สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
เหมือนแยกแยะไม่เป็น และมีบางความเห็น ก็ยังตอบแบบมั้วๆ
ขอยกที่คุณ Galazios เขียนในกระทู้ https://ppantip.com/topic/31298046 มา 2 อันนะครับ
หลายคนยังมองประเด็นเรื่องการสังหารไม่ถูกมุมมอง(Perspective) อย่างแรกคือคนที่สหรัฐสังหารในระหว่างสงครามนั้นคือ"ข้าศึก" ส่วนพวกยิวนั้นเป็น"เชลยศึก" แต่เอาจริงๆส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงครามเลย จะพูดว่าเชลยศึกก็คงไม่ถูกนัก แต่ยังไงมันก็ต่างจากสหรัฐแน่
ในกรณีของสหรัฐนั้น อย่างน้อยคนญี่ปุ่นก็ทำสงครามกับสหรัฐอยู่ ต่อให้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปบ้าง แต่อย่างน้อยสหรัฐก็ไม่เคย(อย่างจงใจหรืเอเป็นนโยบาย)ฆ่าผู้ที่"อยู่ไต้การควบคุม"ของตนเอง ทหารเยอรมันหรือญี่ปุ่นที่ถูกสหรัฐจับได้นี่ก็มีคุณภาพชีวิตค่อนข้างดี ไม่ได้ถูกฆ่าล้างเหมือนชาวยิว
และเอาจริงๆนะ ประเด็นเรื่อง"การต่อต้านชาวยิว" (Anti-Semetic)ก็เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะ"เหตุผล"ของฮิตเลอร์นั้นไม่สมประกอบ เพราะถ้าเขาแค้นชาวยิวจริง แล้วทำใมคนที่ไม่ใช่ยิวถึงโดน"ฆ่าล้างเผ่าพันธ์" (Holocaust)ละ และไม่ใช่จำนวนน้อยๆด้วย
จำนวนที่แน่นอนของผู้ที่เสียชีวิตจากน้ำมือของนาซีอาจจะไม่มีใครล่วงรู้ แต่เชื่อว่ามีจำนวนผู้เคราะห์ร้าย ดังนี้[ต้องการอ้างอิง] :
5-6 ล้านคน เป็นชาวยิว รวมทั้งชาวโปแลนด์ที่เป็นยิว 3 ล้านคน
1.8-1.9 ล้านคน เป็นชาวคริสเตียนและผู้คนที่ไม่ใช่ชาวยิว แต่ต่อต้านพรรคนาซีและถูกนาซียึดครอง
200,000-800,000 คน เป็นชาวโรมาหรือชาวยิปซี
200,000-300,000 คน เป็นผู้ที่ไม่มีประโยชน์ในการใช้แรงงาน
80,000-200,000 คน เป็นผู้ที่มาจากสมาคมของยุโรปที่ต่อต้านการกระทำของพรรคนาซี
100,000 คน เป็นผู้ที่นับถือลัทธิคอมมิวนิสต์
10,000-25,000 เป็นพวกรักร่วมเพศ
2,500-5,000 เป็นชาวคริสเตียน นิกายพยานของพระยโฮวา (Jehovah's Witnesses)
รูล ฮิลเบิร์ก เจ้าของผลงานหนังสือ The Destruction of the European Jews (การสังหารชาวยุโรปเชื้อสายยิว) คาดว่ามีชาวยิวทั้งหมด 5.1 ล้านคนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์การล้างชาติของนาซี จากสถิติกล่าวไว้ว่า มากกว่า 8 แสนคน เสียชีวิตจากบริเวณเกท-โทและความขาดแคลน, 1.4 ล้านคนเสียชีวิตเพราะถูกยิงทิ้งกลางแจ้ง และมากกว่า 2.9 ล้านคน เสียชีวิตอยู่ในค่ายกักกันนั้นเอง ฮิลเบิร์กประมาณการว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตในประเทศโปแลนด์เป็นจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน ตัวเลขที่ฮิลเบิร์กนำมาพิจารณานี้ได้มาจากบันทึกเท่าที่หาได้ จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C
http://en.wikipedia.org/wiki/The_Holocaust
"สาเหตุ"ของการฆ่าล้างเผ่าพันธ์จริงๆไม่ได้เกี่ยวกับ"ความเกลียดชัง" หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่เหตุผล"อย่างเป็นระบบ" มันอาจจะเป็นเหตุผลตั้งต้นจริง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เหตุผลจริงๆของมันก็อยู่ที่พสกนาซีนั้นเห็นว่า"มนุษย์บางคนไม่ใช่มนุษย์"นั่นละ
พรรคนาซีปลูกฝังความเชื่อเรื่อง"ลำดับชั้นของเผ่าพันธ์"อย่างแรงกล้ามาก และพวกนี้ก็ทำการทดดลองทางวิทยาศาสตร์เพื่อ"จัดลำดับชั้นของมนุษย์"อย่างเป็นระบบ เอาง่ายๆว่าคนเอเชีย(ยกเว้นญี่ปุ่น)ก็ไม่ใช่มนุษย์ ยิวก็ไม่ใช่มนุษย์ ยิปซีก็ไม่ใช่ พวกรักร่วเพศก็ไม่ใช่ คนดำก็ถือเป็น"เผ่าพันธ์ชั้นต่ำ" ไม่ต่างจากลิง และต่ำกว่าหมาแน่ๆในสายตาฮิตเลอร์ เพราะฮิตเลอร์นั้นรักหมามากกว่าคนซะอีก
สรุปง่ายๆว่า"เหตุผลที่เกลียดยิว"นั้นไม่สามารถใช้มาอธิบายการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ เพราะถ้าเขาแค่เกลียดยิว คนกลุ่มอื่นที่โดนฆ่าล้างเผ่าพันธ์นี่จะอ้างยังไงดี พวกยิปซีอาจจะอ้างได้ว่า"ทำนายว่าฮิตเลอร์จะดวงซวย" แต่แล้วไงละ พวกเขาก็ไม่ได้ไปยืดกิจการหรือส่งผลต่อระบบอำนาจแต่อย่างใด แต่พวกเขาก็ถูกมองในระดับเดียวกับยิว ทุกอย่างมันเป็น"ความบ้าคลั่ง"ของการเหยียดเชื้อชาติ(Racist)เท่านั้นละ
ข้ออ้างหนึ่งที่ฮิตเลอร์และผู้สนับสนุนฮิตเลอร์ใช้ในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คือยิวเป็นสาเหตึหนึ่งที่ทำให้เยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 และขณะที่ชาวชาวเยอรมันไปรบ คนยิวกลับนั่งเสวยสุขสร้างความร่ำรวยอยู่แนวหลัง แม้แต่ไกเซอร์ทก็ต้องสละราชสมบัติก็เพราะแผนของยิวอย่างที่เวย์คุงเขียนมา
จะทำความเข้าใจเรื่องนี้ ต้องมองข้อมูลหลายๆ ด้านก่อน ผมจะแยกเป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือ ทำไมเยอรมันแพ้สงคราม และประเด็นที่ 2 บทบาทของคนยิวในเยอรมันช่วงสงคราม
สาเหตุที่เยอรมันแพ้สงคราม ไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลพวงจากหลายๆ สาเหตุรวมๆ กัน ที่สุดท้ายทำให้เยอรมันต้องยอมแพ้ และสาเหตุเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวกับชาวยิวเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ชาวยิวอาจมีส่วนเป็นตัวละครในบางเหตุการณ์ แต่ไม่ใช่แผนทำลายล้างหรือทำให้เยอรมันแพ้จากฝีมือของคนยิวในเยอรมัน
ถ้าอ่านประวัติศาสตร์ สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 อาจบอกคร่าวๆ ได้ดังนี้
1. ฝ่ายเยอรมันและมหาอำนาจกลางมีทรัพยากร โดยเฉพาะวัตถุดิบในการทำสงครามที่จำกัดกว่า แม้ในระยะต้นของสงคราม อุตสาหกรรมการผลิตและวิศวกรรมของเยอรมันดูจะเหนือกว่าอังกฤษฝร่งเศส แต่เมื่อเวลาผ่านไป กำลังการผลิตยุทธปัจจัยของเยอรมันมีปัญหา ในขณะที่อังกฤษฝรั่งเศสพัฒนาจนแซงไปในช่วงกลางสงคราม ยิ่งมีอเมริกามาร่วมด้วย ยิ่งได้เปรียบ โดยเฉพาะวัตถุดิบที่มีเยอะกว่าและมีเส้นทางลำเลียงที่หลากหลายกว่าและไม่ถูกปิดกั้น ยิ่งคนหนุ่มๆ ต้องไปเป็นทหาร โรงงานต้องหันมาผลิตอาวุธ กำลังการผลิตอื่นๆ ลดลงเป็นลูกโซ่กระทบกันไปหมดจนส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจของเยอรมันเอง นอกจากนี้เยอรมันยกโดนอังกฤษ อเมริกาปิดอ่าวอีก การลำเลียงยุทธปัจจัยยิ่งลำบาก
2. นโยบายการทหารของเยอรมันเองไม่ได้มีประสิทธิภาพนัก เยอรมันเปิดการรุกใหญ่หลายครั้ง รัสเซียถอนตัวจากการรบไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 1917 แต่ยังมีทหารเยอรมันที่ค้างอยู่ในแนวรบฝั่งตะวันออกเป็นล้านคน ทำให้การรุกใหญ่ ในต้นปี 1918 ช่วงเดือนมีนาคมของเยอรมันที่กะจะเผด็จศึกฝ่ายอังกฤษฝรั่งเศส ทำได้ไม่เต็มที่และล้มเหลวไปในที่สุด นอกจากนี้ยังมีการบุกครั้งอื่นๆ หรือการรบย่อยหลายครั้งที่ไม่มีประสิทธิภาพ แต่เหล่าแม่ทัพนายกองแม้แต่จอมพลฮินเดนเบิร์กเองก็ไม่เคยโทษความผิดพลาดของตัวเอง
3. การเข้าร่วมสงครามของอเมริกา การเข้าร่วมสงครามของอเมริกาในปี 1917 ไม่ได้เป็นจุดเปลี่ยนในแง่กำลังรบ แต่เป็นจุดเปลี่ยนในด้านขวัญและกำลังใจต่อฝ่ายพันธมิตร ในขณะที่บั่นทอนขัวญและกำลังใจของชาวเยอรมันเอง และทหารในแนวหน้าที่ไม่รู้ว่ากำลังสู้เพื่ออะไรอย่างมาก เมื่อเสียขวัญแล้ว จิตใจที่จะรุกรบของทั้งชาติก็ต่ำลง เบื่อหน่ายสงคราม
4. สงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น เยอรมันเปิดการรบกับรัสเซียภายใต้การนำของพระเจ้าซาร์ด้วย แต่กองทัพรัสเซียเป็นกองทัพใหญ่แต่อุ้ยอ้าย ไม่มีประสิทธิภาพ เมื่อรัสเซียเกิดความวุ่นวายจากพวกคอมมิวเนิสต์ เยอรมันหนุนพวกบอลเชวิกเพื่อให้คอยบั่นทอนกำลังของรัสเซีย ช่วงปี 1917 เยอรมันเป็นคนส่งเลนินนั่งรถไฟจากสวิสเซอร์แลนด์ข้ามเยอรมันไปรัสเซียเพื่อนำการปฏิบัติ จนล้มล้างพระเข้าซาร์ได้สำเร็จ ส่งผลให้รัสเซียต้องเจรจนหยุดรบกับเยอรมัน แต่เยอรมันยังมีทหารค้างอยู่ในแนวรบตะวันออกเป็นล้านคนอย่างที่บอก เพื่อควบคุมดินแดนและความสงบ และต้องเสียทหารส่วนนี้ไปในการรุกใหญ่ปี 1918
ผลจากการสนับสนุนพวกคอมมิวนิสต์ ส่งผลเสียต่อเยอรมันเองด้วย เพราะกระแสความนิยมคอมมิวนิสต์และหลักคิดเรื่องความเสมอภาค โดยเฉพาะการให้สิทธิต่างๆ แก่ชนชั้นกรรมาชีพ ลามมาถึงเยอรมันเองด้วย ดังนั้นชนชั้นกรรมาชีพในเยอรมันก็มีการลุกฮือเช่นกัน เกิดเป็นความปั่นป่วนในแนวหลังของเยอรมันเอง แกนนำบางส่วนของคอมมิวนิสต์เยอรมันเป็นคนเชื้อสาวยิวจริง แต่ไม่ได้แปลว่านี่คือแผนการหรือฝีมือของคนยิวทั้งเยอรมันที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง และแกนนำก็มีทั้งที่เป็นเยอรมันเองด้วย ไม่ได้มีแค่คนยิวสองคนแบบที่บอกในต้นกระทู้
การลุกฮือนี้เป็นที่มาของการมีอำนาจของพวกฝ่ายซ้ายในรัฐสภาเยอรมัน และความปั่นป่วนวุ่นวายในเยอรมันเอง นำไปสู่การยุติสงครามในเดือนพฤศจิกายน 1918 โดยที่ฝ่ายพันธมิตรเองก็ไม่ได้คาดการณ์ด้วย อย่างอังกฤษเองยังคิดว่าสงครามน่าจะยืดเยื้อไปถึงปี 1920 เป็นอย่างน้อย และขณะที่ยอมแพ้นั้น กำลังรบหรืออุตสาหกรรมในแนวหลังของเยอรมัน ไม่ได้ถูกทำลายอย่างถอนรากถอนโคนแบบใน WW2 ถ้ายังไม่ยอมแพ้เยอรมันอาจจะยังยันได้อีกปีหรือ 2 ปี
คราวนี้มาดูว่าคนยิวในเยอรมันขณะนั้นมีจำนวนเท่าใดหรือมีบทบาทอย่างไร
1. ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มีชายิวในเยอรมันทุกเพศทุกวัยทุกช่วงอายุประมาณ 550,000 คน ขณะที่ประชากรเยอรมันขณะนั้นประมาณ 64 ล้านคน คิดแล้วไม่ถึง 1% ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางอาศัยอยู่ในเมือง อาชีพหลักของคนยิวส่วนใหญ่คืองานเสมียน เสมียนตามสำนักงานต่างๆ มักเป็นคนยิวเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เป็นเจ้าของโรงงานกิจการต่างๆ ก็มี แต่ไม่ใช่ขนาดชี้เป็นชี้ตายต่อผลผลิตทางอุตสาหกรรมขอวเยอรมันทั้งประเทศ ก็เหมือนสมัยนี้ ชาวยิวไม่ใช่เศรษฐีทุกคน แม้เศรษฐีจำนวนมากจะเป็นคนยิว
2. ในจำนวน 550,000 คนนี้ ในระหว่างสงครามเข้าไปเป็นทหารประมาณ 100,000 คน 80% ของจำนวนนี้ถูกส่งไปแนวหน้า ทหารเชื้อสายยิวตายในการรบประมาณ 12000 คน หรือ 12% บาดเจ็บมากกว่าสามหมื่นคน ได้เหรียญกล้าหาญอีกนับไม่ถ้วน ดังนั้นจะบอกว่ายิวมัวแต่เสวยสุขคงไม่ใช่ เพราะเกือบครึ่งของคนยิวผู้ชายในเยอรมัน ไปเป็นทหาร และ 80% ของคนพวกนี้ ไปแนวหน้า
ฝากให้คิด
1. ชาวยิวมีการศึกษาหลายคนเป็นแกนนำฝ่ายซ้ายของเยอรมัน หลายคนมีจุดจบไม่ดี แต่ตามที่หลายคนในกระทู้เข้าใจว่าคนยิวหน้าเงินเอาแต่ได้ ถ้าชาวยิวเป็นดังนี้แล้วคนยิวที่ไปเป็นแกนนำฝ่ายซ้ายนิยมคอมมิวนิสต์นี่มันจะไปนำทำไม อุดมการณ์คอมมิวนิสต์กับอุดมการณ์ยิวหน้าเลือดที่มันคนละด้านของเหรียญเลย
2. ออตโต้ แฟรงค์ พ่อของแอนน์ แฟรงค์ เป็นทหารรบในสงครามครั้งนี้ ได้รับบาดเจ็บและได้เหรียญกล้าหาญ เมื่อฮิตเลอร์มีอำนาจอยู่เยอรมันไม่ได้ ต้องหพาลูกเมียหนีไปฮอลแลนด์ จนฮอลแลนด์ถูกยึด ต้องหนีไปซ่อนในห้องลับ ถ้ายิวอย่างออตโต้เป็นยิวหน้าเลือดเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัว อดีตเพื่อนรวมงานชาวดัชต์ทั้งหญิงชายหลายคน คงไม่ช่วยหลบซ่อนส่งข้าวส่งน้ำเสี่ยงชีวิตตัวเองอยู่เป็นปีๆ หรอก แถมออตโต้เองคงไม่มีแก่ใจให้ที่พักพิงแก่ครอบครัวยิวครอบครัวอื่นร่วมด้วย จนสุดท้ายโดนรวบกันหมดหรอก
3. การเหมาเข่งกล่าวหาคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่แตกต่างจากตัว ไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ ศาสนา ความเชื่อ ตำกว่าหรือด้อยกว่าตัวมีเสมอในประวัติศาสตร์มนุษย์ คนบ้าอย่างฮิตเลอร์รังเกียจยิว คนไทยก็เอากับเค้าด้วย กระทู้นี้กลัวเสียงเห็นใจยิวจะมากเกินไปหรือไงไม่ทราบ หลายคนเอาประสบการณ์เล็กๆ หรือความเชื่อของตัวมาเล่าต่อกนหลายความเห็น
การชี้นิ้วเหมารวมว่ายิวมันเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ เลว สมควรตาย แตกต่างตรงไหนกับการชี้นิ้วด่าคนเสื้อแดงว่าโง่ โดนทักษิณหลอก ชี้นิ้วด่าสลิ่มว่ากระแดะ โหนเจ้า ไม่รักประชาธิปไตย อคติและความเชื่อผิดๆ เหล่านี้ปลูกง่ายมาก ปัญหาคือเราจะเป็นที่จะมองอะไรอย่างรอบด้าน ไม่ให้ใครมาปั่นหัว หรือจะเป็นเหยื่อให้คนอื่นมาปั่นหัวสร้างความเกลียดชัง แล้วก็มีอคติความเชื่อต่างๆ จนอาจตกเป็นเครื่องมือสร้างฐานกำลังต่อรองของพวกนักกินเมืองต่อไปก็ได้
เหตุผลอื่นๆ อาจจะมีอีก ท่านใดจะเสริมก็ตามสบาย เอาเป็นว่ามันมาจากหลายสาเหตุประกอบกัน ไม่ใช่เพราะคนยิวคอยก่อกวนแบบที่ฮิตเลอร์หรือผู้นิยมฮิตเลอร์เข้าใจแต่อย่างใด เพียงแต่เวลาจะโทษหรือโยนบาป โยนไปให้คนยิวที่ไม่มีใครชอบอยู่แล้วมันง่ายกว่าเอาความจริงที่ซับซ้อนมาพูดมาก และความจริงความเข้าใจอาจใช้ไม่ได้ผลเร็วในทางการเมือง เท่ากับความเกลียดชัง
อ้างอิง จริงๆ มีเยอะกว่านี้ แต่เผลอปิดไปหลายเว็บ เลยจำไม่ได้แล้ว
http://www.bbc.co.uk/news/magazine-17011607
http://www.bbc.co.uk/history/worldwars/wwone/war_end_01.shtml
http://www.myjewishlearning.com/history/Modern_History/1914-1948/WWI_and_the_Jews.shtml?p=1
http://www.germanjewishsoldiers.com/epilogue.php
http://www.jewishvirtuallibrary.org/jsource/Holocaust/36qs.html
http://en.wikipedia.org/wiki/World_War_I_casualties
ขอยกที่คุณ Galazios เขียนในกระทู้ https://ppantip.com/topic/31298046 มา 2 อันนะครับ
หลายคนยังมองประเด็นเรื่องการสังหารไม่ถูกมุมมอง(Perspective) อย่างแรกคือคนที่สหรัฐสังหารในระหว่างสงครามนั้นคือ"ข้าศึก" ส่วนพวกยิวนั้นเป็น"เชลยศึก" แต่เอาจริงๆส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงครามเลย จะพูดว่าเชลยศึกก็คงไม่ถูกนัก แต่ยังไงมันก็ต่างจากสหรัฐแน่
ในกรณีของสหรัฐนั้น อย่างน้อยคนญี่ปุ่นก็ทำสงครามกับสหรัฐอยู่ ต่อให้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปบ้าง แต่อย่างน้อยสหรัฐก็ไม่เคย(อย่างจงใจหรืเอเป็นนโยบาย)ฆ่าผู้ที่"อยู่ไต้การควบคุม"ของตนเอง ทหารเยอรมันหรือญี่ปุ่นที่ถูกสหรัฐจับได้นี่ก็มีคุณภาพชีวิตค่อนข้างดี ไม่ได้ถูกฆ่าล้างเหมือนชาวยิว
และเอาจริงๆนะ ประเด็นเรื่อง"การต่อต้านชาวยิว" (Anti-Semetic)ก็เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะ"เหตุผล"ของฮิตเลอร์นั้นไม่สมประกอบ เพราะถ้าเขาแค้นชาวยิวจริง แล้วทำใมคนที่ไม่ใช่ยิวถึงโดน"ฆ่าล้างเผ่าพันธ์" (Holocaust)ละ และไม่ใช่จำนวนน้อยๆด้วย
จำนวนที่แน่นอนของผู้ที่เสียชีวิตจากน้ำมือของนาซีอาจจะไม่มีใครล่วงรู้ แต่เชื่อว่ามีจำนวนผู้เคราะห์ร้าย ดังนี้[ต้องการอ้างอิง] :
5-6 ล้านคน เป็นชาวยิว รวมทั้งชาวโปแลนด์ที่เป็นยิว 3 ล้านคน
1.8-1.9 ล้านคน เป็นชาวคริสเตียนและผู้คนที่ไม่ใช่ชาวยิว แต่ต่อต้านพรรคนาซีและถูกนาซียึดครอง
200,000-800,000 คน เป็นชาวโรมาหรือชาวยิปซี
200,000-300,000 คน เป็นผู้ที่ไม่มีประโยชน์ในการใช้แรงงาน
80,000-200,000 คน เป็นผู้ที่มาจากสมาคมของยุโรปที่ต่อต้านการกระทำของพรรคนาซี
100,000 คน เป็นผู้ที่นับถือลัทธิคอมมิวนิสต์
10,000-25,000 เป็นพวกรักร่วมเพศ
2,500-5,000 เป็นชาวคริสเตียน นิกายพยานของพระยโฮวา (Jehovah's Witnesses)
รูล ฮิลเบิร์ก เจ้าของผลงานหนังสือ The Destruction of the European Jews (การสังหารชาวยุโรปเชื้อสายยิว) คาดว่ามีชาวยิวทั้งหมด 5.1 ล้านคนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์การล้างชาติของนาซี จากสถิติกล่าวไว้ว่า มากกว่า 8 แสนคน เสียชีวิตจากบริเวณเกท-โทและความขาดแคลน, 1.4 ล้านคนเสียชีวิตเพราะถูกยิงทิ้งกลางแจ้ง และมากกว่า 2.9 ล้านคน เสียชีวิตอยู่ในค่ายกักกันนั้นเอง ฮิลเบิร์กประมาณการว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตในประเทศโปแลนด์เป็นจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน ตัวเลขที่ฮิลเบิร์กนำมาพิจารณานี้ได้มาจากบันทึกเท่าที่หาได้ จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C
http://en.wikipedia.org/wiki/The_Holocaust
"สาเหตุ"ของการฆ่าล้างเผ่าพันธ์จริงๆไม่ได้เกี่ยวกับ"ความเกลียดชัง" หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่เหตุผล"อย่างเป็นระบบ" มันอาจจะเป็นเหตุผลตั้งต้นจริง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เหตุผลจริงๆของมันก็อยู่ที่พสกนาซีนั้นเห็นว่า"มนุษย์บางคนไม่ใช่มนุษย์"นั่นละ
พรรคนาซีปลูกฝังความเชื่อเรื่อง"ลำดับชั้นของเผ่าพันธ์"อย่างแรงกล้ามาก และพวกนี้ก็ทำการทดดลองทางวิทยาศาสตร์เพื่อ"จัดลำดับชั้นของมนุษย์"อย่างเป็นระบบ เอาง่ายๆว่าคนเอเชีย(ยกเว้นญี่ปุ่น)ก็ไม่ใช่มนุษย์ ยิวก็ไม่ใช่มนุษย์ ยิปซีก็ไม่ใช่ พวกรักร่วเพศก็ไม่ใช่ คนดำก็ถือเป็น"เผ่าพันธ์ชั้นต่ำ" ไม่ต่างจากลิง และต่ำกว่าหมาแน่ๆในสายตาฮิตเลอร์ เพราะฮิตเลอร์นั้นรักหมามากกว่าคนซะอีก
สรุปง่ายๆว่า"เหตุผลที่เกลียดยิว"นั้นไม่สามารถใช้มาอธิบายการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ เพราะถ้าเขาแค่เกลียดยิว คนกลุ่มอื่นที่โดนฆ่าล้างเผ่าพันธ์นี่จะอ้างยังไงดี พวกยิปซีอาจจะอ้างได้ว่า"ทำนายว่าฮิตเลอร์จะดวงซวย" แต่แล้วไงละ พวกเขาก็ไม่ได้ไปยืดกิจการหรือส่งผลต่อระบบอำนาจแต่อย่างใด แต่พวกเขาก็ถูกมองในระดับเดียวกับยิว ทุกอย่างมันเป็น"ความบ้าคลั่ง"ของการเหยียดเชื้อชาติ(Racist)เท่านั้นละ
ข้ออ้างหนึ่งที่ฮิตเลอร์และผู้สนับสนุนฮิตเลอร์ใช้ในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คือยิวเป็นสาเหตึหนึ่งที่ทำให้เยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 และขณะที่ชาวชาวเยอรมันไปรบ คนยิวกลับนั่งเสวยสุขสร้างความร่ำรวยอยู่แนวหลัง แม้แต่ไกเซอร์ทก็ต้องสละราชสมบัติก็เพราะแผนของยิวอย่างที่เวย์คุงเขียนมา
จะทำความเข้าใจเรื่องนี้ ต้องมองข้อมูลหลายๆ ด้านก่อน ผมจะแยกเป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือ ทำไมเยอรมันแพ้สงคราม และประเด็นที่ 2 บทบาทของคนยิวในเยอรมันช่วงสงคราม
สาเหตุที่เยอรมันแพ้สงคราม ไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลพวงจากหลายๆ สาเหตุรวมๆ กัน ที่สุดท้ายทำให้เยอรมันต้องยอมแพ้ และสาเหตุเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวกับชาวยิวเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ชาวยิวอาจมีส่วนเป็นตัวละครในบางเหตุการณ์ แต่ไม่ใช่แผนทำลายล้างหรือทำให้เยอรมันแพ้จากฝีมือของคนยิวในเยอรมัน
ถ้าอ่านประวัติศาสตร์ สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 อาจบอกคร่าวๆ ได้ดังนี้
1. ฝ่ายเยอรมันและมหาอำนาจกลางมีทรัพยากร โดยเฉพาะวัตถุดิบในการทำสงครามที่จำกัดกว่า แม้ในระยะต้นของสงคราม อุตสาหกรรมการผลิตและวิศวกรรมของเยอรมันดูจะเหนือกว่าอังกฤษฝร่งเศส แต่เมื่อเวลาผ่านไป กำลังการผลิตยุทธปัจจัยของเยอรมันมีปัญหา ในขณะที่อังกฤษฝรั่งเศสพัฒนาจนแซงไปในช่วงกลางสงคราม ยิ่งมีอเมริกามาร่วมด้วย ยิ่งได้เปรียบ โดยเฉพาะวัตถุดิบที่มีเยอะกว่าและมีเส้นทางลำเลียงที่หลากหลายกว่าและไม่ถูกปิดกั้น ยิ่งคนหนุ่มๆ ต้องไปเป็นทหาร โรงงานต้องหันมาผลิตอาวุธ กำลังการผลิตอื่นๆ ลดลงเป็นลูกโซ่กระทบกันไปหมดจนส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจของเยอรมันเอง นอกจากนี้เยอรมันยกโดนอังกฤษ อเมริกาปิดอ่าวอีก การลำเลียงยุทธปัจจัยยิ่งลำบาก
2. นโยบายการทหารของเยอรมันเองไม่ได้มีประสิทธิภาพนัก เยอรมันเปิดการรุกใหญ่หลายครั้ง รัสเซียถอนตัวจากการรบไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 1917 แต่ยังมีทหารเยอรมันที่ค้างอยู่ในแนวรบฝั่งตะวันออกเป็นล้านคน ทำให้การรุกใหญ่ ในต้นปี 1918 ช่วงเดือนมีนาคมของเยอรมันที่กะจะเผด็จศึกฝ่ายอังกฤษฝรั่งเศส ทำได้ไม่เต็มที่และล้มเหลวไปในที่สุด นอกจากนี้ยังมีการบุกครั้งอื่นๆ หรือการรบย่อยหลายครั้งที่ไม่มีประสิทธิภาพ แต่เหล่าแม่ทัพนายกองแม้แต่จอมพลฮินเดนเบิร์กเองก็ไม่เคยโทษความผิดพลาดของตัวเอง
3. การเข้าร่วมสงครามของอเมริกา การเข้าร่วมสงครามของอเมริกาในปี 1917 ไม่ได้เป็นจุดเปลี่ยนในแง่กำลังรบ แต่เป็นจุดเปลี่ยนในด้านขวัญและกำลังใจต่อฝ่ายพันธมิตร ในขณะที่บั่นทอนขัวญและกำลังใจของชาวเยอรมันเอง และทหารในแนวหน้าที่ไม่รู้ว่ากำลังสู้เพื่ออะไรอย่างมาก เมื่อเสียขวัญแล้ว จิตใจที่จะรุกรบของทั้งชาติก็ต่ำลง เบื่อหน่ายสงคราม
4. สงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น เยอรมันเปิดการรบกับรัสเซียภายใต้การนำของพระเจ้าซาร์ด้วย แต่กองทัพรัสเซียเป็นกองทัพใหญ่แต่อุ้ยอ้าย ไม่มีประสิทธิภาพ เมื่อรัสเซียเกิดความวุ่นวายจากพวกคอมมิวเนิสต์ เยอรมันหนุนพวกบอลเชวิกเพื่อให้คอยบั่นทอนกำลังของรัสเซีย ช่วงปี 1917 เยอรมันเป็นคนส่งเลนินนั่งรถไฟจากสวิสเซอร์แลนด์ข้ามเยอรมันไปรัสเซียเพื่อนำการปฏิบัติ จนล้มล้างพระเข้าซาร์ได้สำเร็จ ส่งผลให้รัสเซียต้องเจรจนหยุดรบกับเยอรมัน แต่เยอรมันยังมีทหารค้างอยู่ในแนวรบตะวันออกเป็นล้านคนอย่างที่บอก เพื่อควบคุมดินแดนและความสงบ และต้องเสียทหารส่วนนี้ไปในการรุกใหญ่ปี 1918
ผลจากการสนับสนุนพวกคอมมิวนิสต์ ส่งผลเสียต่อเยอรมันเองด้วย เพราะกระแสความนิยมคอมมิวนิสต์และหลักคิดเรื่องความเสมอภาค โดยเฉพาะการให้สิทธิต่างๆ แก่ชนชั้นกรรมาชีพ ลามมาถึงเยอรมันเองด้วย ดังนั้นชนชั้นกรรมาชีพในเยอรมันก็มีการลุกฮือเช่นกัน เกิดเป็นความปั่นป่วนในแนวหลังของเยอรมันเอง แกนนำบางส่วนของคอมมิวนิสต์เยอรมันเป็นคนเชื้อสาวยิวจริง แต่ไม่ได้แปลว่านี่คือแผนการหรือฝีมือของคนยิวทั้งเยอรมันที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง และแกนนำก็มีทั้งที่เป็นเยอรมันเองด้วย ไม่ได้มีแค่คนยิวสองคนแบบที่บอกในต้นกระทู้
การลุกฮือนี้เป็นที่มาของการมีอำนาจของพวกฝ่ายซ้ายในรัฐสภาเยอรมัน และความปั่นป่วนวุ่นวายในเยอรมันเอง นำไปสู่การยุติสงครามในเดือนพฤศจิกายน 1918 โดยที่ฝ่ายพันธมิตรเองก็ไม่ได้คาดการณ์ด้วย อย่างอังกฤษเองยังคิดว่าสงครามน่าจะยืดเยื้อไปถึงปี 1920 เป็นอย่างน้อย และขณะที่ยอมแพ้นั้น กำลังรบหรืออุตสาหกรรมในแนวหลังของเยอรมัน ไม่ได้ถูกทำลายอย่างถอนรากถอนโคนแบบใน WW2 ถ้ายังไม่ยอมแพ้เยอรมันอาจจะยังยันได้อีกปีหรือ 2 ปี
คราวนี้มาดูว่าคนยิวในเยอรมันขณะนั้นมีจำนวนเท่าใดหรือมีบทบาทอย่างไร
1. ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มีชายิวในเยอรมันทุกเพศทุกวัยทุกช่วงอายุประมาณ 550,000 คน ขณะที่ประชากรเยอรมันขณะนั้นประมาณ 64 ล้านคน คิดแล้วไม่ถึง 1% ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางอาศัยอยู่ในเมือง อาชีพหลักของคนยิวส่วนใหญ่คืองานเสมียน เสมียนตามสำนักงานต่างๆ มักเป็นคนยิวเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เป็นเจ้าของโรงงานกิจการต่างๆ ก็มี แต่ไม่ใช่ขนาดชี้เป็นชี้ตายต่อผลผลิตทางอุตสาหกรรมขอวเยอรมันทั้งประเทศ ก็เหมือนสมัยนี้ ชาวยิวไม่ใช่เศรษฐีทุกคน แม้เศรษฐีจำนวนมากจะเป็นคนยิว
2. ในจำนวน 550,000 คนนี้ ในระหว่างสงครามเข้าไปเป็นทหารประมาณ 100,000 คน 80% ของจำนวนนี้ถูกส่งไปแนวหน้า ทหารเชื้อสายยิวตายในการรบประมาณ 12000 คน หรือ 12% บาดเจ็บมากกว่าสามหมื่นคน ได้เหรียญกล้าหาญอีกนับไม่ถ้วน ดังนั้นจะบอกว่ายิวมัวแต่เสวยสุขคงไม่ใช่ เพราะเกือบครึ่งของคนยิวผู้ชายในเยอรมัน ไปเป็นทหาร และ 80% ของคนพวกนี้ ไปแนวหน้า
ฝากให้คิด
1. ชาวยิวมีการศึกษาหลายคนเป็นแกนนำฝ่ายซ้ายของเยอรมัน หลายคนมีจุดจบไม่ดี แต่ตามที่หลายคนในกระทู้เข้าใจว่าคนยิวหน้าเงินเอาแต่ได้ ถ้าชาวยิวเป็นดังนี้แล้วคนยิวที่ไปเป็นแกนนำฝ่ายซ้ายนิยมคอมมิวนิสต์นี่มันจะไปนำทำไม อุดมการณ์คอมมิวนิสต์กับอุดมการณ์ยิวหน้าเลือดที่มันคนละด้านของเหรียญเลย
2. ออตโต้ แฟรงค์ พ่อของแอนน์ แฟรงค์ เป็นทหารรบในสงครามครั้งนี้ ได้รับบาดเจ็บและได้เหรียญกล้าหาญ เมื่อฮิตเลอร์มีอำนาจอยู่เยอรมันไม่ได้ ต้องหพาลูกเมียหนีไปฮอลแลนด์ จนฮอลแลนด์ถูกยึด ต้องหนีไปซ่อนในห้องลับ ถ้ายิวอย่างออตโต้เป็นยิวหน้าเลือดเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัว อดีตเพื่อนรวมงานชาวดัชต์ทั้งหญิงชายหลายคน คงไม่ช่วยหลบซ่อนส่งข้าวส่งน้ำเสี่ยงชีวิตตัวเองอยู่เป็นปีๆ หรอก แถมออตโต้เองคงไม่มีแก่ใจให้ที่พักพิงแก่ครอบครัวยิวครอบครัวอื่นร่วมด้วย จนสุดท้ายโดนรวบกันหมดหรอก
3. การเหมาเข่งกล่าวหาคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่แตกต่างจากตัว ไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ ศาสนา ความเชื่อ ตำกว่าหรือด้อยกว่าตัวมีเสมอในประวัติศาสตร์มนุษย์ คนบ้าอย่างฮิตเลอร์รังเกียจยิว คนไทยก็เอากับเค้าด้วย กระทู้นี้กลัวเสียงเห็นใจยิวจะมากเกินไปหรือไงไม่ทราบ หลายคนเอาประสบการณ์เล็กๆ หรือความเชื่อของตัวมาเล่าต่อกนหลายความเห็น
การชี้นิ้วเหมารวมว่ายิวมันเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ เลว สมควรตาย แตกต่างตรงไหนกับการชี้นิ้วด่าคนเสื้อแดงว่าโง่ โดนทักษิณหลอก ชี้นิ้วด่าสลิ่มว่ากระแดะ โหนเจ้า ไม่รักประชาธิปไตย อคติและความเชื่อผิดๆ เหล่านี้ปลูกง่ายมาก ปัญหาคือเราจะเป็นที่จะมองอะไรอย่างรอบด้าน ไม่ให้ใครมาปั่นหัว หรือจะเป็นเหยื่อให้คนอื่นมาปั่นหัวสร้างความเกลียดชัง แล้วก็มีอคติความเชื่อต่างๆ จนอาจตกเป็นเครื่องมือสร้างฐานกำลังต่อรองของพวกนักกินเมืองต่อไปก็ได้
เหตุผลอื่นๆ อาจจะมีอีก ท่านใดจะเสริมก็ตามสบาย เอาเป็นว่ามันมาจากหลายสาเหตุประกอบกัน ไม่ใช่เพราะคนยิวคอยก่อกวนแบบที่ฮิตเลอร์หรือผู้นิยมฮิตเลอร์เข้าใจแต่อย่างใด เพียงแต่เวลาจะโทษหรือโยนบาป โยนไปให้คนยิวที่ไม่มีใครชอบอยู่แล้วมันง่ายกว่าเอาความจริงที่ซับซ้อนมาพูดมาก และความจริงความเข้าใจอาจใช้ไม่ได้ผลเร็วในทางการเมือง เท่ากับความเกลียดชัง
อ้างอิง จริงๆ มีเยอะกว่านี้ แต่เผลอปิดไปหลายเว็บ เลยจำไม่ได้แล้ว
http://www.bbc.co.uk/news/magazine-17011607
http://www.bbc.co.uk/history/worldwars/wwone/war_end_01.shtml
http://www.myjewishlearning.com/history/Modern_History/1914-1948/WWI_and_the_Jews.shtml?p=1
http://www.germanjewishsoldiers.com/epilogue.php
http://www.jewishvirtuallibrary.org/jsource/Holocaust/36qs.html
http://en.wikipedia.org/wiki/World_War_I_casualties
แสดงความคิดเห็น
อดอฟ ฮิตเลอร์ ผิดถูก ดีร้าย อย่างไร เอาคนในยุคนี้ไปตัดสินก็คงไม่ได้ แต่หนังของเมกาคงทำให้ฮิตเลอร์ คือฝ่ายผิด แต่หาก
เข้าไปเกี่ยวข้อง ไปยุยง ให้เกิดสงคราม
ไปแทรกแซงประเทศ ต่างๆ คนเสียชีวิตรวมกัน
น่าจะมากกว่าที่ ฮิตเลอร์ ถูกกล่าวหาว่า
ทำคนยิวเสียชีวิตไปซะอีก..
หากอดอฟ ฮิตเลอร์ ไม่สู้เยอรมันจะยังโดนกดขี่ไป
อีกนานขนาดไหน
พอจบ ww 2 ประเทศผู้ชนะไม่ได้ ขูดรีดเยอรมัน
แแบบที่ฝรั่งเศสทำ เพราะอาจจะมี ฮิตเลอร์
คนที่ 2 3 ขึ้นมาอีก
.. เลยคิดว่าคนปัจจุบัน ไม่สามารถ ไปตัดสิน
คนในอดีตว่าทำผิด หรือ ถูกได้ในดรื่องต่างๆ