ROG ZEPHYRUS เป็นตระกูลที่ต้องบอกเลยว่าพรีเมียมและบางเบา รวมถึงจะมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆเข้ามาในตระกูลนี้เสมอ และแน่นอนว่าล่าสุดเองนั้นทางด้าน ROG ก็ได้เปิดตัว ROG ZEPHYRUS S17 ที่ในรุ่น 703 เป็นรุ่นล่าสุดที่มีการพัฒนาขึ้น ทั้งเรื่องของการระบายความร้อน การออกแบบตัวเครื่องและแน่นอนว่าสเปกที่ใส่เข้ามาให้ใช้งานเช่นกัน ในรุ่นนี้ราคา 120,000 บาทก็สเปกไม่ธรรมดาเช่นกันมาพร้อมกับ RTX 3080 ใช้งาน i9 Gen 11 ล่าสุด รวมถึงหน้าจอขนาดใหญ่ 17.3 นิ้วความละเอียดสูงมากถึง 4K เลยทีเดียวครับ และมาพร้อมรีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz แน่นอนว่าเป็นสเปกที่สุดมากๆเมื่อเทียบกับราคาและความบางแบบนี้สมกับเป็นตระกูลบางพรีเมียม ZEPHYRUS ของท่งค่ายนี้เช่นกัน เบา 2.6 กิโลกรัม บาง 19.9 มิลลิเมตร ลำโพง 6 ตัว Dolby Atmos จัดเต็ม
ROG ZEPHYRUS S17 703HS มาพร้อมกับ Intel Core i9-11900H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร SuperFin มาพร้อมการ์ดจอในตัว Intel UHD Graphics Xe 750 32EUs และการ์ดจอแยกจากค่ายเขียวตัว NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-P (16GB GDDR6) เทคโนโลยี 8 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม RTX Gen 2 พร้อมกับ RAM 32GB DDR4 Bus 3200MHz พร้อมกับ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 3TB ที่ความเร็ว 10,000 MB/s ซึ่งภาพรวมต้องบอกเลยว่าสุดทั้งหมดครับ พร้อมใช้งานหน้าจอ 17.3″ ความละเอียด Ultra HD ที่ 3840 x 2160 พิกเซล 16:9 sRGB 100% Refresh Rate ที่ 120Hz รองรับตัว DolbyVision รวมถึงระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ลำโพงเป็น 6 ตัว พร้อมกับยังคงมีกล้องเว็บแคม 720p และ ไมโครโฟนระบบ Two-Way AI Noise-Canceling ภายในตัวเหมือนเดิม และแน่นอนว่ามีตัว ASUS Exclusive Care 3 ปี Local Onsite Service เครื่องมีปัญหา ไปซ่อมถึงที่ และ 3 ปี International Warranty เครื่องมีปัญหาแต่อยู่ต่างประเทศ รับประกันระหว่างประเทศได้ รวมถึงมี ให้ 1 ปี Perfect Warranty อุบัติเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะทำน้ำหกใส่ ไฟฟ้าลัดวงจร หรือเครื่องตกหล่น สบายๆเลยทีเดียว เรียกได้ว่าครอบคลุมมากๆ
PRICE
- ROG ZEPHYRUS S17 703HS : Intel Core i9-11900H (8C/16T & 2.5 – 4.9GHz) + Intel UHD + NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-P (16GB GDDR6) + RAM 32GB + SSD 3TB
- ราคา 129,900 บาท
UNBOX
ตัวกล่องเองนั้นต้องบอกว่าให้มาใหญ่มากๆ และมีกล่องย่อยข้างในอีกขั้นนึงเราจะเห็นกล่องคอมพิวเตอร์ และ กล่องสำหรับสายชาร์จให้มาทั้งหมด 2 อัน ซึ่งตัว Adaptor เองนั้นให้มาทั้งหมด 2 แบบ คือใหญ่ กับ เล็กสำหรับพกพานั้นเอง ตัวใหญ่จะเป็น 240W ส่วนตัวเล็ก 100W ครับเหมาะแก่การใช้งานพกพาอะไรแตกต่างกันไปรวมถึงหัวชาร์จ
- ตัวเครื่อง ROG ZEPHYRUS S17
- คู่มือการใช้งาน
- Adaptor 240W
- Adaptor 100W
DESIGN
งานออกแบบต้องบอกเลยว่ายังคงเอกลักษณ์ของ ZEPHYRUS ได้ดีเพราะว่าถ้าใครจำกันได้รุ่นก่อนๆก็ทำได้น่าสนใจแต่ครั้งนี้ถ้ามองเทียบกับ S17 ก่อนหน้าอาจจะแตกต่างกันพอสมควร เพราะว่ารุ่นก่อนๆจะมีการย้าย คีย์บอร์ดมาไว้ด้านหน้าและทิ้งพื้นที่ส่วนบนเป็นส่วนการ์ดจอ ระบายความร้อนและโลโก้ต่างๆ แต่ครั้งนี้มีการปรับมาเป็นแบบมาตรฐานแต่ยังคงเอกลักษณ์หลายๆส่วนได้ดี ทั้งตัวปรับระดับเสียงแบบลูกกลิ้งในด้านบน หรือแม้แต่การยกตัวเครื่องหรือส่วนบนทำให้การระบายความร้อนนั้นดีมากขึ้น ต้องบอกว่าค่ายนี้มีอะไรให้พัฒนาเยอะเสมอเช่นกัน ทางด้านวัสดุงานประกอบ ขึ้นโลหะ CNC สวยงามและทำให้แม้จะเป็นหน้าจอใหญ่ 17.3 นิ้วแต่ก็หนักแค่ 2.6 กิโลครับ
ฝาหลังของเครื่องเองนั้นจะมีการออกแบบเรียบๆแม้จะไม่ได้มีไฟอะไรหวือหวาแต่ก็มีการเขียนชื่อแบรนด์และเล่นกราฟิกสวยงามเช่นกัน เป็นสีดำด้านทั้งหมดครับ ส่วนด้านในเราจะเห็นการออกแบบที่เรียบง่ายขึ้นการจัดวางปุ่มต่างๆแบบมาตรฐานพร้อมกับขนาด 17 นิ้วแบบนี้มี Numberpad ใส่เข้ามาให้ปกติรวมถึงเราจะเห็นการยกตัวเครื่องขึ้นเล็กน้อยในส่วนด้านบนและวัสดุสีดำด้านทั้งหมดตัวเครื่องอาจจะติดคราบมันรอยนิ้วมือได้ง่ายมากเวลาใช้งานทั่วไป
งานออกแบบข้างในแน่นอนว่าครั้งนี้ไม่ได้ยกแค่ส่วนด้านบนของตัวเครื่องแล้ว แต่จะยกทั้งแพงขึ้นมาเนียนตามากกว่าเดิม และจะเห็นไฟสถานะ ต่างๆในส่วนขอบบนพร้อมกับพลาสติกที่แอบคล้ายโปร่งแสงนิดหน่อยครับและปุ่มเปิด/ปิดเองสามารถรองรับการสแกนนิ้วไปได้ในตัวและสามารถกดลงไปได้ด้วยเช่นกัน ส่วนการยกที่จะรับอากาศเข้าไปก็สูงพอสมควรเลยทีเดียวส่งผลให้การพิมพ์งานต่างๆนั้นสะดวกมากกว่าเดิม แม้จะเป็นปุ่มแบบ แมคคานิค แต่ก็สามารถยกขึ้นได้และทำเรื่องของความบางเบาได้ดี ต้องยอมเรื่องนี้ในตระกูล ZEPHYRUS เช่นกันครับถือว่าจัดการได้ดีมาก
หน้าจอขนาด 17.3 นิ้วเราจะเห็นเลยว่าขอบบางทั้งหมดและยังคงมีการแทรกกล้องหน้าเข้ามาให้ข้างบนพร้อมกับ 2 ไมค์สำหรับการใช้งาน และ มีชื่อรุ่นเขียนเข้ามาให้ในด้านล่างและด้วยการใช้งานขอบจอ Nano Edge Display ทำให้รุ่นนี้จะมีตัวเครื่องเทียบเท่า 15.6″ รุ่นก่อนๆ และมาพร้อมกับหน้าจอแบบด้านในสเปกหน้าจอ ขนาด 17.3″ Ultra HD หรือ 4K ในพิกเซล 3840 x 2160 พิกเซล รองรับ sRGB 100% Refresh Rate ที่ 120Hz ครบๆ
ทางด้านช่องระบายอากาศเองนั้นรุ่นนี้ประสิทธิภาพเยอะ จัดเต็มอย่างมากทำให้เรื่องระบายอากาศจริงๆนั้นนอกเหนือจากช่องระบายที่ดูดจากข้างบนที่ยกขึ้นมาแล้ว ตัวนี้สามารถยิงออกด้านหลังทั้งหมด รวมถึงด้านข้าง ซ้าย ขวา และจะดูดอากาศจากด้านบนที่ยกขึ้นรวมถึง ข้างล่างฐานเครื่องด้วยเช่นกัน และค่ายนี้ยังคงใส่ใจการออกแบบฐานเครื่องเหมือนเดิมทั้งเส้นสายลวดลาย และ การเขียนชื่อแบรนด์ต่างๆ และเราจะเห็นช่องลำโพงในมุมขวาล่าง ส่วนเมื่อแงะตัวเครื่องออกมาเราจะเห็น การใช้งานพัดลม 2 ตัว แบบ 84 ใบ พร้อม Heat Pipes 6 เส้นขนาดใหญ่และยังคงมีระบบดักฝุ่น และ Liquid Metal Thermal Grizzly Conductonaut ดึงความร้อนออกจาก CPU / GPU ที่จะเป็น ซิลิโคนที่คุณภาพสูงมากเช่นกัน และตัวเครื่องเองนั้นรองรับการอัปเกรดในตัว SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 มีมาให้เยอะมากคือ 3 ตัว ตัวละ 1TB ทำแบบ Raid เรียบร้อยครับ และ RAM นั้นจะให้มาแบบ Onboard 16GB รวมถึงรองรับการใส่ 1 แถว เพิ่มเติมซึ่งส่วนนี้จะอัปได้ แต่ก็ใส่มาแล้ว 16GB นะครับทำให้ตัวเครื่องมี 32GB แต่จะรองรับการอัปเกรดได้สูงถึง 48GB นั้นเองถือว่าครบและสเปกสุดมากๆที่ให้มาในราคานี้ครับ
SPEC
- Intel® Core™ i9-11900H Processor 2.5 GHz (24M Cache, up to 4.9 GHz, 8 Cores)
- NVIDIA® GeForce RTX™ 3080 Laptop GPU
- ROG Boost up to 1645MHz at 125W (140W with Dynamic Boost)
- 16GB GDDR6
- หน้าจอขนาด 17.3-นิ้ว พร้อมความละเอียด 4K UHD (3840 x 2160) 16:9 หน้าด้าน anti-glare display มาตรฐาน DCI-P3:100% Refresh Rate:120Hz Response Time:3ms IPS-level Adaptive-Sync Pantone Validated
- RAM 16GB DDR4 ออนบอร์ด + 16GB DDR4-3200 SO-DIMM รองรับสูงสุด Max Capacity : 48GB
- SSD ความจุทั้งหมด 3TB ใช้งานเป็น 1TB + 1TB + 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 RAID0 SSD
- 1x 3.5mm Combo Audio Jack
- 1x HDMI 2.0b
- 2x USB 3.2 Gen 2 Type-A
- 1x USB 3.2 Gen 2 Type-A
- 1x USB 3.2 Gen 2 Type-C support DisplayPort / power delivery
- 1x RJ45 LAN port
- 1x Thunderbolt™ 4 support DisplayPort™ / power delivery
- card reader (SD) (UHS-II, 312MB/s)
- คีย์บอร์ดแบบ Optical Mech Keyboard Per-Key RGB
- Touchpad ขนาดใหญ่ขึ้น 125%
- ระบบเสียง Smart Amp Technology รองรับ Dolby Atmos พร้อมไมค์ AI mic noise-canceling
- Built-in array microphone
- ลำโพง 2x 1W tweeter with Smart Amp Technology และ 4x 1W woofer with Smart Amp Technology
- Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2
*BT version may change with OS upgrades.) -RangeBoost
- แบต 90 วัตต์ต่อชั่วโมง, 4S1P, 4-เซล ลิเธียมไอออน
- Adaptor ตัวที่ 1 กำลังไฟ 100W พร้อม Adaptor ตัวที่ 2 กำลังไฟ 240W ขนาดใหญ่
PERFORMANCE
เรื่องของประสิทธิภาพนั้นถือว่าสบายไว้ใจได้ครับ ไม่ว่าจะทำงานโหดแค่ไหนเพราะตัวนี้สเปกน่าจะแรงที่สุดแล้ว มาพร้อมกับ ตัวเทพ Intel Core i9-11900H ความเร็ว 2.5GHz-4.9GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด (24 MB L3 Cache Smart Cache) พร้อมการ์ดจอรุ่นล่าสุด NVIDIA GeForce RTX 3080 16GB DDR6 มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe จำนวน 3 สล็อตติดตั้งมาแล้วที่ความจุ 3TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz 16 Onboard + 16GB ที่สามารถอัปได้ แน่นอนว่าทำให้สเปกที่ให้มานั้นรองรับทั้งการเล่นเกมแบบกินสเปกโหดๆ หรือว่ากินพื้นที่การใช้งานก็รองรับได้ อีกทั้งเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกันได้แบบไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย และรองรับการอัปเกรดไป Windows 11 ได้สบายๆครับ ทั้งสเปกและความจุ
PC MARK. คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าสบายๆเลยแหละ เพราะว่าเป็นตัว i9 เทพสุดๆทำให้คะแนนนั้นพุ่งไป 7058 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปจนถึงตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 Gen 11 ก่อนหน้า ด้วยในคะแนนส่วนนี้ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 7,200
[SR] รีวิว ROG ZEPHYRUS S17 สเปก i9 Gen11 + RTX 3080 หน้าจอ 17.3″ 4K 120Hz ในงบ 130K !
ROG ZEPHYRUS เป็นตระกูลที่ต้องบอกเลยว่าพรีเมียมและบางเบา รวมถึงจะมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆเข้ามาในตระกูลนี้เสมอ และแน่นอนว่าล่าสุดเองนั้นทางด้าน ROG ก็ได้เปิดตัว ROG ZEPHYRUS S17 ที่ในรุ่น 703 เป็นรุ่นล่าสุดที่มีการพัฒนาขึ้น ทั้งเรื่องของการระบายความร้อน การออกแบบตัวเครื่องและแน่นอนว่าสเปกที่ใส่เข้ามาให้ใช้งานเช่นกัน ในรุ่นนี้ราคา 120,000 บาทก็สเปกไม่ธรรมดาเช่นกันมาพร้อมกับ RTX 3080 ใช้งาน i9 Gen 11 ล่าสุด รวมถึงหน้าจอขนาดใหญ่ 17.3 นิ้วความละเอียดสูงมากถึง 4K เลยทีเดียวครับ และมาพร้อมรีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz แน่นอนว่าเป็นสเปกที่สุดมากๆเมื่อเทียบกับราคาและความบางแบบนี้สมกับเป็นตระกูลบางพรีเมียม ZEPHYRUS ของท่งค่ายนี้เช่นกัน เบา 2.6 กิโลกรัม บาง 19.9 มิลลิเมตร ลำโพง 6 ตัว Dolby Atmos จัดเต็ม
ROG ZEPHYRUS S17 703HS มาพร้อมกับ Intel Core i9-11900H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร SuperFin มาพร้อมการ์ดจอในตัว Intel UHD Graphics Xe 750 32EUs และการ์ดจอแยกจากค่ายเขียวตัว NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-P (16GB GDDR6) เทคโนโลยี 8 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม RTX Gen 2 พร้อมกับ RAM 32GB DDR4 Bus 3200MHz พร้อมกับ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 3TB ที่ความเร็ว 10,000 MB/s ซึ่งภาพรวมต้องบอกเลยว่าสุดทั้งหมดครับ พร้อมใช้งานหน้าจอ 17.3″ ความละเอียด Ultra HD ที่ 3840 x 2160 พิกเซล 16:9 sRGB 100% Refresh Rate ที่ 120Hz รองรับตัว DolbyVision รวมถึงระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ลำโพงเป็น 6 ตัว พร้อมกับยังคงมีกล้องเว็บแคม 720p และ ไมโครโฟนระบบ Two-Way AI Noise-Canceling ภายในตัวเหมือนเดิม และแน่นอนว่ามีตัว ASUS Exclusive Care 3 ปี Local Onsite Service เครื่องมีปัญหา ไปซ่อมถึงที่ และ 3 ปี International Warranty เครื่องมีปัญหาแต่อยู่ต่างประเทศ รับประกันระหว่างประเทศได้ รวมถึงมี ให้ 1 ปี Perfect Warranty อุบัติเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะทำน้ำหกใส่ ไฟฟ้าลัดวงจร หรือเครื่องตกหล่น สบายๆเลยทีเดียว เรียกได้ว่าครอบคลุมมากๆ
PRICE
- ROG ZEPHYRUS S17 703HS : Intel Core i9-11900H (8C/16T & 2.5 – 4.9GHz) + Intel UHD + NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-P (16GB GDDR6) + RAM 32GB + SSD 3TB
- ราคา 129,900 บาท
UNBOX
ตัวกล่องเองนั้นต้องบอกว่าให้มาใหญ่มากๆ และมีกล่องย่อยข้างในอีกขั้นนึงเราจะเห็นกล่องคอมพิวเตอร์ และ กล่องสำหรับสายชาร์จให้มาทั้งหมด 2 อัน ซึ่งตัว Adaptor เองนั้นให้มาทั้งหมด 2 แบบ คือใหญ่ กับ เล็กสำหรับพกพานั้นเอง ตัวใหญ่จะเป็น 240W ส่วนตัวเล็ก 100W ครับเหมาะแก่การใช้งานพกพาอะไรแตกต่างกันไปรวมถึงหัวชาร์จ
- ตัวเครื่อง ROG ZEPHYRUS S17
- คู่มือการใช้งาน
- Adaptor 240W
- Adaptor 100W
DESIGN
งานออกแบบต้องบอกเลยว่ายังคงเอกลักษณ์ของ ZEPHYRUS ได้ดีเพราะว่าถ้าใครจำกันได้รุ่นก่อนๆก็ทำได้น่าสนใจแต่ครั้งนี้ถ้ามองเทียบกับ S17 ก่อนหน้าอาจจะแตกต่างกันพอสมควร เพราะว่ารุ่นก่อนๆจะมีการย้าย คีย์บอร์ดมาไว้ด้านหน้าและทิ้งพื้นที่ส่วนบนเป็นส่วนการ์ดจอ ระบายความร้อนและโลโก้ต่างๆ แต่ครั้งนี้มีการปรับมาเป็นแบบมาตรฐานแต่ยังคงเอกลักษณ์หลายๆส่วนได้ดี ทั้งตัวปรับระดับเสียงแบบลูกกลิ้งในด้านบน หรือแม้แต่การยกตัวเครื่องหรือส่วนบนทำให้การระบายความร้อนนั้นดีมากขึ้น ต้องบอกว่าค่ายนี้มีอะไรให้พัฒนาเยอะเสมอเช่นกัน ทางด้านวัสดุงานประกอบ ขึ้นโลหะ CNC สวยงามและทำให้แม้จะเป็นหน้าจอใหญ่ 17.3 นิ้วแต่ก็หนักแค่ 2.6 กิโลครับ
ฝาหลังของเครื่องเองนั้นจะมีการออกแบบเรียบๆแม้จะไม่ได้มีไฟอะไรหวือหวาแต่ก็มีการเขียนชื่อแบรนด์และเล่นกราฟิกสวยงามเช่นกัน เป็นสีดำด้านทั้งหมดครับ ส่วนด้านในเราจะเห็นการออกแบบที่เรียบง่ายขึ้นการจัดวางปุ่มต่างๆแบบมาตรฐานพร้อมกับขนาด 17 นิ้วแบบนี้มี Numberpad ใส่เข้ามาให้ปกติรวมถึงเราจะเห็นการยกตัวเครื่องขึ้นเล็กน้อยในส่วนด้านบนและวัสดุสีดำด้านทั้งหมดตัวเครื่องอาจจะติดคราบมันรอยนิ้วมือได้ง่ายมากเวลาใช้งานทั่วไป
งานออกแบบข้างในแน่นอนว่าครั้งนี้ไม่ได้ยกแค่ส่วนด้านบนของตัวเครื่องแล้ว แต่จะยกทั้งแพงขึ้นมาเนียนตามากกว่าเดิม และจะเห็นไฟสถานะ ต่างๆในส่วนขอบบนพร้อมกับพลาสติกที่แอบคล้ายโปร่งแสงนิดหน่อยครับและปุ่มเปิด/ปิดเองสามารถรองรับการสแกนนิ้วไปได้ในตัวและสามารถกดลงไปได้ด้วยเช่นกัน ส่วนการยกที่จะรับอากาศเข้าไปก็สูงพอสมควรเลยทีเดียวส่งผลให้การพิมพ์งานต่างๆนั้นสะดวกมากกว่าเดิม แม้จะเป็นปุ่มแบบ แมคคานิค แต่ก็สามารถยกขึ้นได้และทำเรื่องของความบางเบาได้ดี ต้องยอมเรื่องนี้ในตระกูล ZEPHYRUS เช่นกันครับถือว่าจัดการได้ดีมาก
หน้าจอขนาด 17.3 นิ้วเราจะเห็นเลยว่าขอบบางทั้งหมดและยังคงมีการแทรกกล้องหน้าเข้ามาให้ข้างบนพร้อมกับ 2 ไมค์สำหรับการใช้งาน และ มีชื่อรุ่นเขียนเข้ามาให้ในด้านล่างและด้วยการใช้งานขอบจอ Nano Edge Display ทำให้รุ่นนี้จะมีตัวเครื่องเทียบเท่า 15.6″ รุ่นก่อนๆ และมาพร้อมกับหน้าจอแบบด้านในสเปกหน้าจอ ขนาด 17.3″ Ultra HD หรือ 4K ในพิกเซล 3840 x 2160 พิกเซล รองรับ sRGB 100% Refresh Rate ที่ 120Hz ครบๆ
ทางด้านช่องระบายอากาศเองนั้นรุ่นนี้ประสิทธิภาพเยอะ จัดเต็มอย่างมากทำให้เรื่องระบายอากาศจริงๆนั้นนอกเหนือจากช่องระบายที่ดูดจากข้างบนที่ยกขึ้นมาแล้ว ตัวนี้สามารถยิงออกด้านหลังทั้งหมด รวมถึงด้านข้าง ซ้าย ขวา และจะดูดอากาศจากด้านบนที่ยกขึ้นรวมถึง ข้างล่างฐานเครื่องด้วยเช่นกัน และค่ายนี้ยังคงใส่ใจการออกแบบฐานเครื่องเหมือนเดิมทั้งเส้นสายลวดลาย และ การเขียนชื่อแบรนด์ต่างๆ และเราจะเห็นช่องลำโพงในมุมขวาล่าง ส่วนเมื่อแงะตัวเครื่องออกมาเราจะเห็น การใช้งานพัดลม 2 ตัว แบบ 84 ใบ พร้อม Heat Pipes 6 เส้นขนาดใหญ่และยังคงมีระบบดักฝุ่น และ Liquid Metal Thermal Grizzly Conductonaut ดึงความร้อนออกจาก CPU / GPU ที่จะเป็น ซิลิโคนที่คุณภาพสูงมากเช่นกัน และตัวเครื่องเองนั้นรองรับการอัปเกรดในตัว SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 มีมาให้เยอะมากคือ 3 ตัว ตัวละ 1TB ทำแบบ Raid เรียบร้อยครับ และ RAM นั้นจะให้มาแบบ Onboard 16GB รวมถึงรองรับการใส่ 1 แถว เพิ่มเติมซึ่งส่วนนี้จะอัปได้ แต่ก็ใส่มาแล้ว 16GB นะครับทำให้ตัวเครื่องมี 32GB แต่จะรองรับการอัปเกรดได้สูงถึง 48GB นั้นเองถือว่าครบและสเปกสุดมากๆที่ให้มาในราคานี้ครับ
SPEC
- Intel® Core™ i9-11900H Processor 2.5 GHz (24M Cache, up to 4.9 GHz, 8 Cores)
- NVIDIA® GeForce RTX™ 3080 Laptop GPU
- ROG Boost up to 1645MHz at 125W (140W with Dynamic Boost)
- 16GB GDDR6
- หน้าจอขนาด 17.3-นิ้ว พร้อมความละเอียด 4K UHD (3840 x 2160) 16:9 หน้าด้าน anti-glare display มาตรฐาน DCI-P3:100% Refresh Rate:120Hz Response Time:3ms IPS-level Adaptive-Sync Pantone Validated
- RAM 16GB DDR4 ออนบอร์ด + 16GB DDR4-3200 SO-DIMM รองรับสูงสุด Max Capacity : 48GB
- SSD ความจุทั้งหมด 3TB ใช้งานเป็น 1TB + 1TB + 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 RAID0 SSD
- 1x 3.5mm Combo Audio Jack
- 1x HDMI 2.0b
- 2x USB 3.2 Gen 2 Type-A
- 1x USB 3.2 Gen 2 Type-A
- 1x USB 3.2 Gen 2 Type-C support DisplayPort / power delivery
- 1x RJ45 LAN port
- 1x Thunderbolt™ 4 support DisplayPort™ / power delivery
- card reader (SD) (UHS-II, 312MB/s)
- คีย์บอร์ดแบบ Optical Mech Keyboard Per-Key RGB
- Touchpad ขนาดใหญ่ขึ้น 125%
- ระบบเสียง Smart Amp Technology รองรับ Dolby Atmos พร้อมไมค์ AI mic noise-canceling
- Built-in array microphone
- ลำโพง 2x 1W tweeter with Smart Amp Technology และ 4x 1W woofer with Smart Amp Technology
- Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2*BT version may change with OS upgrades.) -RangeBoost
- แบต 90 วัตต์ต่อชั่วโมง, 4S1P, 4-เซล ลิเธียมไอออน
- Adaptor ตัวที่ 1 กำลังไฟ 100W พร้อม Adaptor ตัวที่ 2 กำลังไฟ 240W ขนาดใหญ่
PERFORMANCE
เรื่องของประสิทธิภาพนั้นถือว่าสบายไว้ใจได้ครับ ไม่ว่าจะทำงานโหดแค่ไหนเพราะตัวนี้สเปกน่าจะแรงที่สุดแล้ว มาพร้อมกับ ตัวเทพ Intel Core i9-11900H ความเร็ว 2.5GHz-4.9GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด (24 MB L3 Cache Smart Cache) พร้อมการ์ดจอรุ่นล่าสุด NVIDIA GeForce RTX 3080 16GB DDR6 มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe จำนวน 3 สล็อตติดตั้งมาแล้วที่ความจุ 3TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz 16 Onboard + 16GB ที่สามารถอัปได้ แน่นอนว่าทำให้สเปกที่ให้มานั้นรองรับทั้งการเล่นเกมแบบกินสเปกโหดๆ หรือว่ากินพื้นที่การใช้งานก็รองรับได้ อีกทั้งเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกันได้แบบไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย และรองรับการอัปเกรดไป Windows 11 ได้สบายๆครับ ทั้งสเปกและความจุ
PC MARK. คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าสบายๆเลยแหละ เพราะว่าเป็นตัว i9 เทพสุดๆทำให้คะแนนนั้นพุ่งไป 7058 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปจนถึงตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 Gen 11 ก่อนหน้า ด้วยในคะแนนส่วนนี้ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 7,200
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้