.
ชนินท์ที่รักของฉันหรือสายลมกันแน่…
สามีของฉันมีชู้! นี่คือสิ่งที่ฉันคิดเสมอมา หลายเดือนมานี่ฉันเห็นชนินท์ดูแปลกไป เปลี่ยนไป เลิกงานกลับมาชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยออกไปข้างนอกเหมือนแต่ก่อน
ที่สำคัญบางครั้งฉันก็ได้ยินเหมือนชนินท์กำลังคุยอยู่กับใคร เหมือนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครบางคน ทว่าฉันก็จับไม่เคยได้สักที จึงไม่รู้เลยว่าความจริงคืออะไร พอฉันถามชนินท์ก็บอกว่าคุยงาน
เขาต้องมีชู้แน่ ๆ! ฉันอดคิดเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ เพราะเขาดูเปลี่ยนไปมาก อะไร ๆ ที่เคยทำกับฉันเขาก็ไม่ทำ อ้างนู่นอ้างนี่ไปเรื่อย และก็ลืมฉันไปเลย เขาบอกเขาจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำไป ฉันเสียใจมากแต่เก็บความรู้สึกเอาไว้
เรื่องชนินท์เปลี่ยนไปฉันเป็นทุกข์ใจมากเลยนะคะ ชนินท์ต้องมีผู้หญิงอื่นแน่ ๆ ฉันมัวแต่เป็นแม่บ้านจนลืมดูแลตัวเอง เลี้ยงลูกจนไม่มีเวลาเอาใจสามี ชนินท์คงเบื่อฉันแล้ว พอเจอของใหม่ ๆ ก็เลยติดใจ ไม่อยากจะกลับมากินน้ำพริกถ้วยเก่า
ระยะหลัง ๆ มาชนินท์เลิกงานมาก็ปลีกตัวเข้าห้องเลย ฉันถามก็เหมือนไม่อยากตอบ เหมือนรำคาญฉันค่ะ ช่วงแรก ๆ ชนินท์ก็ยังอยู่คุยกับฉัน เล่นกับลูกนะคะ แต่ช่วงสองเดือนก่อนหน้านี้ชนินท์ไม่คุยกับฉันไม่คุยกับลูกเลย เลิกงานมาก็เดินปลีกตัวเข้าห้องนอนไปเลย ปิดประตูด้วยเหมือนกลัวว่าฉันจะเข้าไปขัดจังหวะอะไรสักอย่าง
พฤติกรรมของชนินท์มันเริ่มแย่ลงทุกที จนฉันแน่ใจแล้วว่าชนินท์ต้องมีคนอื่นชัวร์ ชนินท์ต้องมีเมียน้อย ฉันจึงเริ่มปฏิบัติการแอบสืบหาความจริงค่ะ ฉันไม่ได้จ้างนักสืบอะไรหรอกนะคะ ฉันแค่ไม่เซ้าซี้ชนินท์อีกต่อไป และ คอยจับตาดูพฤติกรรมของชนินท์เงียบ ๆ ถ้าเมื่อไหร่ฉันจับได้คาหนังคาเขา ฉันคิดว่าฉันจะหย่าเมื่อนั้นค่ะ
ฉันเฝ้าดูพฤติกรรมของสามีทุกวัน ใจมันเหลวแหลกไปแล้ว ทว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะหากว่าเขามีชู้ ทำไมเขากลับบ้านตรงเวลาทุกวัน ไม่เที่ยว จากที่เมื่อก่อนถ้าเป็นวันศุกร์ เขาจะต้องโทรมาขออนุญาตฉัน ยอมทะเลาะกับฉันเพื่อได้อยู่ดื่มเหล้ากับเพื่อน ๆ แต่หลัง ๆ มาเขากลับบ้านตรงเวลาทุกวัน ไม่เที่ยวไม่ดื่มเลย มันแปลกมาก สามีของฉันคบชู้แบบไหนกัน มันยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยให้แก่ฉันมากขึ้น
ชนินท์ไม่เที่ยว กลับบ้านตรงเวลาเสมอ ทว่าก็ไม่ได้สนใจฉันกับลูก และ เวลาที่ชนินท์ไม่ได้อยู่กับฉันนะ ฉันมักได้ยินเสียงของชนินท์พูดอยู่กับใครบางคน ฟังน้ำเสียงเหมือนกำลังคุยกับผู้หญิงอยู่ จะใครล่ะ ก็เมียน้อยของชนินท์ไง
ฉันแอบฟังเงียบ ๆ แอบจับตาเฝ้าดูพฤติกรรมของสามี และแล้วฉันต้องอึ้งเมื่อฉันเห็นชนินท์พูดคนเดียวค่ะ พูดเป็นตุเป็นตะเป็นเรื่องเป็นราว วันนั้นฉันบอกกับชนินท์ว่าฉันจะพาลูกไปบ้านแม่ ฉันกะเวลาไว้นานพอสมควรฉันจึงย้อนกลับมาไม่ให้ชนินท์รู้ตัว และสิ่งที่ฉันได้เห็นคือ ชนินท์พูดคนเดียวค่ะ
ชนินท์ทำเหมือนกำลังพูดกับใครสักคนที่เป็นผู้หญิง ฉันได้ยินชนินท์เรียกชื่อด้วยว่า ‘วินนี่’ ใครชื่อวินนี่กัน ชนินท์ไม่ได้คุยโทรศัพท์ ไม่ได้จับโทรศัพท์เลย มีเพียงสายลมที่พัดผ้าม่านปลิวไปมาเบา ๆ
“วินนี่ชื่อจริงคุณชื่ออะไรเหรอ ชื่อจริงผมก็ชนินท์นี่แหละ ผมยังไม่มีครอบครัวเลย ผมจำไม่ได้ว่าผมมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้อย่างไร ผมจำไม่ได้เลย ตลกเนอะ” ฉันได้ยินสามีของฉันพูดคนเดียวเต็มสองหู
“เจ้าของบ้านเธอมีลูกสาวหนึ่งคนครับ เธอมักให้ลูกสาวเรียกผมว่าพ่อ ผมก็งง ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ห้ามนะ เพราะว่าเธอกับลูกให้ที่ซุกหัวนอนกับผม แปลกดีนะผมจำอะไรไม่ได้เลยครับ” ฉันแอบฟังชนินท์พูดคนเดียว ซึ่งมันเกิดขึ้นบ่อยมาก ยิ่งพักหลังก่อนที่จะเกิดเรื่อง อาการของชนินท์หนักกว่าที่ผ่านมาอีก
ฉันเข้าใจแล้วว่าสามีของฉันไม่ได้มีชู้อย่างที่คิดเอาไว้ แท้จริงแล้วเขา…. เขามีอาการทางจิต! เขาไม่ยอมรับว่าฉันคือภรรยา และ ปาหนันคือลูกสาวของเขา ฉันสงสารปนเสียใจมาก คือ ฉันเสียใจที่สามีป่วยอาการทางจิต สงสารที่เขาต้องมาเป็นแบบนี้ ฉันต้องหาทางรักษาเขาให้ได้
“คุณหมอต้องช่วยดิฉันนะคะ คุณหมอต้องช่วยชนินท์ ต้องช่วยสามีของดิฉันให้หายเป็นปกติ ส่วนเรื่องคดีความฉันจะหาทางช่วยเขาเอง ชนินท์ไม่ได้ทำ!” ฉันนั่งคุยกับหมอ เพราะหมอต้องการสัมภาษณ์ฉันเกี่ยวกับอาการของชนินท์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“เขาบอกว่าสายลมทำ” คุณหมอพูด ฉันพยักหน้า ชนินท์เองก็บอกกับฉันอย่างนั้น บอกว่าสายลมที่ชื่อวินนี่เธอเป็นคนทำ เธอช่วยเขาจากความตาย หากไม่มีเธอเขาคงโดนยิงตายไปแล้ว
ฉันไม่เชื่อหรอก แต่เออออไปกับเขา นาทีนี้ฉันไม่อยากคัดค้านอะไรเขาอีกแล้ว แค่อาการทางจิตก็พอแรง แถมยังมีเรื่องคดีความฆ่าคนตายอีก ฉันไม่อยากให้เขาเครียดไปมากกว่านี้
พอฉันรู้แล้วว่าเขามีอาการทางจิต ไม่ได้มีชู้อย่างที่คิด ฉันเสียใจร้องไห้ทุกวัน สงสารสามีที่สุด และ พยายามจะพูดกล่อมหาทางพาเขาไปรักษาให้ได้
“นินท์คุณ เอ่อ คุณชนินท์คะ วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ ฉันเข้ามาขัดจังหวะคุณกับแฟนหรือเปล่า” ฉันถาม จากที่แอบยืนฟังชนินท์คุยกับสายลมอยู่พักใหญ่ ตอนนี้ฉันยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ยอมเป็นคนอื่น แม้กระทั่งลูกฉันก็ให้ลูกทำตัวเป็นคนอื่นกับพ่อ
“คุณรับรู้ถึงการมีตัวตนของเธอด้วยเหรอครับ” ชนินท์ถามฉันอย่างตกใจ คงไม่คิดว่าฉันจะรับรู้ถึงการมีตัวตนของวินนี่อะไรนั่นด้วย แล้วฉันก็พยักหน้าว่ารับรู้
ชนินท์หันไปยิ้มด้วยท่าทางตื่นเต้นคนเดียว น้ำตาของฉันแทบไหลต้องกลั้นเอาไว้ “เธอชื่อวินนี่ครับ เธอเป็นสายลมผู้หญิง ผมรู้ว่าเธอน่ารักแม้ไม่เคยเห็นหน้าตาจริง ๆ ของเธอ ผมไม่รู้ว่าผมมาอาศัยอยู่บ้านคุณได้ยังไง เดี๋ยวผมจะหาห้องเช่าอยู่นะครับสิ้นเดือน”
“เอ่อไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ด้วยกันนี่แหละ ยัยหนันติดคุณมาก คุณย้ายออกไปยัยหนันคงคิดถึงแย่ อยู่ที่นี่ต่อเพื่อลูก เอ่อ เพื่อยัยหนันเถอะนะคะ” ฉันเล่นไปกับเขา อาการของเขาหนักมาก พูดเป็นเรื่องเป็นราวเลย อย่างกับสายลมมีตัวตนจริง ๆ
“ผมจำไม่ได้เลยว่าผมมาอยู่กับคุณได้ยังไง แต่ก็เอาเถอะ เพื่อยัยหนูผมจะอยู่ต่อก็ได้ครับ เอ่อ ว่าแต่วันนี้ผมจะออกไปข้างนอกนะครับ ผมอยากพาแฟนไปทานข้าวข้างนอกบ้าง วินนี่เบื่ออยู่แต่บ้านครับ กลับดึกหน่อยคุณคงไม่ว่าผมนะ” เขาพูด ฉันยิ้มพยักหน้าอนุญาต เขาลืมฉันสนิทใจเลย ฉันกับลูกเป็นคนอื่นในสายตาของเขาไปแล้ว
“คุณพ่อจะไปไหนคะ” ปาหนันลูกสาวของฉันถาม
“ปาหนันอย่าเรียกแบบนั้นสิลูก เรียกคุณลุง! ลุงนินท์” ฉันพูดทั้งน้ำตา
“ไม่ใช่! คุณพ่อ! พ่อนินท์” ลูกสาวของฉันเถียง ฉันทำหน้าไม่ถูก
“ช่างแกเถอะครับ แกยังเด็กคงคิดถึงพ่อมาก ว่าแต่ผมอยู่ที่นี่นานแล้วยังไม่เห็นคุณพ่อของยัยหนูเลยนะครับ” เขาถาม ฉันก็เอาแต่ยิ้มกล้ำกลืนฝืนทนกับอาการของเขา “คุณพ่อไปธุระนะคะ หนูอยู่กับคุณแม่รอคุณพ่อที่บ้านนะ” เขาพูดกับลูกสาวของตัวเอง
“คุณชนินท์คะ วันหลังถ้าคุณว่างช่วยพาฉันไปทำธุระได้มั้ยคะ พอดีว่าฉันมีนัดกับคุณหมอค่ะ ช่วงนี้ฉันเครียด ๆ เรื่องงานจึงต้องการหาหมอจิตวิทยาค่ะ ฝากขออนุญาตคุณวินนี่ด้วยนะคะ” ฉันลองเชิงพูด
“วินนี่เธอรับทราบครับ เธอก็อยู่ตรงนี้ด้วย ส่วนผมว่างเสมอครับ คุณพร้อมไปวันไหนบอกผมแล้วกัน” ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม “คุณคงไม่ได้หาว่าผมบ้าใช่มั้ย”
“เธออยู่ตรงนี้เหรอคะ” ฉันถาม “ฉันไม่ได้หาว่าคุณบ้าหรอกค่ะ บางครั้งฉันก็สัมผัสเธอได้ แค่ตอนนี้ฉันสัมผัสเธอไม่ได้เท่านั้น ก็เลยถาม” ฉันแกล้งพูด
“ใช่ครับเธออยู่ตรงนี้” เขาพูดพร้อมกับสายลมที่พัดมาพอดี ทำเอาฉันแอบผงะ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ “ผมขอตัวนะครับ เดทแรกของเรา กลับดึกหน่อยนะ”
“ขอให้มีความสุขค่ะ” ฉันอวยพรสามีของตัวเองพร้อมฝืนยิ้ม จากนั้นเขาก็เดินออกจากบ้านไป พร้อมสายลมที่พัดผ่าน
ฉันไม่รู้เลยว่าชนินท์ไปที่ไหน ฉันไม่ได้ตามไปหรอก ฉันเสียใจมากที่สามีเป็นโรคประสาทหลอน คิดว่าลมมีตัวตน ฉันมัวแต่หาข้อมูลเพื่อจะพาชนินท์ไปรักษาอาการทางจิต จนกระทั่งมีคนโทรมาบอกกับฉันว่าชนินท์เกิดเรื่อง
‘ชนินท์ฆ่าตำรวจตาย’ มันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันนี่แหละจะเป็นพยานให้กับเขา สามีของฉันไม่มีวันทำแบบนั้นได้ เขาให้การบอกว่าสายลมเป็นคนทำ เขาเล่าให้ฉันฟังทุกอย่างตั้งแต่ต้นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ใครจะเชื่อ ‘สายลมเป็นคนฆ่าตำรวจ’ เขาจึงถูกส่งมาหาคุณหมอที่นี่
ฉันนั่งคุยกับคุณหมอเรื่องของชนินท์อยู่นาน เล่าอาการที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มแรกให้คุณหมอฟัง ฉันพยายามหาทางพาเขามาหาหมอจะได้อยู่แล้ว ดันมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
ณ โรงพยาบาลทางจิตแห่งหนึ่ง ฉันมองไปรอบ ๆ เห็นคนไข้ที่ไม่รับรู้ถึงโลกภายนอกหลายคน มีพยาบาลคอยดูแลใกล้ ๆ พวกเขากำลังอยู่ในโลกของพวกเขาเอง ฉันไม่อยากให้ชนินท์เป็นแบบนั้นเลย พวกเขากับชนินท์มีอาการคล้าย ๆ กัน
ฉันเหลือบไปมองชนินท์ที่นั่งอยู่โดยมีพยาบาลกับบุรุษพยาบาลควบคุมอยู่ ฉันสงสารมาก ชนินท์ต้องหายกลับมาเป็นปกติให้ได้ ต้องกลับมาจำฉันกับลูกได้
“คุณชนินท์คะ ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะหาทางช่วยคุณให้ได้ คุณต้องหายและหลุดพ้นข้อกล่าวหา” ฉันเดินไปคุยกับเขา ไม่กล้าแม้จะกุมมือ เพราะเกรงใจสายลมที่ชื่อวินนี่นั่น
“ครับ! ขอบคุณมาก ๆ ครับ วินนี่ก็บอกจะหาทางช่วยผมเหมือนกัน” เขายังพูดถึงสายลม ขณะนั้นก็มีสายลมพัดมาพอดี “วินนี่ขอบคุณ ๆ ด้วยนะครับ เธอบอกว่าขอบคุณ ๆ มากที่จะช่วยผมเรื่องคดีความ” เขาพูดอย่างคนอารมณ์ดี ทว่าฉันกลับอยากจะร้องไห้ที่สุด น้ำตาของฉันไหลโดยไม่รู้ตัว
“คุณต้องหายนะนินท์ ปริมกับลูกรอคุณกลับมาเสมอ” ฉันพูดทั้งน้ำตา อยากกอดลาแค่ไหนก็ไม่กล้า เขาไม่ใช่ชนินท์ของฉัน เขาคือคุณชนินท์ของสายลมวินนี่
‘ถึงอย่างไรฉันก็จะรอเขากลับมา ฉันรักชนินท์สามีของฉันมาก รักเสมอแม้เขาจะกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว นานเท่าไหร่ฉันก็จะรอ’
จากนั้นฉันจึงขอตัวกลับ แล้วหาทางช่วยชนินท์เรื่องคดีความต่อไป สามีของฉันไม่มีวันฆ่าคนทั้งคนได้ ขนาดฉันเอากระทะตีหัวเขาจนแตก เขายังไม่เอาคืนฉันสักแอะ นี่เล่นเอาช้อนส้อมแทงคอตำรวจตาย ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ไม่ทีทาง! มันต้องมีการเข้าใจผิด และ จับแพะแน่นอน…
จบ….
เรื่องสั้น : ที่รักของฉันและสายลม
.
ชนินท์ที่รักของฉันหรือสายลมกันแน่…
สามีของฉันมีชู้! นี่คือสิ่งที่ฉันคิดเสมอมา หลายเดือนมานี่ฉันเห็นชนินท์ดูแปลกไป เปลี่ยนไป เลิกงานกลับมาชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยออกไปข้างนอกเหมือนแต่ก่อน
ที่สำคัญบางครั้งฉันก็ได้ยินเหมือนชนินท์กำลังคุยอยู่กับใคร เหมือนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครบางคน ทว่าฉันก็จับไม่เคยได้สักที จึงไม่รู้เลยว่าความจริงคืออะไร พอฉันถามชนินท์ก็บอกว่าคุยงาน
เขาต้องมีชู้แน่ ๆ! ฉันอดคิดเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ เพราะเขาดูเปลี่ยนไปมาก อะไร ๆ ที่เคยทำกับฉันเขาก็ไม่ทำ อ้างนู่นอ้างนี่ไปเรื่อย และก็ลืมฉันไปเลย เขาบอกเขาจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำไป ฉันเสียใจมากแต่เก็บความรู้สึกเอาไว้
เรื่องชนินท์เปลี่ยนไปฉันเป็นทุกข์ใจมากเลยนะคะ ชนินท์ต้องมีผู้หญิงอื่นแน่ ๆ ฉันมัวแต่เป็นแม่บ้านจนลืมดูแลตัวเอง เลี้ยงลูกจนไม่มีเวลาเอาใจสามี ชนินท์คงเบื่อฉันแล้ว พอเจอของใหม่ ๆ ก็เลยติดใจ ไม่อยากจะกลับมากินน้ำพริกถ้วยเก่า
ระยะหลัง ๆ มาชนินท์เลิกงานมาก็ปลีกตัวเข้าห้องเลย ฉันถามก็เหมือนไม่อยากตอบ เหมือนรำคาญฉันค่ะ ช่วงแรก ๆ ชนินท์ก็ยังอยู่คุยกับฉัน เล่นกับลูกนะคะ แต่ช่วงสองเดือนก่อนหน้านี้ชนินท์ไม่คุยกับฉันไม่คุยกับลูกเลย เลิกงานมาก็เดินปลีกตัวเข้าห้องนอนไปเลย ปิดประตูด้วยเหมือนกลัวว่าฉันจะเข้าไปขัดจังหวะอะไรสักอย่าง
พฤติกรรมของชนินท์มันเริ่มแย่ลงทุกที จนฉันแน่ใจแล้วว่าชนินท์ต้องมีคนอื่นชัวร์ ชนินท์ต้องมีเมียน้อย ฉันจึงเริ่มปฏิบัติการแอบสืบหาความจริงค่ะ ฉันไม่ได้จ้างนักสืบอะไรหรอกนะคะ ฉันแค่ไม่เซ้าซี้ชนินท์อีกต่อไป และ คอยจับตาดูพฤติกรรมของชนินท์เงียบ ๆ ถ้าเมื่อไหร่ฉันจับได้คาหนังคาเขา ฉันคิดว่าฉันจะหย่าเมื่อนั้นค่ะ
ฉันเฝ้าดูพฤติกรรมของสามีทุกวัน ใจมันเหลวแหลกไปแล้ว ทว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะหากว่าเขามีชู้ ทำไมเขากลับบ้านตรงเวลาทุกวัน ไม่เที่ยว จากที่เมื่อก่อนถ้าเป็นวันศุกร์ เขาจะต้องโทรมาขออนุญาตฉัน ยอมทะเลาะกับฉันเพื่อได้อยู่ดื่มเหล้ากับเพื่อน ๆ แต่หลัง ๆ มาเขากลับบ้านตรงเวลาทุกวัน ไม่เที่ยวไม่ดื่มเลย มันแปลกมาก สามีของฉันคบชู้แบบไหนกัน มันยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยให้แก่ฉันมากขึ้น
ชนินท์ไม่เที่ยว กลับบ้านตรงเวลาเสมอ ทว่าก็ไม่ได้สนใจฉันกับลูก และ เวลาที่ชนินท์ไม่ได้อยู่กับฉันนะ ฉันมักได้ยินเสียงของชนินท์พูดอยู่กับใครบางคน ฟังน้ำเสียงเหมือนกำลังคุยกับผู้หญิงอยู่ จะใครล่ะ ก็เมียน้อยของชนินท์ไง
ฉันแอบฟังเงียบ ๆ แอบจับตาเฝ้าดูพฤติกรรมของสามี และแล้วฉันต้องอึ้งเมื่อฉันเห็นชนินท์พูดคนเดียวค่ะ พูดเป็นตุเป็นตะเป็นเรื่องเป็นราว วันนั้นฉันบอกกับชนินท์ว่าฉันจะพาลูกไปบ้านแม่ ฉันกะเวลาไว้นานพอสมควรฉันจึงย้อนกลับมาไม่ให้ชนินท์รู้ตัว และสิ่งที่ฉันได้เห็นคือ ชนินท์พูดคนเดียวค่ะ
ชนินท์ทำเหมือนกำลังพูดกับใครสักคนที่เป็นผู้หญิง ฉันได้ยินชนินท์เรียกชื่อด้วยว่า ‘วินนี่’ ใครชื่อวินนี่กัน ชนินท์ไม่ได้คุยโทรศัพท์ ไม่ได้จับโทรศัพท์เลย มีเพียงสายลมที่พัดผ้าม่านปลิวไปมาเบา ๆ
“วินนี่ชื่อจริงคุณชื่ออะไรเหรอ ชื่อจริงผมก็ชนินท์นี่แหละ ผมยังไม่มีครอบครัวเลย ผมจำไม่ได้ว่าผมมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้อย่างไร ผมจำไม่ได้เลย ตลกเนอะ” ฉันได้ยินสามีของฉันพูดคนเดียวเต็มสองหู
“เจ้าของบ้านเธอมีลูกสาวหนึ่งคนครับ เธอมักให้ลูกสาวเรียกผมว่าพ่อ ผมก็งง ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ห้ามนะ เพราะว่าเธอกับลูกให้ที่ซุกหัวนอนกับผม แปลกดีนะผมจำอะไรไม่ได้เลยครับ” ฉันแอบฟังชนินท์พูดคนเดียว ซึ่งมันเกิดขึ้นบ่อยมาก ยิ่งพักหลังก่อนที่จะเกิดเรื่อง อาการของชนินท์หนักกว่าที่ผ่านมาอีก
ฉันเข้าใจแล้วว่าสามีของฉันไม่ได้มีชู้อย่างที่คิดเอาไว้ แท้จริงแล้วเขา…. เขามีอาการทางจิต! เขาไม่ยอมรับว่าฉันคือภรรยา และ ปาหนันคือลูกสาวของเขา ฉันสงสารปนเสียใจมาก คือ ฉันเสียใจที่สามีป่วยอาการทางจิต สงสารที่เขาต้องมาเป็นแบบนี้ ฉันต้องหาทางรักษาเขาให้ได้
“คุณหมอต้องช่วยดิฉันนะคะ คุณหมอต้องช่วยชนินท์ ต้องช่วยสามีของดิฉันให้หายเป็นปกติ ส่วนเรื่องคดีความฉันจะหาทางช่วยเขาเอง ชนินท์ไม่ได้ทำ!” ฉันนั่งคุยกับหมอ เพราะหมอต้องการสัมภาษณ์ฉันเกี่ยวกับอาการของชนินท์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“เขาบอกว่าสายลมทำ” คุณหมอพูด ฉันพยักหน้า ชนินท์เองก็บอกกับฉันอย่างนั้น บอกว่าสายลมที่ชื่อวินนี่เธอเป็นคนทำ เธอช่วยเขาจากความตาย หากไม่มีเธอเขาคงโดนยิงตายไปแล้ว
ฉันไม่เชื่อหรอก แต่เออออไปกับเขา นาทีนี้ฉันไม่อยากคัดค้านอะไรเขาอีกแล้ว แค่อาการทางจิตก็พอแรง แถมยังมีเรื่องคดีความฆ่าคนตายอีก ฉันไม่อยากให้เขาเครียดไปมากกว่านี้
พอฉันรู้แล้วว่าเขามีอาการทางจิต ไม่ได้มีชู้อย่างที่คิด ฉันเสียใจร้องไห้ทุกวัน สงสารสามีที่สุด และ พยายามจะพูดกล่อมหาทางพาเขาไปรักษาให้ได้
“นินท์คุณ เอ่อ คุณชนินท์คะ วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ ฉันเข้ามาขัดจังหวะคุณกับแฟนหรือเปล่า” ฉันถาม จากที่แอบยืนฟังชนินท์คุยกับสายลมอยู่พักใหญ่ ตอนนี้ฉันยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ยอมเป็นคนอื่น แม้กระทั่งลูกฉันก็ให้ลูกทำตัวเป็นคนอื่นกับพ่อ
“คุณรับรู้ถึงการมีตัวตนของเธอด้วยเหรอครับ” ชนินท์ถามฉันอย่างตกใจ คงไม่คิดว่าฉันจะรับรู้ถึงการมีตัวตนของวินนี่อะไรนั่นด้วย แล้วฉันก็พยักหน้าว่ารับรู้
ชนินท์หันไปยิ้มด้วยท่าทางตื่นเต้นคนเดียว น้ำตาของฉันแทบไหลต้องกลั้นเอาไว้ “เธอชื่อวินนี่ครับ เธอเป็นสายลมผู้หญิง ผมรู้ว่าเธอน่ารักแม้ไม่เคยเห็นหน้าตาจริง ๆ ของเธอ ผมไม่รู้ว่าผมมาอาศัยอยู่บ้านคุณได้ยังไง เดี๋ยวผมจะหาห้องเช่าอยู่นะครับสิ้นเดือน”
“เอ่อไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ด้วยกันนี่แหละ ยัยหนันติดคุณมาก คุณย้ายออกไปยัยหนันคงคิดถึงแย่ อยู่ที่นี่ต่อเพื่อลูก เอ่อ เพื่อยัยหนันเถอะนะคะ” ฉันเล่นไปกับเขา อาการของเขาหนักมาก พูดเป็นเรื่องเป็นราวเลย อย่างกับสายลมมีตัวตนจริง ๆ
“ผมจำไม่ได้เลยว่าผมมาอยู่กับคุณได้ยังไง แต่ก็เอาเถอะ เพื่อยัยหนูผมจะอยู่ต่อก็ได้ครับ เอ่อ ว่าแต่วันนี้ผมจะออกไปข้างนอกนะครับ ผมอยากพาแฟนไปทานข้าวข้างนอกบ้าง วินนี่เบื่ออยู่แต่บ้านครับ กลับดึกหน่อยคุณคงไม่ว่าผมนะ” เขาพูด ฉันยิ้มพยักหน้าอนุญาต เขาลืมฉันสนิทใจเลย ฉันกับลูกเป็นคนอื่นในสายตาของเขาไปแล้ว
“คุณพ่อจะไปไหนคะ” ปาหนันลูกสาวของฉันถาม
“ปาหนันอย่าเรียกแบบนั้นสิลูก เรียกคุณลุง! ลุงนินท์” ฉันพูดทั้งน้ำตา
“ไม่ใช่! คุณพ่อ! พ่อนินท์” ลูกสาวของฉันเถียง ฉันทำหน้าไม่ถูก
“ช่างแกเถอะครับ แกยังเด็กคงคิดถึงพ่อมาก ว่าแต่ผมอยู่ที่นี่นานแล้วยังไม่เห็นคุณพ่อของยัยหนูเลยนะครับ” เขาถาม ฉันก็เอาแต่ยิ้มกล้ำกลืนฝืนทนกับอาการของเขา “คุณพ่อไปธุระนะคะ หนูอยู่กับคุณแม่รอคุณพ่อที่บ้านนะ” เขาพูดกับลูกสาวของตัวเอง
“คุณชนินท์คะ วันหลังถ้าคุณว่างช่วยพาฉันไปทำธุระได้มั้ยคะ พอดีว่าฉันมีนัดกับคุณหมอค่ะ ช่วงนี้ฉันเครียด ๆ เรื่องงานจึงต้องการหาหมอจิตวิทยาค่ะ ฝากขออนุญาตคุณวินนี่ด้วยนะคะ” ฉันลองเชิงพูด
“วินนี่เธอรับทราบครับ เธอก็อยู่ตรงนี้ด้วย ส่วนผมว่างเสมอครับ คุณพร้อมไปวันไหนบอกผมแล้วกัน” ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม “คุณคงไม่ได้หาว่าผมบ้าใช่มั้ย”
“เธออยู่ตรงนี้เหรอคะ” ฉันถาม “ฉันไม่ได้หาว่าคุณบ้าหรอกค่ะ บางครั้งฉันก็สัมผัสเธอได้ แค่ตอนนี้ฉันสัมผัสเธอไม่ได้เท่านั้น ก็เลยถาม” ฉันแกล้งพูด
“ใช่ครับเธออยู่ตรงนี้” เขาพูดพร้อมกับสายลมที่พัดมาพอดี ทำเอาฉันแอบผงะ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ “ผมขอตัวนะครับ เดทแรกของเรา กลับดึกหน่อยนะ”
“ขอให้มีความสุขค่ะ” ฉันอวยพรสามีของตัวเองพร้อมฝืนยิ้ม จากนั้นเขาก็เดินออกจากบ้านไป พร้อมสายลมที่พัดผ่าน
ฉันไม่รู้เลยว่าชนินท์ไปที่ไหน ฉันไม่ได้ตามไปหรอก ฉันเสียใจมากที่สามีเป็นโรคประสาทหลอน คิดว่าลมมีตัวตน ฉันมัวแต่หาข้อมูลเพื่อจะพาชนินท์ไปรักษาอาการทางจิต จนกระทั่งมีคนโทรมาบอกกับฉันว่าชนินท์เกิดเรื่อง
‘ชนินท์ฆ่าตำรวจตาย’ มันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันนี่แหละจะเป็นพยานให้กับเขา สามีของฉันไม่มีวันทำแบบนั้นได้ เขาให้การบอกว่าสายลมเป็นคนทำ เขาเล่าให้ฉันฟังทุกอย่างตั้งแต่ต้นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ใครจะเชื่อ ‘สายลมเป็นคนฆ่าตำรวจ’ เขาจึงถูกส่งมาหาคุณหมอที่นี่
ฉันนั่งคุยกับคุณหมอเรื่องของชนินท์อยู่นาน เล่าอาการที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มแรกให้คุณหมอฟัง ฉันพยายามหาทางพาเขามาหาหมอจะได้อยู่แล้ว ดันมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
ณ โรงพยาบาลทางจิตแห่งหนึ่ง ฉันมองไปรอบ ๆ เห็นคนไข้ที่ไม่รับรู้ถึงโลกภายนอกหลายคน มีพยาบาลคอยดูแลใกล้ ๆ พวกเขากำลังอยู่ในโลกของพวกเขาเอง ฉันไม่อยากให้ชนินท์เป็นแบบนั้นเลย พวกเขากับชนินท์มีอาการคล้าย ๆ กัน
ฉันเหลือบไปมองชนินท์ที่นั่งอยู่โดยมีพยาบาลกับบุรุษพยาบาลควบคุมอยู่ ฉันสงสารมาก ชนินท์ต้องหายกลับมาเป็นปกติให้ได้ ต้องกลับมาจำฉันกับลูกได้
“คุณชนินท์คะ ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะหาทางช่วยคุณให้ได้ คุณต้องหายและหลุดพ้นข้อกล่าวหา” ฉันเดินไปคุยกับเขา ไม่กล้าแม้จะกุมมือ เพราะเกรงใจสายลมที่ชื่อวินนี่นั่น
“ครับ! ขอบคุณมาก ๆ ครับ วินนี่ก็บอกจะหาทางช่วยผมเหมือนกัน” เขายังพูดถึงสายลม ขณะนั้นก็มีสายลมพัดมาพอดี “วินนี่ขอบคุณ ๆ ด้วยนะครับ เธอบอกว่าขอบคุณ ๆ มากที่จะช่วยผมเรื่องคดีความ” เขาพูดอย่างคนอารมณ์ดี ทว่าฉันกลับอยากจะร้องไห้ที่สุด น้ำตาของฉันไหลโดยไม่รู้ตัว
“คุณต้องหายนะนินท์ ปริมกับลูกรอคุณกลับมาเสมอ” ฉันพูดทั้งน้ำตา อยากกอดลาแค่ไหนก็ไม่กล้า เขาไม่ใช่ชนินท์ของฉัน เขาคือคุณชนินท์ของสายลมวินนี่
‘ถึงอย่างไรฉันก็จะรอเขากลับมา ฉันรักชนินท์สามีของฉันมาก รักเสมอแม้เขาจะกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว นานเท่าไหร่ฉันก็จะรอ’
จากนั้นฉันจึงขอตัวกลับ แล้วหาทางช่วยชนินท์เรื่องคดีความต่อไป สามีของฉันไม่มีวันฆ่าคนทั้งคนได้ ขนาดฉันเอากระทะตีหัวเขาจนแตก เขายังไม่เอาคืนฉันสักแอะ นี่เล่นเอาช้อนส้อมแทงคอตำรวจตาย ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ไม่ทีทาง! มันต้องมีการเข้าใจผิด และ จับแพะแน่นอน…
จบ….