ROG Phone 5 ได้เปิดตัวกันไปในต้นปี และ ท้ายปีก็มีการเสริมรุ่นเพิ่มเติมในการอัปเกรดหน้าจอ และ CPU เล็กน้อยในชื่อ ROG Phone 5s มาทั้ง 5s และ 5s Pro เลยนั้นเองครับ ซึ่งถือว่าทำได้น่าสนใจเพราะว่าจะได้ใช้งาน Snapdragon 888+ ซึ่งเป็นตัวแรงที่สุดของทางค่ายและมาพร้อมกับระบบที่ใช้งานได้ดีใน ROG ตัวนี้รวมถึงงานออกแบบที่โดดเด่นและหน้าจอที่ตอบสนองไวกว่าเดิม ทำให้มันเป็นรุ่นที่ปรับปรุงที่ดีขึ้น จากรุ่น 5 และเด่นๆคือเรื่องการเล่นเกม ประสิทธิภาพทำได้โหดขึ้น แต่ทั้งนี้ใครที่ถือ 5 อยู่อาจจะไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรแต่ถ้าใครที่กำลังหารุ่นใหม่ เครื่องแรก เน้นการเล่นเกมแบบโหดๆดีไซน์โดดเด่นแน่นอนว่า ROG Phone 5S Pro ทำได้โหดและลงตัวมาก
ROG PHONE 5S Pro มาพร้อมหน้าจอ E4 AMOLED ขนาด 6.78 นิ้วที่มีรีเฟรชเรท 144Hz และมีดีเลย์การตอบสนองเพียง 24ms รวมทั้งรองรับ HDR ภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 888+ ที่มาพร้อม RAM 18GB และความจุตัวเครื่อง 512GB ส่วนดีไซน์ตัวเครื่องไม่ได้เปลี่ยนไปจาก ROG Phone 5 มากนัก เพราะยังคงมีช่องเสียบ USB 3.1 Gen2 ด้านข้างตัวเครื่อง, DisplayPort 1.4 และมีแบตเตอรี่ 6,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 65W นอกจากนี้สมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นรองรับการใช้งานพัดลมระบายความร้อน AeroActive Cooler 5 ที่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. สำหรับใช้แทนการเสียบที่ตัวเครื่องในกรณีที่เกะกะการใช้งาน รวมทั้งตัวพัดลมยังมาพร้อมปุ่ม 2 ปุ่มที่ใช้สำหรับเล่นเกมได้ สำหรับความแตกต่างระหว่าง ROG Phone 5s และ 5s Pro คือในรุ่น Pro จะมีหน้าจอ ROG Vision Color PMOLED ขนาดเล็กด้านหลัง ส่วนรุ่น 5s จะมีดีไซน์เหมือนกับ ROG Phone 5 ที่มีโลโก้ด้านหลัง ตัวเครื่องรุ่น Pro มาพร้อมเซนเซอร์ด้านหลัง 2 จุดที่ใช้สำหรับเล่นเกมได้ และรุ่นธรรมดายังคงรองรับปุ่ม AirTrigger 5 ด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งถ้ารุ่น 5S จะไม่มีหน้าจอด้านหลังนั้นเองเป็นจุดที่แตกต่างกันหลักๆของ 2 ตัวนี้ พร้อมราคา 39,990 บาท
UNBOX
มาถึงตัวกล่องมือถือกันบ้างตัวนี้หน้าตากล่องจะแตกต่างกับรุ่น 5s ปกติเช่นกันทั้งสีสันและการออกแบบ รุ่นนี้ขึ้นชื่อว่ารุ่นสูงสุดแน่นอนว่าไม่ธรรมดา และเมื่อเปิดออกมาเจองานภาพสวยงามข้างในลูกเล่นเล็กๆน้อย และตัวกล่องหลักก็เป็นทรงสามเหลี่ยม ตัดมุมเช่นเดิมที่เราคุ้นเคยกัน มาในโทนสีดำเท่มากๆ และมีขนาดใหญ่กว่ากล่องรุ่น 5s ปกติเยอะมากเช่นกัน ยังคงมีลูกเล่น AR สแกนเป็น แอนิเมชันสวยๆเหมือนเดิม แน่นอนว่ากล่องจะไม่ได้เปลี่ยนจากรุ่น 5 Pro
เมื่อเปิดมาข้างในจะเป็นหนังสั้นที่เราสามารถสแกนอ่านเป็นแบบ AR 3 มิติได้ด้วยภาพแต่ละช่องจะเคลื่อนไหว สามารถเปิดใช้งานบนมือถือ ROG เท่าน้ันด้วยนะ ฟีเจอร์ลูกเล่นเบาๆในตัวนี้ ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องให้มาครบเช่นเดิม และรอบนี้พัดลมใส่เข้ามาในกล่องแล้ว แต่น่าเสียดายว่าไม่มีหูฟังแถมมาให้ในตัวกล่อง ROG นี้นะครับ
ตัวเคสนั้นยังคงให้หน้าตาพลาสติกสีดำแข็งบางๆ แตกต่างกับรุ่นปกติครับ แต่จะไปคล้ายกับรุ่น 5 Ultimate นั้นเอง แน่นอนว่าด้วยการปกป้องอาจจะไม่ได้เด่นเท่าไร แต่จะเน้นความสวยงามและปกป้องรอยขนแมวพื้นฐานมากกว่า ไม่ได้เน้นกันกระแทกครับ ดีไซน์ยังคงอิงจากรุ่นก่อนมีการเปิดด้านหลังโชว์หน้าจอ และ เว้นช่องสำหรับ แตะนิ้วสั่งงานตรงฝาหลังเสริมเข้ามาให้ด้วยซึ่งรุ่นนี้จะรองรับแตะตรงฝาหลังเล่นเกมได้ด้วยนะ
พัดลมยังคงให้มา แต่รุ่นนี้จะแถมมาให้ในกล่องนะครับ งานออกแบบดีไซน์นั้นเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดเมื่อเทียบกับรุ่น 2-3 ก่อนหน้านี้ มาพร้อมกับรูปทรงแบบใหม่ การระบายอากาศแบบใหม่ พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ ทำให้รุ่นนี้ไม่สามารถใช้งานกับรุ่นก่อนหน้าได้ทั้งหมด พร้อมได้เปลี่ยนการเชื่อมต่อเป็นแบบ Pin แทนแล้วครับ แต่เสียบในตำแหน่งคล้ายเดิมอยู่นะ มาพร้อมกับไฟ RGB และขาตั้งให้ในตัวสวยงาม ซึ่งพวกงานออกแบบไม่เปลี่ยนจาก 5 นะ
DESIGN
งานออกแบบจริงๆ บอดี้หน้าจอหลายๆส่วนนั้นไม่ได้หนีจากรุ่น 5 Pro ก่อนหน้านี้ครับใส่เคสด้วยกันได้เลย แต่จะแตกต่างสเปกการรองรับภายในมากกว่า และด้านหลังเส้นสายงานออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมกับใส่หน้าจอแบบสี PMOLED ROG VISION เสริมเข้ามาให้ปรับแต่ง จะแจ้งเตือน เวลาคนโทรเข้า ชาร์จไฟ และเล่นเกมโหมดต่างๆก็จะแสดงด้านหลังทั้งหมดและจะเป็นสีดำแดงนั้นเองรวมถึงเส้นสายลวดลายต่างกันหมดแต่ในแง่คุณภาพ น้ำหนัก สเปกกล้องหน้า/หลัง ส่วนหน้าจอทั้งหลายนั้นเหมือนกันทั้งตระกูลนะครับไม่ได้เปลี่ยนแปลงนัก ถ้าเทียบกับรุ่น 5
ทางด้านหน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.75 นิ้วใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนมาพร้อมกับหน้าจอแบบไม่มีติ่งหน้าจอเช่นเดิม และยังคงมีขอบไว้ให้จับได้บ้างเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกได้ว่าบางลงกว่าเดิมครับ มาพร้อมกับสเปกหน้าจอ SAMSUNG AMOLED 144Hz รองรับการใช้งาน HDR10+ ความหนาแน่น 396 DPI 1080×2448 พิกเซล ในความละเอียด FHD+ ใช้งานกระจก Gorilla Glass Victus รุ่นล่าสุด หน้าจอรองรับสัมผัส 360Hz และตอบสนอง 24.3ms ที่ดีกว่าเดิม รองรับ ค่าความแม่นยำของสี DELTA E<1 และ หน้าจอใช้งาน E4
ขอบด้านล่างนั้นพื้นที่ไม่ต่างกับด้านบนเท่าไรนัก มาพร้อมกับลำโพงตัวที่ 2 ที่ซ่อนได้เนียนกว่าเดิมเยอะมากๆ และเสียงยังคงเด่นดังเช่นเดิม ส่วนปุ่มควบคุมบนหน้าจอ ที่รองรับการใช้งานแบบปุ่ม 3 ปุ่ม หรือ ว่า Gesture ก็รองรับได้
ทางด้านขอบบนนั้นใส่ลำโพงมาให้บนขอบหน้าจอเช่นเดิม และมาพร้อมกล้องหน้า 24MP F2.45 และมาพร้อมไฟแจ้งเตือนในด้านหน้า ซึ่งต้องบอกว่า Smartphone รุ่นใหม่ๆเริ่มจะตัดออกไปเยอะมาก แต่รุ่นนี้ยังคงใส่เข้ามาให้
ในฝั่งซ้ายนั้นจะเป็นปุ่มทั้งหมด ทั้งแดงในปุ่ม Power และ ปุ่ม เพิ่ม/ลด เสียงจะเห็นว่ามีไมค์แทรกเข้ามาให้ด้วยในฝั่งซ้าย อันนี้ถือว่าค่อนข้างแปลกตา อาจจะเน้นใช้งานในแนวนอนเวลาเล่นเกม เรื่องเสียงไมค์น่าจะดีขึ้นนั้นเองเพราะว่าตำแหน่งเวลาเล่นเกมก็ถือไว้ด้านบนพอดีทำให้รับเสียง คนพูดได้ดีกว่าแบบขอบล่างเครื่องนั้นเอง ซึ่งในรุ่นก่อนหน้าก็ใส่เข้ามาให้ในตำแหน่งนี้ และส่งผลเวลาใช้งานฟีเจอร์ตัดเสียงลม หรือ Mic Focus ด้วยเช่นกันครับ
ขอบเครื่องด้านบนจะเห็นว่ามีการแทรกไมค์ อัดเสียง ตัดเสียงมาให้อีก 1 ตัว ดูกลมกลืนไม่ได้ใหญ่มากนัก ช่วยในเรื่องของฟีเจอร์การตัดเสียงลม และ ดูดเสียงคนพูด ส่วนกล้องหลังนั้นไม่ได้นูนออกมาอะไรเยอะมากในตัวนี้ครับ
ในขอบเครื่องด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่า รู3.5 มม. กลับมาแล้วพร้อมกับ USB-C ตัวที่ 2 ในเครื่องนี้ และรูไมค์ทำให้เรื่องของไมค์รุ่นนี้มีมาถึง 3 ตัวแล้ว ในขอบบน ขอบล่าง และขอบข้างเครื่องนั้นเองครับ จัดเต็มมากๆเลย
ขอบเครื่องในด้านขวานั้นเราจะเห็นเด่นชัดคือ ถาดซิมสีแดงขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาดูโดดเด่นมากขึ้น พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อตรงกลาง ที่มีจุกยางปิดมาให้ที่ครั้งนี้เปลี่ยนจาก USB-C ทั้ง 2 ช่องเป็นพอร์ตแบบ Pin 1 อันแทนแล้วอาจจะส่งผลให้ใช้อุปกรณ์เก่าบางตัวไม่ได้ครับ แต่ก็ทำให้เชื่อมต่อนั้นเสียบอะไรได้ง่ายขึ้นกว่าแบบเดิม นั้นเอง
ฝาหลังมีการออกแบบพิเศษใหม่แตกต่างกับรุ่นทั่วไปชัดเจนทั้งเส้นสายตรงบริเวณกล้องออกแบบใหม่ทั้งหมด ฝาหลังสีแดงสวยงามตัดกับสีดำสีฟ้าได้ลงตัว พร้อมกับหน้าจอด้านหลัง และแน่นอนว่า การสัมผัสสั่งงานฝาหลังตรงบริเวณ เหนือถาดซิมสีฟ้า และ ใต้กล้องหลังในส่วนใต้แฟลชในแนวขอบเครื่องนั้นเองจะเป็นจุดพิเศษที่แตกต่างกับรุ่นทั่วไปแต่วัสดุงานประกอบ กล้องหลังนั้นจะเป็นทรงเดียวกันทั้งหมดไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของดีไซน์หลักๆเท่าไรนัก
ROG PHONE 5 ใช้กล้องหลังที่มีเทคโนโลยีการรวมเซนเซอร์ QUAD BAYER ที่ใช้การรวมพิกเซลเหลือ 16MP แต่จะได้เหมือนเซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั้นเองครับจาก พิกเซลพื้นฐานที่ 64MP ที่มีขนาดเซนเซอร์ 1/1.7 รูรับแสง F1.8 มาพร้อมกับ เลนส์กว้าง 125˚ 13MP (f/2.4) + เลนส์มาโคร 5MP (f/2.0) ให้มาทั้งหมด 3 ตัว พร้อมกับไฟแฟลช และจะเห็นว่ามีไมค์เสริมเข้ามาให้ในด้านหลังด้วย ทำให้ทั้งเรื่องนั้นมีทั้งหมด 4 ตัวเลยทีเดียวในเครื่องนี้ครับ แต่เหมือนกล้องเลนส์มุมกว้าง และ มาโคร นั้นจะใช้งานเลนส์ตัวเดิม ส่วนตัวเลนส์หลัก 64MP เช่นเดิมครับ ซึ่งรุ่น ULTIMATE จะมีการออกแบบเส้นสายอะไรให้แตกต่างกับรุ่นปกติ แต่รูปทรงของกล้องนั้นจะเหมือนกัน
หน้าจอ ROG VISION PMOLED มาพร้อมกับการรองรับการปรับแต่งได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นหน้าหลัก หรือ หน้าการชาร์จ ไฟสว่างสวยและรองรับความคมชัดได้ดี เรียกได้ว่าโดดเด่นและแตกต่างกับรุ่นอื่นๆชัดเจนมากครับ พร้อมกับเลข 05 ประจำรุ่นนี้ และส่วนที่บอกว่าเป็นการสั่งงานฝาหลัง เล่นเกมจะอยู่มุมซ้ายล่างของภาพที่เป็นเส้นๆนูนๆบางๆนั้นเองครับที่มีตัว R และ มุมขวาของภาพที่จะเป็นเส้นนูนๆขีดๆสีขาว ส่วนนั้นจะรองรับการแตะสัมผัสฝาหลังได้ด้วยถือว่าปุ่มจะเยอะกว่ารุ่นปกติชัดเจนครับ
สำหรับพัดลมในรุ่นนี้ดีไซน์อะไรได้เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดที่เห็นชัดเจนเลยว่าดีไซน์มีความกว้าง กินพื้นที่ข้างๆมากขึ้นพร้อมกับ งานออกแบบที่มีเส้นสายมากกว่าเดิมจากที่รุ่นก่อนหน้านั้นจะเป็นแค่เหลี่ยมๆตรงๆเท่านั้นครับ มาพร้อมกับขาตั้งในตัวเองเลยไม่ต้องมีฐานแยกแบบรุ่นก่อนๆ และเมื่อกางขาออกมานั้นจะเป็นสีกราฟิก น้ำเงินแดง การวางขาตั้งนั้นถือว่ารองรับการใช้งานได้ดีครับ ส่วนในฐานล่างนั้นมีรู 3.5มม. มาให้พร้อมกับ USB-C สำหรับชาร์จได้ และที่สำคัญนั้น ในตัวพัดลมจะเห็นปุ่ม ข้างๆพัดลม 2 แง่งนั้นจะเป็นปุ่มสำหรับเล่นเกมที่เราตั้งค่าได้ว่าจะทำอะไรบ้างครับ
[SR] รีวิว ROG PHONE 5S PRO อัปเกรดเป็น Snapdragon 888+ จอโหดขึ้น พร้อมจอด้านหลังแบบใหม่ !
ROG Phone 5 ได้เปิดตัวกันไปในต้นปี และ ท้ายปีก็มีการเสริมรุ่นเพิ่มเติมในการอัปเกรดหน้าจอ และ CPU เล็กน้อยในชื่อ ROG Phone 5s มาทั้ง 5s และ 5s Pro เลยนั้นเองครับ ซึ่งถือว่าทำได้น่าสนใจเพราะว่าจะได้ใช้งาน Snapdragon 888+ ซึ่งเป็นตัวแรงที่สุดของทางค่ายและมาพร้อมกับระบบที่ใช้งานได้ดีใน ROG ตัวนี้รวมถึงงานออกแบบที่โดดเด่นและหน้าจอที่ตอบสนองไวกว่าเดิม ทำให้มันเป็นรุ่นที่ปรับปรุงที่ดีขึ้น จากรุ่น 5 และเด่นๆคือเรื่องการเล่นเกม ประสิทธิภาพทำได้โหดขึ้น แต่ทั้งนี้ใครที่ถือ 5 อยู่อาจจะไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรแต่ถ้าใครที่กำลังหารุ่นใหม่ เครื่องแรก เน้นการเล่นเกมแบบโหดๆดีไซน์โดดเด่นแน่นอนว่า ROG Phone 5S Pro ทำได้โหดและลงตัวมาก
ROG PHONE 5S Pro มาพร้อมหน้าจอ E4 AMOLED ขนาด 6.78 นิ้วที่มีรีเฟรชเรท 144Hz และมีดีเลย์การตอบสนองเพียง 24ms รวมทั้งรองรับ HDR ภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 888+ ที่มาพร้อม RAM 18GB และความจุตัวเครื่อง 512GB ส่วนดีไซน์ตัวเครื่องไม่ได้เปลี่ยนไปจาก ROG Phone 5 มากนัก เพราะยังคงมีช่องเสียบ USB 3.1 Gen2 ด้านข้างตัวเครื่อง, DisplayPort 1.4 และมีแบตเตอรี่ 6,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 65W นอกจากนี้สมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นรองรับการใช้งานพัดลมระบายความร้อน AeroActive Cooler 5 ที่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. สำหรับใช้แทนการเสียบที่ตัวเครื่องในกรณีที่เกะกะการใช้งาน รวมทั้งตัวพัดลมยังมาพร้อมปุ่ม 2 ปุ่มที่ใช้สำหรับเล่นเกมได้ สำหรับความแตกต่างระหว่าง ROG Phone 5s และ 5s Pro คือในรุ่น Pro จะมีหน้าจอ ROG Vision Color PMOLED ขนาดเล็กด้านหลัง ส่วนรุ่น 5s จะมีดีไซน์เหมือนกับ ROG Phone 5 ที่มีโลโก้ด้านหลัง ตัวเครื่องรุ่น Pro มาพร้อมเซนเซอร์ด้านหลัง 2 จุดที่ใช้สำหรับเล่นเกมได้ และรุ่นธรรมดายังคงรองรับปุ่ม AirTrigger 5 ด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งถ้ารุ่น 5S จะไม่มีหน้าจอด้านหลังนั้นเองเป็นจุดที่แตกต่างกันหลักๆของ 2 ตัวนี้ พร้อมราคา 39,990 บาท
UNBOX
มาถึงตัวกล่องมือถือกันบ้างตัวนี้หน้าตากล่องจะแตกต่างกับรุ่น 5s ปกติเช่นกันทั้งสีสันและการออกแบบ รุ่นนี้ขึ้นชื่อว่ารุ่นสูงสุดแน่นอนว่าไม่ธรรมดา และเมื่อเปิดออกมาเจองานภาพสวยงามข้างในลูกเล่นเล็กๆน้อย และตัวกล่องหลักก็เป็นทรงสามเหลี่ยม ตัดมุมเช่นเดิมที่เราคุ้นเคยกัน มาในโทนสีดำเท่มากๆ และมีขนาดใหญ่กว่ากล่องรุ่น 5s ปกติเยอะมากเช่นกัน ยังคงมีลูกเล่น AR สแกนเป็น แอนิเมชันสวยๆเหมือนเดิม แน่นอนว่ากล่องจะไม่ได้เปลี่ยนจากรุ่น 5 Pro
เมื่อเปิดมาข้างในจะเป็นหนังสั้นที่เราสามารถสแกนอ่านเป็นแบบ AR 3 มิติได้ด้วยภาพแต่ละช่องจะเคลื่อนไหว สามารถเปิดใช้งานบนมือถือ ROG เท่าน้ันด้วยนะ ฟีเจอร์ลูกเล่นเบาๆในตัวนี้ ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องให้มาครบเช่นเดิม และรอบนี้พัดลมใส่เข้ามาในกล่องแล้ว แต่น่าเสียดายว่าไม่มีหูฟังแถมมาให้ในตัวกล่อง ROG นี้นะครับ
ตัวเคสนั้นยังคงให้หน้าตาพลาสติกสีดำแข็งบางๆ แตกต่างกับรุ่นปกติครับ แต่จะไปคล้ายกับรุ่น 5 Ultimate นั้นเอง แน่นอนว่าด้วยการปกป้องอาจจะไม่ได้เด่นเท่าไร แต่จะเน้นความสวยงามและปกป้องรอยขนแมวพื้นฐานมากกว่า ไม่ได้เน้นกันกระแทกครับ ดีไซน์ยังคงอิงจากรุ่นก่อนมีการเปิดด้านหลังโชว์หน้าจอ และ เว้นช่องสำหรับ แตะนิ้วสั่งงานตรงฝาหลังเสริมเข้ามาให้ด้วยซึ่งรุ่นนี้จะรองรับแตะตรงฝาหลังเล่นเกมได้ด้วยนะ
พัดลมยังคงให้มา แต่รุ่นนี้จะแถมมาให้ในกล่องนะครับ งานออกแบบดีไซน์นั้นเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดเมื่อเทียบกับรุ่น 2-3 ก่อนหน้านี้ มาพร้อมกับรูปทรงแบบใหม่ การระบายอากาศแบบใหม่ พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ ทำให้รุ่นนี้ไม่สามารถใช้งานกับรุ่นก่อนหน้าได้ทั้งหมด พร้อมได้เปลี่ยนการเชื่อมต่อเป็นแบบ Pin แทนแล้วครับ แต่เสียบในตำแหน่งคล้ายเดิมอยู่นะ มาพร้อมกับไฟ RGB และขาตั้งให้ในตัวสวยงาม ซึ่งพวกงานออกแบบไม่เปลี่ยนจาก 5 นะ
DESIGN
งานออกแบบจริงๆ บอดี้หน้าจอหลายๆส่วนนั้นไม่ได้หนีจากรุ่น 5 Pro ก่อนหน้านี้ครับใส่เคสด้วยกันได้เลย แต่จะแตกต่างสเปกการรองรับภายในมากกว่า และด้านหลังเส้นสายงานออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมกับใส่หน้าจอแบบสี PMOLED ROG VISION เสริมเข้ามาให้ปรับแต่ง จะแจ้งเตือน เวลาคนโทรเข้า ชาร์จไฟ และเล่นเกมโหมดต่างๆก็จะแสดงด้านหลังทั้งหมดและจะเป็นสีดำแดงนั้นเองรวมถึงเส้นสายลวดลายต่างกันหมดแต่ในแง่คุณภาพ น้ำหนัก สเปกกล้องหน้า/หลัง ส่วนหน้าจอทั้งหลายนั้นเหมือนกันทั้งตระกูลนะครับไม่ได้เปลี่ยนแปลงนัก ถ้าเทียบกับรุ่น 5
ทางด้านหน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.75 นิ้วใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนมาพร้อมกับหน้าจอแบบไม่มีติ่งหน้าจอเช่นเดิม และยังคงมีขอบไว้ให้จับได้บ้างเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกได้ว่าบางลงกว่าเดิมครับ มาพร้อมกับสเปกหน้าจอ SAMSUNG AMOLED 144Hz รองรับการใช้งาน HDR10+ ความหนาแน่น 396 DPI 1080×2448 พิกเซล ในความละเอียด FHD+ ใช้งานกระจก Gorilla Glass Victus รุ่นล่าสุด หน้าจอรองรับสัมผัส 360Hz และตอบสนอง 24.3ms ที่ดีกว่าเดิม รองรับ ค่าความแม่นยำของสี DELTA E<1 และ หน้าจอใช้งาน E4
ขอบด้านล่างนั้นพื้นที่ไม่ต่างกับด้านบนเท่าไรนัก มาพร้อมกับลำโพงตัวที่ 2 ที่ซ่อนได้เนียนกว่าเดิมเยอะมากๆ และเสียงยังคงเด่นดังเช่นเดิม ส่วนปุ่มควบคุมบนหน้าจอ ที่รองรับการใช้งานแบบปุ่ม 3 ปุ่ม หรือ ว่า Gesture ก็รองรับได้
ทางด้านขอบบนนั้นใส่ลำโพงมาให้บนขอบหน้าจอเช่นเดิม และมาพร้อมกล้องหน้า 24MP F2.45 และมาพร้อมไฟแจ้งเตือนในด้านหน้า ซึ่งต้องบอกว่า Smartphone รุ่นใหม่ๆเริ่มจะตัดออกไปเยอะมาก แต่รุ่นนี้ยังคงใส่เข้ามาให้
ในฝั่งซ้ายนั้นจะเป็นปุ่มทั้งหมด ทั้งแดงในปุ่ม Power และ ปุ่ม เพิ่ม/ลด เสียงจะเห็นว่ามีไมค์แทรกเข้ามาให้ด้วยในฝั่งซ้าย อันนี้ถือว่าค่อนข้างแปลกตา อาจจะเน้นใช้งานในแนวนอนเวลาเล่นเกม เรื่องเสียงไมค์น่าจะดีขึ้นนั้นเองเพราะว่าตำแหน่งเวลาเล่นเกมก็ถือไว้ด้านบนพอดีทำให้รับเสียง คนพูดได้ดีกว่าแบบขอบล่างเครื่องนั้นเอง ซึ่งในรุ่นก่อนหน้าก็ใส่เข้ามาให้ในตำแหน่งนี้ และส่งผลเวลาใช้งานฟีเจอร์ตัดเสียงลม หรือ Mic Focus ด้วยเช่นกันครับ
ขอบเครื่องด้านบนจะเห็นว่ามีการแทรกไมค์ อัดเสียง ตัดเสียงมาให้อีก 1 ตัว ดูกลมกลืนไม่ได้ใหญ่มากนัก ช่วยในเรื่องของฟีเจอร์การตัดเสียงลม และ ดูดเสียงคนพูด ส่วนกล้องหลังนั้นไม่ได้นูนออกมาอะไรเยอะมากในตัวนี้ครับ
ในขอบเครื่องด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่า รู3.5 มม. กลับมาแล้วพร้อมกับ USB-C ตัวที่ 2 ในเครื่องนี้ และรูไมค์ทำให้เรื่องของไมค์รุ่นนี้มีมาถึง 3 ตัวแล้ว ในขอบบน ขอบล่าง และขอบข้างเครื่องนั้นเองครับ จัดเต็มมากๆเลย
ขอบเครื่องในด้านขวานั้นเราจะเห็นเด่นชัดคือ ถาดซิมสีแดงขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาดูโดดเด่นมากขึ้น พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อตรงกลาง ที่มีจุกยางปิดมาให้ที่ครั้งนี้เปลี่ยนจาก USB-C ทั้ง 2 ช่องเป็นพอร์ตแบบ Pin 1 อันแทนแล้วอาจจะส่งผลให้ใช้อุปกรณ์เก่าบางตัวไม่ได้ครับ แต่ก็ทำให้เชื่อมต่อนั้นเสียบอะไรได้ง่ายขึ้นกว่าแบบเดิม นั้นเอง
ฝาหลังมีการออกแบบพิเศษใหม่แตกต่างกับรุ่นทั่วไปชัดเจนทั้งเส้นสายตรงบริเวณกล้องออกแบบใหม่ทั้งหมด ฝาหลังสีแดงสวยงามตัดกับสีดำสีฟ้าได้ลงตัว พร้อมกับหน้าจอด้านหลัง และแน่นอนว่า การสัมผัสสั่งงานฝาหลังตรงบริเวณ เหนือถาดซิมสีฟ้า และ ใต้กล้องหลังในส่วนใต้แฟลชในแนวขอบเครื่องนั้นเองจะเป็นจุดพิเศษที่แตกต่างกับรุ่นทั่วไปแต่วัสดุงานประกอบ กล้องหลังนั้นจะเป็นทรงเดียวกันทั้งหมดไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของดีไซน์หลักๆเท่าไรนัก
ROG PHONE 5 ใช้กล้องหลังที่มีเทคโนโลยีการรวมเซนเซอร์ QUAD BAYER ที่ใช้การรวมพิกเซลเหลือ 16MP แต่จะได้เหมือนเซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั้นเองครับจาก พิกเซลพื้นฐานที่ 64MP ที่มีขนาดเซนเซอร์ 1/1.7 รูรับแสง F1.8 มาพร้อมกับ เลนส์กว้าง 125˚ 13MP (f/2.4) + เลนส์มาโคร 5MP (f/2.0) ให้มาทั้งหมด 3 ตัว พร้อมกับไฟแฟลช และจะเห็นว่ามีไมค์เสริมเข้ามาให้ในด้านหลังด้วย ทำให้ทั้งเรื่องนั้นมีทั้งหมด 4 ตัวเลยทีเดียวในเครื่องนี้ครับ แต่เหมือนกล้องเลนส์มุมกว้าง และ มาโคร นั้นจะใช้งานเลนส์ตัวเดิม ส่วนตัวเลนส์หลัก 64MP เช่นเดิมครับ ซึ่งรุ่น ULTIMATE จะมีการออกแบบเส้นสายอะไรให้แตกต่างกับรุ่นปกติ แต่รูปทรงของกล้องนั้นจะเหมือนกัน
หน้าจอ ROG VISION PMOLED มาพร้อมกับการรองรับการปรับแต่งได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นหน้าหลัก หรือ หน้าการชาร์จ ไฟสว่างสวยและรองรับความคมชัดได้ดี เรียกได้ว่าโดดเด่นและแตกต่างกับรุ่นอื่นๆชัดเจนมากครับ พร้อมกับเลข 05 ประจำรุ่นนี้ และส่วนที่บอกว่าเป็นการสั่งงานฝาหลัง เล่นเกมจะอยู่มุมซ้ายล่างของภาพที่เป็นเส้นๆนูนๆบางๆนั้นเองครับที่มีตัว R และ มุมขวาของภาพที่จะเป็นเส้นนูนๆขีดๆสีขาว ส่วนนั้นจะรองรับการแตะสัมผัสฝาหลังได้ด้วยถือว่าปุ่มจะเยอะกว่ารุ่นปกติชัดเจนครับ
สำหรับพัดลมในรุ่นนี้ดีไซน์อะไรได้เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดที่เห็นชัดเจนเลยว่าดีไซน์มีความกว้าง กินพื้นที่ข้างๆมากขึ้นพร้อมกับ งานออกแบบที่มีเส้นสายมากกว่าเดิมจากที่รุ่นก่อนหน้านั้นจะเป็นแค่เหลี่ยมๆตรงๆเท่านั้นครับ มาพร้อมกับขาตั้งในตัวเองเลยไม่ต้องมีฐานแยกแบบรุ่นก่อนๆ และเมื่อกางขาออกมานั้นจะเป็นสีกราฟิก น้ำเงินแดง การวางขาตั้งนั้นถือว่ารองรับการใช้งานได้ดีครับ ส่วนในฐานล่างนั้นมีรู 3.5มม. มาให้พร้อมกับ USB-C สำหรับชาร์จได้ และที่สำคัญนั้น ในตัวพัดลมจะเห็นปุ่ม ข้างๆพัดลม 2 แง่งนั้นจะเป็นปุ่มสำหรับเล่นเกมที่เราตั้งค่าได้ว่าจะทำอะไรบ้างครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้