ขออธิบาย การใช้เบอร์ของที่บ้านเราก่อนนะคะ โดยเบอร์โทรศัพท์และ internet เป็นชื่อเราคนเดียวค่ะ
มีเบอร์ที่อยู่ภายใต้ชื่อ
1. 089-836-XXXX => ใช้เดือนละ ประมาณ 1400
2. 089-889-XXXX => ใช้เดือนละ ประมาณ 1400
3. 083-002-XXXX=> ใช้เดือนละ ประมาณ 400
4. 065-820-XXXX => ใช้เดือนละ ประมาณ 1400
5. 091-792-XXXX => ใช้เดือนละ ประมาณ 400
และ internet ภายใต้ชื่อเรา 2 จุด
1. จุดแรกติดตั้งที่นครปฐม
2. จุดที่สองติดตั้งที่ กทม
ปัญหาที่เจอ
1. ปัญหา Internet (ที่บ้านต้องการติดตั้ง fiber แต่สัญญาณยังขยายไม่ถึง จะได้ทำได้แค่ติดตั้ง แพ็คเกจสูงสุดแบบ cable ค่ะ)
มีปัญหาอย่างต่ำเดือนละ 1 ครั้ง ที่บ้านมีความจำเป็นต้องใช้งาน ดูกล้องวงจรปิดออนไลน์ตลอด แต่ก็พยายามทำความเข้าใจและอดทน
จนวันที่หมดความอดทนของเราก็มาถึง คือ เราจะติดตั้ง internet ที่คอนโดเพิ่ม 1 จุด ถึงได้พบแพ็คเกจ fiber ที่ราคาถูกกว่า แพ็คเกจปัจจุบันที่เราใช้งานอีก
จึงได้โทรถาม call center คำตอบที่ได้คือ แพ็คเกจที่ลูกค้าใช้ ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ ลูกค้าใหม่ไม่สามารถสมัครได้ (ในใจเราก็อ่อแน่สิ แพ็คเกจใหม่ถูกกว่า ใครจะอยากจ่ายแพง) เราก็เลยได้ถามไปว่า ทำไมเราถึงต้องเสียเงินแพงกว่า fiber ทั้งที่ fiber ดีกว่า คำตอบที่ได้คือ ลูกค้าแจ้งเปลี่ยนแพ็คเกจได้เลยนะคะ จะได้จ่ายเงินถูกลง เหมือนแพ็คเกจลูกค้าทุกอย่างเลยค่ะ แต่ราคาถูกลง เลยได้ถามกลับไปว่า ทำไมเวลาขายของ โทรหาเราได้ตลอด แต่ทำไมเรื่องแบบนี้ลูกค้าต้องแจ้งเปลี่ยนโปรเหรอ ทั้งที่มันคือแพ็คเกจเดียวกัน แต่คุณใช้ช่องโหว่ตรงนี้เก็บเงินแพงเกินแพ็คเกจปัจจุบันมาตั้งหลายเดือน
ณ ตอนนี้ เรามีคำตอบให้กับตัวเองว่า คงต้องพอ เลยย้าย internet ออกจากค่ายนี้ แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ วันที่เราไปทำการย้าย ได้คำตอบว่า กล่อง internet เราติดสัญญา ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิด กล่อง internet คือทางศุนย์ได้แจ้งว่า สัญญาของการใช้ internet 1 ปี และสัญญาถือครองกล่อง 1.5 ปี หากเราต้องการยกเลิกจะต้องจ่ายเงินชดเชย 4,500 บาท พนักงานเลยแนะนำว่า ให้เราใช้บริการต่ออีก 6 เดือน โดยที่เราจะต้องจ่ายเงินฟรีๆ อีก 6 เดือนค่ะ
2. การบริการของพนักงานศูนย์ใกล้บ้าน (complain จนเหนื่อย) แต่หลังจากนั้นไปใช้บริการ ก็ยังเห็นภาพเดิม พนักงานคนเดิมๆ พฤติกรรมแบบเดิมๆ
- (เดือนธันวาคม 2563) ได้ทำการซื้อโทรศัพท์มือถือ iPhone 12 Pro Max ด้วยสิทธิ์ลูกค้าการ์ดดำ โดยในชื่อเราคนเดียว ได้ 3 สิทธิ์ในการซื้อ ไปซื้อครั้งแรก พนักงานบอกว่า ไม่สามารถทำได้ ซื้อได้เครื่องเดียว แต่พอเรากลับมาโทรหา call center บอกทำได้ ต้องไปทำเรื่องจองใหม่ เพราะเลยเวลาจองปกติแล้ว กลายเป็นว่าเราได้เครื่องช้ากว่าที่ควรจะเป็น ปล. โปรโมชั่นที่เราซื้อ จะได้รับเบอร์ใหม่ ที่โทรฟรี และเล่น internet ฟรี อ่อใช้งาน eSIM ใน Apple Watch ฟรี ทั้งหมด 3 เบอร์ เพิ่มด้วยนะคะ
- ณ วันที่ได้รับเครื่อง การรับเครื่อง หยิบเครื่องผิดรุ่นตามที่จองไว้ โชคดีที่เช็คก่อน และเราได้ทำการขอเปิดซิมตามสิทธิ์โปรโมชั่นกลับบ้านทั้งหมด 3 เบอร์ค่ะ
- กลับมาบ้าน ได้ทำการเปิดซิมการ์ดทั้งหมด สรุปเจอว่าเบอร์ที่ได้มา สามารถใช้งานได้เบอร์เดียว เบอร์ที่ 2 ถูกจดเป็นเบอร์รูปแบบบริษัท ไม่ใช่ชื่อเราเปิดใช้งานไม่ได้ เบอร์ที่ 3 ไม่สามารถเปิดใช้งานได้เลย
- หลังจากนั้นได้แจ้ง call center ว่าทำไมถึงมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น และได้การติดต่อจากพนักงาน ศูนย์ที่เราไปใช้บริการ และได้บอกว่าให้เข้ามาที่ศูนย์ได้เลย จะดำเนินการแก้ไขให้
- ได้เข้าไปที่ศูนย์เพื่อขอจัดการปัญหาทั้งหมด แต่สิ่งที่น่าตกใจ
1. พนักงาน แจ้งว่า ชื่อเราไม่สามารถ ถือครองเบอร์ได้เกินจำนวนที่บริษัทกำหนด พอบอกงั้นแยกชื่อออกมา เป็นชื่อคุณแม่ ก็ได้รับการแจ้งว่า เราจะไม่ได้สิทธิ์ตามที่แจ้ง ไม่ว่าจะเปลี่ยนอย่างไรก็ตาม
2. สิทธิ์การใช้งาน eSIM เราขอใช้เพียง 1 สิทธิ์ พนักงานแจ้งว่า เราไม่สามารถใช้ได้ เราจะต้องเสียค่าบริการเพิ่มเอง เดือนละ 199
จากเหตุการณ์ทั้งหมด เรารู้สึกว่า พนักงานไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรให้เราได้เลย ทำเพียงแต่พูดว่า ทำไม่ได้ค่ะ เราจึงได้แจ้งว่า ให้พนักงานท่านนั้นคุยกับ ผจก หรือบุคคลที่แก้ปัญหาได้ มากกว่านั่งเฉยๆแล้วพูดว่าทำไม่ได้ค่ะ สุดท้ายก็ไม่ได้มีการทำอะไรเพิ่มเติม เราเลยกลับบ้านและโทรแจ้งปัญหากับ call center ทั้งหมด
- หลังจากนั้นอีกหลายวัน และผ่านการตามเคสกับ call center อีก 3 รอบถึงได้รับการติดต่อจาก ผจก ของศูนย์ที่เราไปใช้บริการ พยายามดิวแก้ไขปัญหา ข้อสรุปย่อๆนะคะ ว่าเกิดการต่อรองทั้งหลาย ที่เหมือนจะเสนอให้ แต่คือทั้งหมดทั้งมวล เราเสียเปรียบ และต้องเสียเงินเพิ่มอยู่ดี ก็ได้มีการเจรจาต่อรอง จนมาถึงประมาณเดือนมิถุนายน ถึงได้ยอมปรับลดยอดค่าบริการให้ แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมเสียทั้งหมด คือมีเงื่อนไขว่า จะปรับลดยอดให้ 1 ปี แต่จะเริ่มปรับลดยอดให้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ไม่ใช่ปรับลดยอดย้อนหลังนะจ๊ะ
- ช่วงเวลาที่แจ้งยกเลิก internet ก็เลยคิดว่าจะขอย้ายเบอร์ที่ไม่ติดสัญญา ซื้อเครื่องลดราคา ออกไปใช้งานค่ายอื่น ได้เริ่มทำการย้ายค่ายประมาณเดือนตุลาคม เลยได้เข้าไปที่ศูนย์ ขอย้ายค่าย เคลียร์บิล พอทำเสร็จพนักงานบอกลูกค้าต้องเดินไปอีกค่าย เพื่อทำเรื่องขอย้ายค่ายเอง สรุปเดินไปอีกค่าย เมื่อกดรหัสแล้วย้ายไม่ได้ ระบบแจ้งว่าการค้างค่าบริการ (เดี๋ยวก่อนจ่ายแล้ว แจ้งให้พนักงานเช็คแล้วไม่มีแน่นอน)
- ได้เดินกลับไปเพื่อให้พนักงานแก้ไขปัญหา พนักงานแจ้งว่าให้นั่งรอ แต่ในระหว่างที่เรานั่งรอ พนักงานท่านที่รับเคส ก็ได้มีการเดินออกมาเพื่อขายอุปกรณ์ หน้าร้าน และได้กดรับคิวใหม่ บริการลูกค้าท่านถัดไป ซึ่ง ณ ตอนนี้เรารู้สึกว่า เรานั่งรอมานานประมาณ 1-1.30 ชม แล้ว แต่ยังไม่เสร็จ ทำไมถึงกดคิวรับคนถัดไป เลยได้เดินไปสอบถาม ว่า ทำไมกดรับคิวใหม่ เคสของเราเสร็จแล้วหรือป่าว กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ยินเสียงเรียก แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ พนักงานทำหน้าไม่พอใจแล้วบอกว่า รอตรวจสอบระบบหลังบ้านอยู่ ขอรับเคสอื่นก่อน ลูกค้านั่งรอไปก่อน (ในใจก็ได้แต่ถามว่า เราผิดอะไร แล้วนี่หรือคือสิ่งที่เราควรจะได้รับ) หลังจากนั้นก็กลับมานั่ง และรอจนพนักงานแจ้งว่าแจ้งย้ายค่ายให้เรียบร้อยแล้ว
- หลังจากนั้นประมาณ 5 วัน ได้ message ว่า ไม่สามารถย้ายค่ายได้ เนื่องจาก มียอดค้างชำระ (เหอๆ เบอร์เติมเงิน ค้างชำระอะไรก่อน) จึงได้ทำการโทรสอบถาม ก็บอกว่าลูกค้าสามารถกดขอย้ายค่ายได้เลย เราก็ได้พยายามกดเพื่อย้ายค่ายอีกประมาณ 4 ครั้ง ไม่สำเร็จ ด้วยปัญหาที่เจอ ยอมรับว่าเราท้อใจมาก บวกกับภาระงาน เลยปล่อยเลยตามเลยมานาน
- ปลายเดือนพฤศจิกายน มีเวลาแล้ว เลยได้โทรให้ call center เช็คแบบระเอียดว่าติดปัญหาอะไร คำตอบที่ได้คือ เบอร์เราทั้งหมดติดสิทธิพิเศษ ที่ค่ายมอบให้เอง โดยที่เราไม่ได้รับรู้ และมาทราบว่าสิทธินั้นก็คือ การได้ส่วนลดกาแฟ (น้ำตาจะไหล ดีใจหาที่สุดไม่ได้เลย) เราจึงได้ขอให้ยกเลิกสิทธิพิเศษทั้งหมด ณ จุดนี้คิดแล้วว่า น่าจะพอกันทีกับค่ายนี้ เลยขอให้เช็คเบอร์ทั้งหมด ว่าติดสัญญาอะไรไหม เพื่อจะขอย้ายค่ายทั้งหมด (เหนื่อยแล้วจริงๆ) พบว่า เบอร์ติดสัญญาถึงวันที่ 7/12/64 จำนวน 2 เบอร์จากทั้งหมด หลังจากวางสายแล้ว ได้มี ผจก ศูนย์โทรมาแจ้งเบอร์ และให้เราติดต่อคุณ ผจก ได้โดยตรง ว่าจะเข้าไปทำเรื่องย้ายค่ายวันไหน
- เมื่อวันเสาร์ที่ 11/12/64 ได้เข้าไปที่ศูนย์ เพื่อเคลียร์ค่าบริการทั้งหมดล่วงหน้า สำหรับวันนี้บริการดีมาก เพราะคุณ ผจก ออกมาให้บริการเอง
- คืนวันเสาร์ ได้กดย้ายค่ายเบอร์ที่เหลือทั้งหมด ติดปัญหาอีกแล้ว ได้ message ว่า ไม่สามารถย้ายค่ายได้ เนื่องจาก มียอดค้างชำระ เราจึงได้โทรสอบถาม เจ้าหน้าที่ได้รับเคสไว้ โดยเราแจ้งเบอร์ติดต่อกลับไว้ เป็นเบอร์ 063-521-XXX ซึ่งเป็นคนละเบอร์กับที่ย้ายค่าย ให้โทรแจ้งที่เบอร์นี้
- วันอาทิตย์ ได้มีพนักงานโทรมา เพื่อ เสนอโปรโมชั่น และได้สอบถามเราถึงขนาดที่ว่า จะย้ายค่ายไปที่ไหน ค่าบริการเท่าไหร่ จะลดให้ 50% ของโปรที่เราได้ ก็เลยได้แต่ตอบไปว่า ที่ทำทั้งหมด ไม่ได้อยากเรียกร้องให้ลดราคาให้เรา แต่สิ่งที่เราอยากได้คือการบริการ ที่คุ้มค่ากับเงินที่เราจ่าย ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ชัดแล้วว่า ไม่ใช่ ดังนั้นเรายืนยันที่จะขอย้ายค่ายทุกเบอร์เหมือนเดิม
ภายในวันนี้ทั้งวัน มีพนักงานโทรมาหาอีกประมาณ 7 รอบ เพื่อเสนอโปร และตื้อให้ใช้งานต่อ
- วันอังคารที่ 14/12/2564 ค่ายปลายทางส่งมาบอกว่า ติดปัญหาอีกแล้ว ได้ message ว่า ไม่สามารถย้ายค่ายได้ เนื่องจาก มียอดค้างชำระ (ชีวิต จ่ายเงินล่วงหน้า ก็ยอมแล้ว ยังติดอะไรอีกก่อน) เราได้โทรหา call center บอกว่า คำนวณเงินผิดพลาด เราต้องจ่ายเพิ่ม 165 เพื่อให้พอค่าใช้จ่ายอีกสองวันสำหรับ แจ้งย้ายค่ายอีกรอบ !!
สุดท้ายนี้ ไม่รู้เราจะย้ายค่ายสำเร็จเมื่อไหร่เลย
ทั้งหมดนี้ ก็เพียงแค่อยากจะแชร์ในมุมมองของลูกค้าคนหนึ่ง ที่เรารู้สึกว่า เราก็เสียเงินเยอะ และเราเพียงแค่อยากได้รับบริการที่ดีค่ะ
รีวิวลูกค้าการ์ดดำ มากกว่า 3 ปี ตั้งแต่ใช้บริการมา มีปัญหาจนวันสุดท้าย
มีเบอร์ที่อยู่ภายใต้ชื่อ
1. 089-836-XXXX => ใช้เดือนละ ประมาณ 1400
2. 089-889-XXXX => ใช้เดือนละ ประมาณ 1400
3. 083-002-XXXX=> ใช้เดือนละ ประมาณ 400
4. 065-820-XXXX => ใช้เดือนละ ประมาณ 1400
5. 091-792-XXXX => ใช้เดือนละ ประมาณ 400
และ internet ภายใต้ชื่อเรา 2 จุด
1. จุดแรกติดตั้งที่นครปฐม
2. จุดที่สองติดตั้งที่ กทม
ปัญหาที่เจอ
1. ปัญหา Internet (ที่บ้านต้องการติดตั้ง fiber แต่สัญญาณยังขยายไม่ถึง จะได้ทำได้แค่ติดตั้ง แพ็คเกจสูงสุดแบบ cable ค่ะ)
มีปัญหาอย่างต่ำเดือนละ 1 ครั้ง ที่บ้านมีความจำเป็นต้องใช้งาน ดูกล้องวงจรปิดออนไลน์ตลอด แต่ก็พยายามทำความเข้าใจและอดทน
จนวันที่หมดความอดทนของเราก็มาถึง คือ เราจะติดตั้ง internet ที่คอนโดเพิ่ม 1 จุด ถึงได้พบแพ็คเกจ fiber ที่ราคาถูกกว่า แพ็คเกจปัจจุบันที่เราใช้งานอีก
จึงได้โทรถาม call center คำตอบที่ได้คือ แพ็คเกจที่ลูกค้าใช้ ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ ลูกค้าใหม่ไม่สามารถสมัครได้ (ในใจเราก็อ่อแน่สิ แพ็คเกจใหม่ถูกกว่า ใครจะอยากจ่ายแพง) เราก็เลยได้ถามไปว่า ทำไมเราถึงต้องเสียเงินแพงกว่า fiber ทั้งที่ fiber ดีกว่า คำตอบที่ได้คือ ลูกค้าแจ้งเปลี่ยนแพ็คเกจได้เลยนะคะ จะได้จ่ายเงินถูกลง เหมือนแพ็คเกจลูกค้าทุกอย่างเลยค่ะ แต่ราคาถูกลง เลยได้ถามกลับไปว่า ทำไมเวลาขายของ โทรหาเราได้ตลอด แต่ทำไมเรื่องแบบนี้ลูกค้าต้องแจ้งเปลี่ยนโปรเหรอ ทั้งที่มันคือแพ็คเกจเดียวกัน แต่คุณใช้ช่องโหว่ตรงนี้เก็บเงินแพงเกินแพ็คเกจปัจจุบันมาตั้งหลายเดือน
ณ ตอนนี้ เรามีคำตอบให้กับตัวเองว่า คงต้องพอ เลยย้าย internet ออกจากค่ายนี้ แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ วันที่เราไปทำการย้าย ได้คำตอบว่า กล่อง internet เราติดสัญญา ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิด กล่อง internet คือทางศุนย์ได้แจ้งว่า สัญญาของการใช้ internet 1 ปี และสัญญาถือครองกล่อง 1.5 ปี หากเราต้องการยกเลิกจะต้องจ่ายเงินชดเชย 4,500 บาท พนักงานเลยแนะนำว่า ให้เราใช้บริการต่ออีก 6 เดือน โดยที่เราจะต้องจ่ายเงินฟรีๆ อีก 6 เดือนค่ะ
2. การบริการของพนักงานศูนย์ใกล้บ้าน (complain จนเหนื่อย) แต่หลังจากนั้นไปใช้บริการ ก็ยังเห็นภาพเดิม พนักงานคนเดิมๆ พฤติกรรมแบบเดิมๆ
- (เดือนธันวาคม 2563) ได้ทำการซื้อโทรศัพท์มือถือ iPhone 12 Pro Max ด้วยสิทธิ์ลูกค้าการ์ดดำ โดยในชื่อเราคนเดียว ได้ 3 สิทธิ์ในการซื้อ ไปซื้อครั้งแรก พนักงานบอกว่า ไม่สามารถทำได้ ซื้อได้เครื่องเดียว แต่พอเรากลับมาโทรหา call center บอกทำได้ ต้องไปทำเรื่องจองใหม่ เพราะเลยเวลาจองปกติแล้ว กลายเป็นว่าเราได้เครื่องช้ากว่าที่ควรจะเป็น ปล. โปรโมชั่นที่เราซื้อ จะได้รับเบอร์ใหม่ ที่โทรฟรี และเล่น internet ฟรี อ่อใช้งาน eSIM ใน Apple Watch ฟรี ทั้งหมด 3 เบอร์ เพิ่มด้วยนะคะ
- ณ วันที่ได้รับเครื่อง การรับเครื่อง หยิบเครื่องผิดรุ่นตามที่จองไว้ โชคดีที่เช็คก่อน และเราได้ทำการขอเปิดซิมตามสิทธิ์โปรโมชั่นกลับบ้านทั้งหมด 3 เบอร์ค่ะ
- กลับมาบ้าน ได้ทำการเปิดซิมการ์ดทั้งหมด สรุปเจอว่าเบอร์ที่ได้มา สามารถใช้งานได้เบอร์เดียว เบอร์ที่ 2 ถูกจดเป็นเบอร์รูปแบบบริษัท ไม่ใช่ชื่อเราเปิดใช้งานไม่ได้ เบอร์ที่ 3 ไม่สามารถเปิดใช้งานได้เลย
- หลังจากนั้นได้แจ้ง call center ว่าทำไมถึงมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น และได้การติดต่อจากพนักงาน ศูนย์ที่เราไปใช้บริการ และได้บอกว่าให้เข้ามาที่ศูนย์ได้เลย จะดำเนินการแก้ไขให้
- ได้เข้าไปที่ศูนย์เพื่อขอจัดการปัญหาทั้งหมด แต่สิ่งที่น่าตกใจ
1. พนักงาน แจ้งว่า ชื่อเราไม่สามารถ ถือครองเบอร์ได้เกินจำนวนที่บริษัทกำหนด พอบอกงั้นแยกชื่อออกมา เป็นชื่อคุณแม่ ก็ได้รับการแจ้งว่า เราจะไม่ได้สิทธิ์ตามที่แจ้ง ไม่ว่าจะเปลี่ยนอย่างไรก็ตาม
2. สิทธิ์การใช้งาน eSIM เราขอใช้เพียง 1 สิทธิ์ พนักงานแจ้งว่า เราไม่สามารถใช้ได้ เราจะต้องเสียค่าบริการเพิ่มเอง เดือนละ 199
จากเหตุการณ์ทั้งหมด เรารู้สึกว่า พนักงานไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรให้เราได้เลย ทำเพียงแต่พูดว่า ทำไม่ได้ค่ะ เราจึงได้แจ้งว่า ให้พนักงานท่านนั้นคุยกับ ผจก หรือบุคคลที่แก้ปัญหาได้ มากกว่านั่งเฉยๆแล้วพูดว่าทำไม่ได้ค่ะ สุดท้ายก็ไม่ได้มีการทำอะไรเพิ่มเติม เราเลยกลับบ้านและโทรแจ้งปัญหากับ call center ทั้งหมด
- หลังจากนั้นอีกหลายวัน และผ่านการตามเคสกับ call center อีก 3 รอบถึงได้รับการติดต่อจาก ผจก ของศูนย์ที่เราไปใช้บริการ พยายามดิวแก้ไขปัญหา ข้อสรุปย่อๆนะคะ ว่าเกิดการต่อรองทั้งหลาย ที่เหมือนจะเสนอให้ แต่คือทั้งหมดทั้งมวล เราเสียเปรียบ และต้องเสียเงินเพิ่มอยู่ดี ก็ได้มีการเจรจาต่อรอง จนมาถึงประมาณเดือนมิถุนายน ถึงได้ยอมปรับลดยอดค่าบริการให้ แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมเสียทั้งหมด คือมีเงื่อนไขว่า จะปรับลดยอดให้ 1 ปี แต่จะเริ่มปรับลดยอดให้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ไม่ใช่ปรับลดยอดย้อนหลังนะจ๊ะ
- ช่วงเวลาที่แจ้งยกเลิก internet ก็เลยคิดว่าจะขอย้ายเบอร์ที่ไม่ติดสัญญา ซื้อเครื่องลดราคา ออกไปใช้งานค่ายอื่น ได้เริ่มทำการย้ายค่ายประมาณเดือนตุลาคม เลยได้เข้าไปที่ศูนย์ ขอย้ายค่าย เคลียร์บิล พอทำเสร็จพนักงานบอกลูกค้าต้องเดินไปอีกค่าย เพื่อทำเรื่องขอย้ายค่ายเอง สรุปเดินไปอีกค่าย เมื่อกดรหัสแล้วย้ายไม่ได้ ระบบแจ้งว่าการค้างค่าบริการ (เดี๋ยวก่อนจ่ายแล้ว แจ้งให้พนักงานเช็คแล้วไม่มีแน่นอน)
- ได้เดินกลับไปเพื่อให้พนักงานแก้ไขปัญหา พนักงานแจ้งว่าให้นั่งรอ แต่ในระหว่างที่เรานั่งรอ พนักงานท่านที่รับเคส ก็ได้มีการเดินออกมาเพื่อขายอุปกรณ์ หน้าร้าน และได้กดรับคิวใหม่ บริการลูกค้าท่านถัดไป ซึ่ง ณ ตอนนี้เรารู้สึกว่า เรานั่งรอมานานประมาณ 1-1.30 ชม แล้ว แต่ยังไม่เสร็จ ทำไมถึงกดคิวรับคนถัดไป เลยได้เดินไปสอบถาม ว่า ทำไมกดรับคิวใหม่ เคสของเราเสร็จแล้วหรือป่าว กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ยินเสียงเรียก แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ พนักงานทำหน้าไม่พอใจแล้วบอกว่า รอตรวจสอบระบบหลังบ้านอยู่ ขอรับเคสอื่นก่อน ลูกค้านั่งรอไปก่อน (ในใจก็ได้แต่ถามว่า เราผิดอะไร แล้วนี่หรือคือสิ่งที่เราควรจะได้รับ) หลังจากนั้นก็กลับมานั่ง และรอจนพนักงานแจ้งว่าแจ้งย้ายค่ายให้เรียบร้อยแล้ว
- หลังจากนั้นประมาณ 5 วัน ได้ message ว่า ไม่สามารถย้ายค่ายได้ เนื่องจาก มียอดค้างชำระ (เหอๆ เบอร์เติมเงิน ค้างชำระอะไรก่อน) จึงได้ทำการโทรสอบถาม ก็บอกว่าลูกค้าสามารถกดขอย้ายค่ายได้เลย เราก็ได้พยายามกดเพื่อย้ายค่ายอีกประมาณ 4 ครั้ง ไม่สำเร็จ ด้วยปัญหาที่เจอ ยอมรับว่าเราท้อใจมาก บวกกับภาระงาน เลยปล่อยเลยตามเลยมานาน
- ปลายเดือนพฤศจิกายน มีเวลาแล้ว เลยได้โทรให้ call center เช็คแบบระเอียดว่าติดปัญหาอะไร คำตอบที่ได้คือ เบอร์เราทั้งหมดติดสิทธิพิเศษ ที่ค่ายมอบให้เอง โดยที่เราไม่ได้รับรู้ และมาทราบว่าสิทธินั้นก็คือ การได้ส่วนลดกาแฟ (น้ำตาจะไหล ดีใจหาที่สุดไม่ได้เลย) เราจึงได้ขอให้ยกเลิกสิทธิพิเศษทั้งหมด ณ จุดนี้คิดแล้วว่า น่าจะพอกันทีกับค่ายนี้ เลยขอให้เช็คเบอร์ทั้งหมด ว่าติดสัญญาอะไรไหม เพื่อจะขอย้ายค่ายทั้งหมด (เหนื่อยแล้วจริงๆ) พบว่า เบอร์ติดสัญญาถึงวันที่ 7/12/64 จำนวน 2 เบอร์จากทั้งหมด หลังจากวางสายแล้ว ได้มี ผจก ศูนย์โทรมาแจ้งเบอร์ และให้เราติดต่อคุณ ผจก ได้โดยตรง ว่าจะเข้าไปทำเรื่องย้ายค่ายวันไหน
- เมื่อวันเสาร์ที่ 11/12/64 ได้เข้าไปที่ศูนย์ เพื่อเคลียร์ค่าบริการทั้งหมดล่วงหน้า สำหรับวันนี้บริการดีมาก เพราะคุณ ผจก ออกมาให้บริการเอง
- คืนวันเสาร์ ได้กดย้ายค่ายเบอร์ที่เหลือทั้งหมด ติดปัญหาอีกแล้ว ได้ message ว่า ไม่สามารถย้ายค่ายได้ เนื่องจาก มียอดค้างชำระ เราจึงได้โทรสอบถาม เจ้าหน้าที่ได้รับเคสไว้ โดยเราแจ้งเบอร์ติดต่อกลับไว้ เป็นเบอร์ 063-521-XXX ซึ่งเป็นคนละเบอร์กับที่ย้ายค่าย ให้โทรแจ้งที่เบอร์นี้
- วันอาทิตย์ ได้มีพนักงานโทรมา เพื่อ เสนอโปรโมชั่น และได้สอบถามเราถึงขนาดที่ว่า จะย้ายค่ายไปที่ไหน ค่าบริการเท่าไหร่ จะลดให้ 50% ของโปรที่เราได้ ก็เลยได้แต่ตอบไปว่า ที่ทำทั้งหมด ไม่ได้อยากเรียกร้องให้ลดราคาให้เรา แต่สิ่งที่เราอยากได้คือการบริการ ที่คุ้มค่ากับเงินที่เราจ่าย ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ชัดแล้วว่า ไม่ใช่ ดังนั้นเรายืนยันที่จะขอย้ายค่ายทุกเบอร์เหมือนเดิม
ภายในวันนี้ทั้งวัน มีพนักงานโทรมาหาอีกประมาณ 7 รอบ เพื่อเสนอโปร และตื้อให้ใช้งานต่อ
- วันอังคารที่ 14/12/2564 ค่ายปลายทางส่งมาบอกว่า ติดปัญหาอีกแล้ว ได้ message ว่า ไม่สามารถย้ายค่ายได้ เนื่องจาก มียอดค้างชำระ (ชีวิต จ่ายเงินล่วงหน้า ก็ยอมแล้ว ยังติดอะไรอีกก่อน) เราได้โทรหา call center บอกว่า คำนวณเงินผิดพลาด เราต้องจ่ายเพิ่ม 165 เพื่อให้พอค่าใช้จ่ายอีกสองวันสำหรับ แจ้งย้ายค่ายอีกรอบ !!
สุดท้ายนี้ ไม่รู้เราจะย้ายค่ายสำเร็จเมื่อไหร่เลย
ทั้งหมดนี้ ก็เพียงแค่อยากจะแชร์ในมุมมองของลูกค้าคนหนึ่ง ที่เรารู้สึกว่า เราก็เสียเงินเยอะ และเราเพียงแค่อยากได้รับบริการที่ดีค่ะ