางคืนเราก็จะออกไปหาที่เที่ยวตามที่ต่าง ๆ ในละแวกใกล้ ๆ ที่พัก เพราะจะรู้สึกเสียดายเวลามาก หากต้องอยู่แต่ในห้อง (ซึ่งก็ไม่เสมอไป) และในราตรีนี้คงไม่พ้นการออกไปหาที่ เดินเที่ยวเล่น ช้อปปิ้ง เสาะหาของกินแปลกใหม่ และที่ที่เราจะไปคือ “ตลาดต้นตาล” ตลาดไนท์มาเก็ต มีพื้นที่กว้างใหญ่แบ่งออกถึง 6 โซน มีร้านค้าเปิดท้ายกว่า 400 ร้าน ที่จอดรถนั้นเพียบไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะมากิน จะช้อป จะชิค จะชิล หรือ จะมาว ก็จบที่นี่ที่เดียวได้เลย แสงสีเสียงแบบจัดเต็ม แต่ที่สำคัญหากมาวแล้วจะต้องไม่ขับ (อ้าวแล้วเราจะกลับยังไง) ก็จังหวัดนี้เขามี taxi ก็เรียกใช้บริการ เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวเองและคนอื่นด้วยนะ
สำหรับเช้านี้เราเลือกจิ้ม map ไปร้านคุณเก๋ อาหารเช้า เพื่อโจ๊กร้อน ๆ ถอนอาการมึนหัวจากน้ำเก๊กฮวยมีฟองของเมื่อคืน เพิ่มพลังด้วยไข่กระทะทรงเครื่อง ล้างปากด้วยโอยั้วหวานเบา ๆ เพื่อให้รู้สึกสดชื่นตื่นจากภวังค์และที่จะต้องสั่งมาลองคู่กันก็คือ ขนมปังสอดไส้ แต่ที่นี่เรียกกันว่า “ข่าวจี่” ไอเราก็อยากรู้ว่ามันจะจี่แบบบ้านเราไหม สรุปไม่เหมือนกันนะคราบ เพราะสิ่งที่พบคือขนมปังมีไส้เป็นไส้กรอกกับกุนเชียง แต่ที่พิเศษคือตัวขนมปังจะคล้ายแป้งของซาลาเปาแต่เอาไปอบลมร้อน ทำให้ตัวเทคเจอร์ของแป้งมันกรอบ และมีกลิ่นหอมผสมกับรสชาติของไส้ที่เข้ากันอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับเรามาก สรุปโดยรวมแล้วเอาเป็นว่า “ดีย์เลยฮะท่านผู้ชม” เอ๊ะหรือท่านผู้อ่าน
7. เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
หลังจากหนังตาจะปิดอีกรอบตามคอนเซ็ปต์ต้องหากิจกรรมทำกันหน่อย เช้านี้เรามาเปิดฤกษ์งาม ยามชัยกันด้วย "ศาลหลักเมืองขอนแก่น" หรือ "ศาลเทพารักษ์หลักเมือง" หลักเมืองที่มีทั้งวัฒนธรรมจีนและไทยอยู่ร่วมกัน ตัวอาคารมีศิลปะและสถาปัตยกรรมที่มีความงดงาม ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนในพื้นที่และนอกพื้นที่ต่างให้ความเคารพศรัทธา บริเวณที่ทำการมีชุดพวงมาลัย ธูป เทียน ทอง น้ำมัน ฯ ให้บริการชุดละ 50 - 200 บาท ได้มาเสร็จก็เดินไปสักการะตามจุดที่กำหนด โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำอย่างดี บริเวณบรรยากาศโดยรอบสงบร่มรื่นเย็นสบายเลยทีเดียว มีที่จอดรถด้วยนะสะดวกมาก ๆ
8. วัดก็เข้าเพราะเมื่อคืนเหล้าก็กิน
“สุราเมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา” อาจหมายถึงการดื่มสุราก็เอาแค่พอประมาณ สถานที่ต่อมาเราจะไปทำบุญให้จิตใจผ่องใสกันที่ “พระธาตุแก่นนคร” ณ วัดพระธาตุหนองแวงพระอารามหลวง ซึ่งภายในองค์พระธาตุมีจุดให้ถวายสังฆทาน (สังฆทาน คือการนำสิ่งของไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยไม่จำเพาะเจาะจงพระภิกษุรูปหนึ่งรูปใด)
เสร็จแล้วค่อยเดินชมภายในองค์พระธาตุต่อ เพราะมีทั้งหมด 9 ชั้น ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 8 มีเรื่องราวขนบธรรมเนียมศิลปวัฒนธรรม ข้าวของเครื่องใช้ตั้งแต่สมัยโบราณของชาวอีสาน อีกทั้งตาลปัดพัดยศรวมไปถึงหลักธรรมคำสอน นิทานโบราณ และอีกมากมาย ถูกจัดเรียงนำเสนออยู่ในแต่ละชั้นที่ก้าวบันไดขึ้นไป จนถึงชั้นบนสุดชั้นที่ 9 มีหอพระพุทธเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และมีบานประตูแกะสลักภาพ 3 มิติ รูปพรหม 16 ชั้น บริเวณรอบนอกสามารถเดินชมทัศนียภาพของตัวเมืองขอนแก่น รวมถึงสามารถเห็นบึงแก่นนครได้อีกด้วย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้