คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
สำหรับเรา พระ คือผู้ที่บวชเข้ามาในบวรพุทธศาสนา โดยมีจุดประสงค์เพื่อฝึกตน ตามหลักธรรมคำสอน
ทีนี้ วินาทีที่บวชมาปุ๊ป ใส่จีวรแล้ว ถือว่าเป็นพระแล้วก็จริง แต่พึ่งเปลี่ยนจากฆารวาสมาตะกี้เองนะ จะละทุกสิ่งได้เลยคงไม่ใช่ จะให้บวชปุ๊ปแล้ว เลิกห่วงที่บ้าน ห่วงแม่คงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม แต่ทีนี้ นานแค่ไหนถึงจะละกิเลส ละห่วงทางโลกได้ คงต้องแล้วแค่บุคคลไป ต่อให้บวชมา 10-20 ปี แต่ถ้ายังละไม่ได้ก็คือไม่ได้ ยังอยู่ในขั้นตอนการฝึกแล้วก็พยายามละต่อไป พระสงฆ์หลายรูปก็มีไปพยาบาลโยมแม่ยามเจ็บไข้ได้ป่วย มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกตรงไหน (แต่ประเภทแอบไปกินหมูกะทะ สุรายาเมา หรือเสพสังวาสอะไรนี่ ควรสึกออกมานะ ในเมื่อไม่ได้พยายามทำอะไรเลยก็อย่าอยู่ในเป็นภาระผู้อื่นเลย)
แล้วทำไมถึงสึก ก็ง่ายๆ นะคะ ถ้าจุดประสงค์ที่บวชเข้ามาเพื่อฝึกตนไปสู่นิพพานตามหลักคำสอน ได้เปลี่ยนไปแล้ว ก็ไม่ต้องบวชต่อ มันไม่จำเป็นอะไร จะถือศีลกี่ร้อยข้อ ต่อให้ไม่บวชเป็นพระอยู่ก็ย่อมทำได้ ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ถ้าบอกว่าอยากทำความดี สอนธรรมมะ ว่ากันตรงๆ สมัยนี้ฆราวาสก็สอนธรรมมะกันเยอะแยะไป อยู่ตรงไหนก็ทำได้ความดี สอนผู้อื่นได้ ถ้าไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อบรรลุ ก็สึกไปสมควรแล้ว
ส่วนผู้ที่บวชเรียนเป็นเณร อันนี้เราเข้าใจถึงความจำเป็นนะคะ แต่เมื่อพึ่งพิงศาสนาให้ได้รับการศึกษาที่เพียงพอแล้ว และไม่ได้ใฝ่ศึกษาฝึกฝนตนต่อเพื่อไปสู่เป้าหมายทางธรรม ก็ควรสึกออกมา ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แล้วก็ไขว่คว้าหาตำแหน่งแห่งที่ของตนในทางโลกต่อไป อยากได้อยากมีอะไรแค่ไหนก็ย่อมได้ เพราะเป้าหมายไม่ใช่การละ หรือสละออกอยู่แล้ว
ทีนี้ วินาทีที่บวชมาปุ๊ป ใส่จีวรแล้ว ถือว่าเป็นพระแล้วก็จริง แต่พึ่งเปลี่ยนจากฆารวาสมาตะกี้เองนะ จะละทุกสิ่งได้เลยคงไม่ใช่ จะให้บวชปุ๊ปแล้ว เลิกห่วงที่บ้าน ห่วงแม่คงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม แต่ทีนี้ นานแค่ไหนถึงจะละกิเลส ละห่วงทางโลกได้ คงต้องแล้วแค่บุคคลไป ต่อให้บวชมา 10-20 ปี แต่ถ้ายังละไม่ได้ก็คือไม่ได้ ยังอยู่ในขั้นตอนการฝึกแล้วก็พยายามละต่อไป พระสงฆ์หลายรูปก็มีไปพยาบาลโยมแม่ยามเจ็บไข้ได้ป่วย มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกตรงไหน (แต่ประเภทแอบไปกินหมูกะทะ สุรายาเมา หรือเสพสังวาสอะไรนี่ ควรสึกออกมานะ ในเมื่อไม่ได้พยายามทำอะไรเลยก็อย่าอยู่ในเป็นภาระผู้อื่นเลย)
แล้วทำไมถึงสึก ก็ง่ายๆ นะคะ ถ้าจุดประสงค์ที่บวชเข้ามาเพื่อฝึกตนไปสู่นิพพานตามหลักคำสอน ได้เปลี่ยนไปแล้ว ก็ไม่ต้องบวชต่อ มันไม่จำเป็นอะไร จะถือศีลกี่ร้อยข้อ ต่อให้ไม่บวชเป็นพระอยู่ก็ย่อมทำได้ ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ถ้าบอกว่าอยากทำความดี สอนธรรมมะ ว่ากันตรงๆ สมัยนี้ฆราวาสก็สอนธรรมมะกันเยอะแยะไป อยู่ตรงไหนก็ทำได้ความดี สอนผู้อื่นได้ ถ้าไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อบรรลุ ก็สึกไปสมควรแล้ว
ส่วนผู้ที่บวชเรียนเป็นเณร อันนี้เราเข้าใจถึงความจำเป็นนะคะ แต่เมื่อพึ่งพิงศาสนาให้ได้รับการศึกษาที่เพียงพอแล้ว และไม่ได้ใฝ่ศึกษาฝึกฝนตนต่อเพื่อไปสู่เป้าหมายทางธรรม ก็ควรสึกออกมา ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แล้วก็ไขว่คว้าหาตำแหน่งแห่งที่ของตนในทางโลกต่อไป อยากได้อยากมีอะไรแค่ไหนก็ย่อมได้ เพราะเป้าหมายไม่ใช่การละ หรือสละออกอยู่แล้ว
แสดงความคิดเห็น
พระสงฆ์ที่ไม่สามารถปล่อยวางในทางโลกได้ ยังมีห่วงในทางโลก จึงต้องสึกออกมาหรือไม่ หรือเพียงผิดวินัย
และได้ให้เหตุผลว่าออกมาดูแลครอบครัว ทำให้จขกท เกิดความสงสัยว่า
การบวชเป็นพระนั้น จะต้องละความเป็นห่วงทางโลก ทั้งหมด ควรต้องปล่อยวางเฉย ใช่หรือปล่าวคะ
หรือหากถ้าไม่สามารถปล่อยวางได้ ก็ควรจะต้องสึกเลย หรือมีห่วงได้ โดยไม่ผิดธรรมวินัย
เช่น ยังมีการติดต่อไปมาหาสู่กับญาติพี่น้อง หรือครอบครัว
แต่ในกรณีท่านทั้งสอง คหสต. เราคิดว่าคงโดนกดดันจากการไลฟ์มากกว่าค่ะ