JJNY : 4in1 จะนะรักษ์ถิ่นบุกกรุงเทพ13ธ.ค.นี้│ทหารพม่ายิงเรือไทย2ลำ│โอไมครอน ฉีดเข็ม3อาการไม่หนัก│เอกชนพัทยา วอนผ่อนปรน

เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ประกาศ บุกกรุงเทพ 13 ธ.ค.นี้ สมทบสมาชิก แถลงการณ์ ย้ำทะเลจะนะสมบูรณ์
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6776294

 
เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ประกาศ บุกกรุงเทพ 13 ธ.ค.นี้ สมทบสมาชิก แถลงการณ์ ย้ำทะเลจะนะสมบูรณ์ เพราะชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์-ฟื้นฟูมาเกือบ 30 ปี
   
วันที่ 10 ธ.ค.64 ที่ชายหาดบ่อโซน อ.จะนะ จ.สงขลา เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ร่วมกันทำกิจกรรมขบวนเรือ savechana โดยจัดในคลองสะกอม ถึงเป็นคลองสายหลัก ใน อ.จะนะ และเป็นแหล่งน้ำดิบที่นิคมอุตสากรรมจะนะจะใช้ สำหรับนิคมอุตสาหกรรม
 
หลังจากนั้นมีกิจกรรมปราศรัยที่ชายหาดบ่อโซนและมีการอ่านแถลงการณ์ประกาศเจตนารมณ์การต่อสู้พร้อมทั้งนัดหมายที่จะเดินทางขึ้นไปกรุงเทพมหานครในวันที่ 13 ธ.ค.64ที่จะถึงนี้
 
ด้าน น.ส.สารีด๊ะ นิยมเดชา อ่านแถลงการณ์ มีรายละเอียดดังนี้ 

“ทัพเรือประมงพื้นบ้าน ณ ชายฝั่งทะเลจะนะ

พื้นที่ชายฝั่งทะเลตำบลนาทับ ตำบลตลิ่งชัน และตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา คือแหล่งทำประมงพื้นบ้านที่สำคัญของประเทศ อาหารทะเลที่ผลิตได้ที่นี่ไม่เพียงแต่เลี้ยงคนในชุมชน แต่ยังเลี้ยงคนจังหวัดอื่นๆ ของประเทศ
 
อีกทั้งยังส่งออกไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ จีน และเกาหลีด้วย ในยามเผชิญกับโควิด-19 พวกเรายังได้แบ่งปันอาหารทะเลจะนะไปยังคนหาเช้ากินค่ำในเมืองหาดใหญ่ บุคคลากรทางการแพทย์ รวมถึงพี่น้องชุมชนแออัดที่คลองเตย กรุงเทพ
การที่ทะเลจะนะสมบูรณ์เป็นเพราะพวกเราได้ร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูมาเกือบ 30 ปี แต่วันนี้ รัฐบาลกลับรวมหัวกันกับนายทุนเพื่อปล้นทรัพยากรไปจากพวกเรา ให้ทุนทำอุตสาหกรรม

แม้พวกเราได้เรียกร้องให้หยุดโครงการและทำการประเมินสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SEA และรัฐบาลได้ตกลงกับพวกเราแล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงและยังเดินหน้าโครงการต่อไป เมื่อพวกเราทวงสัญญาก็ถูกจับกุมยัดข้อหา วันนี้ พวกเราจึงนำเรือประมงพื้นบ้านฝ่าคลื่นลมในฤดูมรสุม มารวมตัวกันเท่าที่ทำได้ เพื่อประกาศจุดยืนและข้อเรียกร้องดังนี้

1. ขอทวงสัญญาจากรัฐบาลที่ตกลงกับพวกเราเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ว่ารัฐบาลจะจัดให้มีการประเมินผลเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนาหรือ SEA แบบมีส่วนร่วม ที่จะมีคณะศึกษาอันเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลทางวิชาการที่ถูกต้องครบถ้วน และมาประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ

2. รัฐบาลต้องสั่งให้ยุติการเดินหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะไว้ก่อนตามข้อตกลง ข้อ 1 รวมถึงหยุดการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งขัดกับข้อตกลงและยังขัดต่อหลักสากล ด้วยการจัดรับฟังความเห็นไม่มีคณะกรรมการรับฟังความเห็นที่เป็นกลาง แต่จัดโดยผู้ศึกษา อีกทั้งยั้งจัดทางออนไลน์ ที่คนในชุมชนจำนวนมากเข้าร่วมไม่ได้เพราะไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้
หากรัฐบาลยังปล่อยให้มีการจัดรับฟังความเห็นต่อไป พวกเราขอประกาศไม่ยอมรับและถือว่าเป็นการกระทำที่ตระบัตสัตย์ของรัฐบาล

3. รัฐบาลต้องยุติการดำเนินคดีกับพี่น้องเราทั้ง 37 คน ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564 ทั้งที่ชุมนุมโดยสงบและมีเป้าหมายเพียง “ทวงคำตอบจากรัฐบาลที่ผิดคำสัญญา”
 
4. เราจะไปทวงคำสัญญาอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 และขอเชิญชวนพี่น้องทุกคนเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้
 
พวกเราขอย้ำว่า การทำโครงการขนาดใหญ่จะต้องมีการประเมินสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SEA แบบมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
 
ขณะนี้ป็นที่ชัดเจนว่านิคมอุตสาหกรรมจะนะไม่ใช่การพัฒนา แต่คือการอ้างคำว่า “พัฒนา” เป็นหน้ากากเพื่อสร้างความชอบธรรมในการปล้นทรัพยากรและปล้นสิทธิชุมชนของพวกเรา นำไปตอบสนองต่อนายทุนและนักการเมืองฉ้อฉลที่กว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร
 
โครงการนี้จึงเป็นโครงการที่ก่อให้เกิด ความอยุติธรรมขึ้นมาในสังคม พวกเราจึงขอประกาศจุดยืนว่า พวกเราจะปกป้องแผ่นดินและทะเลที่เป็นมรดกของบรรพบุรุษและจะรักษามรดกที่ล้ำค่านี้ไว้ให้กับลูกหลานพวกเราด้วยชีวิต
 


ด่วน! ทหารพม่า ยิงเรือชาวไทย 2 ลำ ผวาไม่กล้านำเรือแล่น ขอทหารไทยเร่งเจรจา
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6776259
 
ด่วน! ทหารพม่า ยิงเรือชาวไทย 2 ลำ ผวาไม่กล้านำเรือแล่น ขอทหารไทยเร่งเจรจา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตกลงกันแล้วว่า จะไม่มีการยิงเรือชาวไทย
 
10 ธ.ค. 2564 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 12.00 น. ทหารพม่าฐานด๊ากวิน สังกัด พัน.คร.340 พิกัด LV 612999 ได้ยิงเรือราษฎรไทยบ้านแม่สามแลบ หมู่ 1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ขณะที่กลับจากไปส่งสินค้าที่บ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ทำให้เรือถูกกระสุนปืนที่กราบเรือจนทะลุ
 
ก่อนหน้านั้นเวลา 10.45 น. ได้มีเรืออีกลำของราษฎรถูกยิงเช่นกันเข้าที่เครื่องยนต์ ขณะเดินทางจาก ท่าเรือแม่สามแลบนำสินค้าไปส่งที่บ้านท่าตาฝั่ง
ส่งผลให้ราษฎรไทยที่บ้านแม่สามแลบ ไม่กล้านำเรือแล่นในแม่น้ำสาละวิน พร้อมทั้งขอให้ทหารพรานที่รักษาอธิปไตยพื้นที่ดังกล่าว ช่วยเจรจากับทหารพม่าไม่ให้ยิงเรือไทยอีกต่อไป
 
ทั้งนี้วันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย และทหารพม่า ได้เคยร่วมประชุมกันก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมแจ้งว่า ตั้งแต่นี้ไปเรือของราษฎรทุกคันในบ้านแม่สามแลบ สามารถวิ่งได้แล้ว พม่าจะไม่ยิงเรือชาวบ้านอีกต่อไป แต่มีข้อแม้ว่าต้องส่งเสบียงให้ทหารพม่าด้วย ตามที่ทหารพม่าต้องการ โดยได้มีการส่งเสบียงอาหารให้ทหารพม่าเดือนละครั้ง


 
เปิดผลวิจัย โอไมครอน ฉีดเข็ม 3 แล้วก็ไม่กันติดเชื้อ แค่ช่วยให้อาการไม่หนัก
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6776332

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา เปิดผลวิจัย โอไมครอน ฉีดเข็ม 3 แล้วก็ไม่กันติดเชื้อ แค่ช่วยให้อาการหลังติดเชื้อไม่หนักมาก
   
10 ธ.ค. 2564 – ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระบุว่า
 
ทีมวิจัยที่เมือง Cape town ของแอฟริกาใต้แสดงข้อมูลของผู้ป่วยชาวเยอรมัน 7 คน (ชาย 2 หญิง 5) อายุเฉลี่ย 27.7 ปี (25-39 ปี) ที่ติดไวรัสโอไมครอน (ยืนยันด้วย sequencing แล้ว) ในขณะพำนักอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ โดยผู้ป่วยทั้ง 7 คน ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม โดย 5 คนได้ PZ 3 เข็มแล้ว โดยเข็มที่ 3 ได้ประมาณช่วง ตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
 
ส่วนอีก 1 คนได้เข็ม PZx2 และ เข็มสามเป็น MDN เต็มโดสตั้งแต่ 3 ตุลาคม และ อีก 1 คนได้เข็มไขว้ AZ-PZ และ ได้เข็มสามเป็น PZ วันที่ 26 ตุลาคม โดยสรุปคือ ทุกคนได้เข็มกระตุ้นมาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนที่จะมีการระบาดของโอไมครอนในเมืองนี้ของแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นสภาวะที่ภูมิหลังเข็มสามยัง active เต็มที่
 
ทั้ง 7 คน มีอาการป่วยเล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่จำเป็นต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล อาการที่เห็นชัดในผู้ป่วยคือ ไอแห้ง เจ็บคอ เยื่อบุจมูกอักเสบ หายใจไม่สะดวก อ่อนเพลีย เมื่อตรวจปริมาณไวรัสในตัวอย่างของผู้ป่วยแต่ละคน พบว่า ไวรัสในตัวอย่างมีปริมาณค่อนข้างสูง 1.41 x 10e4 ถึง 1.65 x 10e8 (เฉลี่ย 4.16 x 10e7 copies/ml) ซึ่งพบว่าจุดสูงสุดของไวรัสคือ วันที่ 4 หลังแสดงอาการ ถ้าเทียบดูปริมาณไวรัสโดยเฉลี่ยของโควิดโดยทั่วไปคือ 6.76 x 10e5 copies/ml ที่ 5 วันหลังมีอาการ ทำให้อาจเป็นไปได้ที่ โอมิครอนจะสามารถเพิ่มจำนวนได้ดีกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่ข้อมูลยังน้อยเกินไปที่จะสรุปในตอนนี้
 
ที่น่าสนใจคือ ผู้ป่วยที่ 6 ใน 7 คน มีค่าแอนติบอดีในเลือดที่วัดในหน่วย AU/ml สูงเกินหมื่นทุกคน ผู้ป่วยรายที่ 2 ที่มีปริมาณไวรัสสูงสุดเป็นผู้ที่มีแอนติบอดีสูงถึงมากกว่า 40000 AU/ml ซึ่งชัดว่าปริมาณแอนติบอดีสูง ๆ ด้วยการวัดวิธีนี้ไม่สามารถอนุมานต่อได้ว่าจะป้องกันการติดเชื้อโอมิครอนได้
ข้อมูลชุดนี้บอกว่า ภูมิจากเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีนในปัจจุบันคงจะไม่เพียงพอต่อการป้องกัน “การติดเชื้อ” เข้าสู่ร่างกายของไวรัสโอมิครอน แต่ที่ชัดเจนคือ “อาการหลังติดเชื้อไม่หนัก” และ สามารถรักษาตัวเองให้หายได้ในเวลาไม่นาน ปริมาณไวรัสที่อยู่ในร่างกายของผู้ป่วยเหล่านั้นไม่น้อยและแพร่กระจายได้ การรับมือกับโอมิครอนคงจะพึ่งวัคซีนอย่างเดียวไม่ได้ครับ เครื่องมืออื่น ๆ คงต้องพร้อม
 
https://www.facebook.com/anan.jongkaewwattana/posts/5072872666085948
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่