เล่าประสบการณ์ประสบการณ์เรียน สมัครงาน เข้าโรงพยาบาลและ Rehaklinik ขอเงินตกงาน และทำงานในเยอรมัน

สวัสดีค่ะ เอิงอยู่เยอรมันครบหกปีมาหมาดๆ ตอนนี้พึ่งย้ายเมือง เนื่องจากได้งาน เลยมีเวลาว่างเยอะ อยากเขียนประสบการณ์ของตัวเอง เพื่อบันทึกความทรงจำและแชร์กับเพื่อนๆ ในพันทิป เผื่ออาจจะมีประโยชน์กับใครบ้าง

1.บทนำ
เอิงอยู่เยอรมันด้วยการแต่งงาน ตอนมาใหม่ก็วาดหวังเอาสูงว่าเราคงหางานวิศวกรได้ง่ายๆ เราพูดอังกฤษคล่อง ขยันและเรียนรู้เร็ว พออยู่ได้สักพัก ก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าความคิดของเรามันไม่ถูกไปซะทั้งหมด จะหางานดีๆ ที่นี่ จะต้องมีประสบการณ์ทำงานที่นี่ และสื่อสารภาษาเยอรมันได้ สามีบอกว่าเธอก็ทำงานมินิจ็อบจัดของตามร้านเอเชียหรือซุปเปอร์มาเก็ตไปสิ ฉันไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง เธอไม่เห็นต้องดิ้นรนหางานดีๆ เลย แค่ทำงานนิดหน่อยให้มีเงินไปเที่ยวพักร้อนด้วยกัน เอิงบอกว่าไม่ค่ะ เอิงไม่สามารถทำงานจัดของในร้านเอเชียไปตลอดชีวิต เอิงไม่ได้ดูถูกงานหรือคนทำงานนี้นะคะ แต่ว่าเอิงดิ้นรนเรียนสูงๆ มาจากเมืองไทย เรียนพิเศษวันเสาร์อาทิตย์ตั้งแต่ม.หนึ่งจนถึงม.หก เรียนเจ็ดวันต่อสัปดาห์เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เพื่อจะได้งานดีๆ จะให้เรามาเปลี่ยนทัศนคติกะทันหันตอนอายุ 34 มันทำไม่ได้ง่ายๆค่ะ

2. เริ่มต้นหางานในเยอรมัน

เอิงไปลงทะเบียนหางานกับ Agentur für Arbeit สาขาใกล้บ้าน (ขอเรียกว่า AA นะคะ) เขาก็เรียกเอิงไปอบรมเกี่ยวกับการทำเอกสารสมัครงานเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ พอผ่านหนึ่งสัปดาห์เอิงก็จะได้เรซูเม่มาใช้ในการสมัครงาน การไปอบรมนี้ AA จ่ายค่ารถให้ด้วย พอวันสุดท้ายก็จะได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตัวต่อตัว เขาจะถามว่าอยากทำอะไร เพื่อจะเจรจาหางานและส่งเราไปอบรมต่อไป
จากประสบการณ์ของเอิง งานที่ AA หาให้ ไม่มีงานดีๆ หรือบริษัทดีๆ หรอกค่ะ ส่วนมากเป็นงาน subcontract หรือถ้าเป็นบริษัทรับโดยตรง ก็จะเป็นบริษัทครอบครัวที่ทัศนคติแย่ๆ ขี้เหนียวไม่ยอมเสียเงินประกาศลงเว็บหางาน ให้ AA หาคนให้ฟรีค่ะ

3. เริ่มต้นทำงาน

หลังที่อยู่เรียนภาษาและหางาน ผ่านไป 6 เดือนก็ได้งานแรกจาก AA เป็นงานประกอบอุปกรณ์อิเลคโทรนิค โรงงานใกล้บ้านมาก ดีมากเลย จากวิศวกรต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่เป็นสาวโรงงาน แต่ถ้าไม่มีวันนั้นเอิงก็คงจะไม่มีวันนี้แน่ๆ ถือเป็นงานที่เปิดโอกาสให้เอิงมาก หัวหน้าก็ดีมาก ทุกวันนี้ยังโทรคุยกันอยู่เลย หัวหน้าเขียนใบรับรองงานให้ดีสุดๆ
เอิงทำงานได้หนึ่งปี ก็เริ่มหา Ausbildung เพราะทำงานประกอบในโรงงานไม่ได้ใช้ภาษาเยอรมันเลย แบบเป็นงานที่ต้องตั้งใจใช้สมาธิมาก วันๆ แทบไม่ได้พูดซักคำ ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีกับตัวเองแน่ๆ

4. การเทียบวุฒิการศึกษา

เอิงค้นหาจากอินเตอร์เน็ตเป็นภาษาเยอรมัน จะได้ข้อมูลที่ตรงประเด็นที่สุด
ค้นๆไปปรากฏว่าในเมืองที่อยู่มีสำนักงานที่ชื่อว่า Servicestelle zur Erschließung ausländische Qualifikationen อยู่ในสังกัด Amt für Wohnen und Migration เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดีมาก เขาจะลิสต์มาว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และต้องส่งเอกสารไปหน่วยงานใดบ้าง อาชีพวิศกรต้องส่งใบสองหน่วยงาน เสียเงินสองต่อค่ะ 555 หน่วยงานแรกคือ ZAB ทำหน้าที่รับรองและเทีบบวุฒิการศึกษาว่าตรงกับวุฒิอะไรของเยอรมัน หน่วยงานที่สองคือ Regierung von Schwaben ทำหน้าที่รับรองวุฒิวิศวกร คือที่นี่ไม่ว่าคุณจะจบมาจากไหนก็ไม่สามารถเรียนตัวเองว่าเป็นวิศวกรได้ (Ingenieur) ถ้าไม่ได้การรับรองจากหน่วยงานนี้
เอิงเอาเอกสารไปแปลโดยล่ามที่ได้รับการรับรองจากศาล จากนั้นก็นำไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจและเรียงเอกสารให้ค่ะ แล้วก็ส่งไปทั้งสองหน่วยงาน แล้วรอไม่เกินสองเดือนก็ได้จดหมายมาจากทั้งสองที่ วุฒิได้รับการเทียบให้เทียบเท่ากับป.ตรีเยอรมัน และได้รับอนุญาตให้ใช้คำว่า Ingenieurin ได้ ดีใจสุดๆเลยค่ะ

5. Ausbildung อาชีพ Industriemechaniker (ช่างอุตสาหกรรม) สาขาย่อย Feingerätebau (อุปกรณ์และเครื่องมือที่มีความละเอียดสูง)

เอิงสมัคร Ausbildung ไปเกือบร้อยที่แต่ไม่ถูกเรียกไปสัมภาษณ์เลย คงเป็นเพราะเราแก่ไปและจบปริญญามาแล้ว คนเยอรมันก็จะงงจบปริญญาจะมาสมัคร Ausbildung ทำไม
แต่ในที่สุดก็แจคพอตแตกเพราะส่งใบสมัครไปที่บริษัทที่เพื่อนบ้านเป็นผู้บริหาร โดยที่เอิงไม่รู้มาก่อนว่าเพื่อนบ้านทำงานอะไร ฝ่ายบุคคลเห็นเลขที่บ้านเอิงติดกับบ้านผู้บริหารก็เลยเรียกไปสัมภาษณ์ จนในที่สุดก็ได้งานมาแบบงงๆ ค่ะ ดีใจมาก
การเรียนก็จะแบ่งเป็นเรียนที่โรงเรียนปีแรก 3 วันต่อสัปดาห์ ปีสอง 2 วัน ปีสามหนึ่งวัน เวลาเรียนสามปีครึ่ง เอิงเรียนสามปีจบค่ะ ขอจบก่อนกำหนด
วันที่ไม่ได้เรียนก็ทำงานในบริษัท จะอยู่แผนกเด็กฝึกงานหนึ่งปีครึ่ง จากนั้นจะถูกส่งไปแผนกต่างๆ ที่เกี่ยวกับช่างอุตสาหกรรมหนึ่งปี  หกเดือนสุดท้ายจะกลับมาอยู่แผนกเด็กฝึกงานเพื่อเตรียมตัวสอบ

6. ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เข้าโรงพยาบาลจิตเวช ทำจิตบำบัด เข้า rehab และเข้าห้องฉุกเฉิน!
เรียนๆ ไปได้หนึ่งปีเอิงป่วยซึมเศร้าค่ะ คือบางทีเอิงคิดว่าทำไมต้องมาเรียนกับเด็กรุ่นลูกด้วยนะ ทุเรศตัวเองจัง บวกกับเพื่อนบ้านถูกเลิกจ้าง เอิงเสียใจมาก ทำไมคนดีๆ ต้องถูกเลิกจ้าง โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมเลย เอิงขอทำเรื่องจบก่อนกำหนด หัวหน้าก็ว่าเราว่าไม่ได้ เอิงให้เหตุผลว่าเอิงจะหางานวิศวกรหรือเรียนต่อโท หัวหน้าบูลลี่เอิงว่า อย่างเธอนี่นะจะมาทำงานใช้คอมพิวเตอร์แบบฉัน แล้วก็หัวเราะเอิง แล้วมีคนอื่นอยู่ในห้องด้วยค่ะ เอิงอายมากเลย
หลายๆ เรื่องรวมกันเลยต้องเข้าโรงพยาบาลจิตเวช เพราะร้องไห้ตลอดจนทำอะไรไม่ได้เลย มีความเสี่ยงฆ่าตัวตายด้วย โทรหา Hotline สุขภาพจิตที่นี่แล้วเขาก็จัดการให้
ไปอยู่สองสัปดาห์ ได้ยามาทาน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่แย่ลง ยาที่ทานตอนนี้ตัวที่สี่แล้วค่ะรู้สึกว่าดีขึ้นมาเยอะเลย
หมอแนะนำให้ทำจิตบำบัด ส่งใบสมัครไปยี่สิบที่ใช้เวลาหกเดือน จึงได้นักจิตบำบัด แต่ก็ไม่ดีขึ้นค่ะ เพราะนักจิตบำบัดของเอิงเป็นมือใหม่ ชั่วโมงบินน้อย ปัญหาของเอิงมันซับซ้อนมาก ในที่สุดกฮึดสู้จนเรียนจบ พอเรียบจบมีโคโรน่าช่วงเริ่มต้นค่ะ ก็เลยตกงาน ช่วงที่สมัครงาน นักจิตบำบัดถามว่า จะเข้า rehab   มั้ย เอิงก็บอกว่าได้ค่ะ นักจิตบำบัดก็จัดการสมัครให้ rehab ที่เอิงไปเป็นคอร์ส 6-8 สัปดาห์ เป็นห้องเดี่ยว เหมือนโรงแรม มีสปา มีสระว่ายน้ำ มีกลุ่มจิตบำบัดต่างๆ และได้พบนักจิตบำบัดแบบตัวต่อตัวสองครั้งสัปดาห์ คราวนี้เอิงได้พบนักจิตบำบัดมีอาชีพอาการก็ดีขึ้นเยอะเลย
ค่าใช้จ่าย 30000 ยูโร ประกันจ่ายให้ทั้งหมด เก็บค่าห้องคืนละ 10 ยูโร ซึ่งเป็นปกติของที่นี่ และเอิงได้สิทธิเข้า rehab ทุกๆ สองปี ซึ่งก็ไม่อยากได้สิทธินี้หลอกค่ะ เพราะไม่อยากป่วย
ออกมาตอนหนึ่งสัปดาห์ก่อนปีใหม่ อาการดีขึ้นมากเลยค่ะ แต่ยังไม่จบค่ะ เดือนกุมภาปีนี้เพื่อนบ้านอีกคนฆ่าตัวตายค่ะ คนนี้เป็นผู้บริหารบริษัท เป็นคนดี มีน้ำใจ หัวเราะยิ้มแย้มแจ่มใส คือมองไม่ออกเลยว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้า เอิงช็อคโรคกำเริบขึ้น คือทุกวันเอิงตื่นมาก็จะมองจากหน้าต่างบ้านไปยังบ้านเพื่อนบ้านค่ะ แล้วคิดว่าเขาทำถูกแล้วที่ฆ่าตัวตาย ชีวิตมีแต่ความทุกข์จะอยู่ไปทำไม คิดแต่เรื่องฆ่าตัวตายทุกวัน ตกงาน อยู่บ้านคนเดียว (ขณะที่เขียนหัวข้อนี้นี่ก็ร้องไห้ เศร้าอ่ะ) จนในที่สุดก็ถึงวันที่เอิงลงมือมั่ง เอิงกินยาหลากหลายชนิดเข้าไป สามีโทรเรียกรถพยาบาล เราก็ไปเข้าห้องฉุกเฉิน ก็เบลอๆ ไม่รู้ตัวค่ะ ดูอาการหนึ่งวันจากนั้นก็ส่งต่อไปโรงพยาบาลจิตเวช ทีนี้อยู่ยาวสองเดือนเลยค่ะ หมอปรับยาจนอาการดีขึ้น ตอนนี้ก็ทานยาตัวนี้อยู่

7. ขอเงินตกงาน เรียนต่อโท ฝึกงาน และในที่สุดก็ได้งาน

ก่อนจะจบ Ausbildung เอิงก็โทรไปลงทะเบียนหางาน พอจบแล้วก็ตกงานก็ไปลงทะเบียนตกงาน ยื่นเอกสารขอเงินตกงาน เอกสารเยอะมาก ที่นี่ไม่ได้ให้เงินตกงานง่ายๆ นะคะ ต้องคุณสมบัติตามที่กำหนด แต่เอิงก็ได้มาง่ายๆ เพราะคุณสมบัติครบ และเอกสารครบ ได้เงิน 60% ของเงินเดือนสุดท้ายเป็นเวลาหนึ่งปี จากนั้นก็ส่งใบสมัครงานไปเรื่อยๆ กว่าจะได้งานวิศกร ส่งใบสมัครไป 450 บริษัท ใช้เวลาหางาน 18 เดือนค่ะ!!!!!
ระหว่างนี้ก็เข้า rehab และเข้าโรงพยาบาลจิตเวชไปด้วย อืมมมมม
แล้วเอิงก็ปิ๊งไอเดีย เรียนโทดีกว่า ยิ่งตกงานนานยิ่งหางานยาก ทำอะไรเป็นประโยชน์ต่ออนาคตตัวเองดีกว่า ระหว่างที่เรียนก็ได้งานนักศึกษาฝึกงานตำแหน่งนักวิชาการที่ Fraunhofer Institute ซึ่งช่วยสร้างโปรไฟล์เอิงให้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนเอิงก็ส่งใบสมัครงานรอบสองค่ะ เดือนกันยา-ตุลามีสัมภาษณ์งานหลายที่เลย เดือนพฤศจิกาที่ผ่านมาก็ได้งานค่ะ ดีใจมากหกปีผ่านไป ผ่านอะไรมามากมาย ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ได้เป็นวิศวกรในเยอรมัน เอิงจะเก็บประสบการณ์ต่างๆไว้เป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป ตอนนี้คิดได้แล้วว่า ไม่มีใครทุกข์ใจไปตลอดชีวิตหรอก คนเราก็มีสุขมีทุกข์ปะปนกันไป เราเปลี่ยนความคิดคนอื่นไม่ได้แต่เปลี่ยนความคิดตัวเองได้ เวลาเจอปัญหาให้ถอยออกมาก้าวนึงก่อน อย่าเผชิญปัญหาขณะโกรธหรือเศร้า

8. การทำงาน

เอิงยังต้องเรียนรู้อีกมาก ขอบคุณหัวหน้าที่ให้โอกาส คนเยอรมันทำงานเป็นระบบมาก คนไทยเราฉลาดแต่ไม่มีความคิดที่เป็นระบบแบบแผน การมีความคิดเป็นระบบจะช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพ ซึ่งเอิงพยายามพัฒนาระบบความคิดของตัวเอง

ขอบคุณที่อ่านค่ะ เขียนยาวมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่