คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 22
คนเรามีความฝันอยากจะจัดงานแต่งงานก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหนนี่นา ถึงจะอยู่ด้วยกัน มีลูกด้วยกันแล้วก็เถอะ แถมอีกฝ่ายตบปากรับคำว่าจัดงานแต่งก็ได้ ยิ่งทำให้มีความหวังเข้าไปใหญ่ ไม่ใช่เรื่องน่าตำหนิอย่างไร เส้นทางชีวิตและความฝันของคนเราล้วน
ไม่เหมือนกัน
ทีนี้ปัญหาของเจ้าของกระทู้คือ ฝ่ายชายดูท่าจะเบี้ยวไม่จัดงาน วิธีแก้อาจจะลองพยายามพูดโน้มน้าวให้เขาคิดว่า เออ จัดงานเล็ก ๆ อบอุ่น ไว้เป็นภาพความทรงจำให้ระลึกถึงยามแก่เฒ่าอย่างนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนักนะ เราอาจจะรบกวนให้แม่เราช่วยพูดกับแฟนอีกทางหนึ่งก็ได้ เผื่อแฟนเราเขาจะใจอ่อนขึ้น
แต่ถ้าโน้มน้าวไม่สำเร็จก็คงต้องทำใจเนอะ เรื่องแบบนี้มันต้องตกลงปลงใจกันทั้งสองฝ่าย เราทำได้แค่พูดโน้มน้าวเท่านั้นแหละ จะไปบังคับก็กระไรอยู่ เพราะมันก็ไม่ได้การันตีความสำเร็จของชีวิตคู่อย่างไร บางคนจัดงานแต่งงานอย่างเลิศหรูสวยงาม ไม่กี่ปีหย่ากันแบบไม่เผาผีนี้ก็มีให้เห็นถมเถไป
ไม่เหมือนกัน
ทีนี้ปัญหาของเจ้าของกระทู้คือ ฝ่ายชายดูท่าจะเบี้ยวไม่จัดงาน วิธีแก้อาจจะลองพยายามพูดโน้มน้าวให้เขาคิดว่า เออ จัดงานเล็ก ๆ อบอุ่น ไว้เป็นภาพความทรงจำให้ระลึกถึงยามแก่เฒ่าอย่างนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนักนะ เราอาจจะรบกวนให้แม่เราช่วยพูดกับแฟนอีกทางหนึ่งก็ได้ เผื่อแฟนเราเขาจะใจอ่อนขึ้น
แต่ถ้าโน้มน้าวไม่สำเร็จก็คงต้องทำใจเนอะ เรื่องแบบนี้มันต้องตกลงปลงใจกันทั้งสองฝ่าย เราทำได้แค่พูดโน้มน้าวเท่านั้นแหละ จะไปบังคับก็กระไรอยู่ เพราะมันก็ไม่ได้การันตีความสำเร็จของชีวิตคู่อย่างไร บางคนจัดงานแต่งงานอย่างเลิศหรูสวยงาม ไม่กี่ปีหย่ากันแบบไม่เผาผีนี้ก็มีให้เห็นถมเถไป
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ไม่แน่ใจว่านี่เป็นแค่การบ่น การระบาย หรือคำถาม ขอคำแนะนำนำ มุมมอง
แต่....
ตั้งสติ แล้วใจเย็นๆก่อนนะครับ
ผมสมมติว่ามันเป็นคำถาม และการขอมุมมองละกัน
คุณถามมุมมองผู้ชาย (คงรวมไปถึงผู้หญิง หรือมุมมองของคนทั่วไปด้วย)
....ผู้ชายไม่ให้ความสำคัญเรื่องการแต่งงานเลย....
....ทำไมผู้ชายไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานเลย....
แต่ที่คุณไปตอบคอมเมนต์ต่างที่เค้าแสดงความเห็นในมุมมองของเค้า
จากข้อมูลแค่เท่าที่คุณให้มา
จากความความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ของเค้า
คุณกลับร้อน (ผมรู้สึกแบบนั้น) แล้วโต้ตอบด้วยมุมของคุณ ความคิด ความรู้สึกของคุณ
....คุณกำลังจะบอกว่าผู้หญิงทุกคนที่พลาดมาท้องก่อนแล้ว เค้าไม่มีสิทธิ์ที่จะต้องแต่งงานตามความคิดคุณคนเดียวเลยใช้มั้ย คนที่มีลูกแล้วแล้วค่อยมาแต่งกันมีเยอะแยะไป....
....แสดงว่าคุณกับแฟนเรา คงเป็นผู้ชายที่มีความคิดประเภทเดียวกันสินะคะ....
บางคอมเมนต์อาจจะตอบไม่ตรงใจคุณนัก ตอบไม่ตรงคำถาม(ที่คุณตั้งใจไว้)นัก
แต่ก็เป็นการแสดงความคิดเห็นในมุมของเค้าตามที่บอกไว้ข้างบน
ซึ่งคุณอาจเอาไปรวมกับคำตอบที่ตรงใจ+ตรงคำถาม
เอาไปคิด พิจารณาต่อไปในการปรับความคิด ความรู้สึก
และเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตต่อไปได้
หากกรองมันออกมาดีๆ อย่างใจเย็นและตั้งสติ
ในส่วนของมุมมองในเรื่องนี้.....
คุณบอกว่าคุณหัวโบราณ (เรื่องความย้อนแย้งในการปฏิบัติ...วางไว้ก่อน)
ถ้าอย่างนั้นน่าจะเคยได้ยินคำนี้....ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก
ความหมายตรงตัว หมายถึงเรื่องราวได้ดำเนินไปแล้ว ไม่สามารถกลับไปเปลี่ยน-แก้ไขได้
มักใช้เปรียบเทียบกับคู่หนุ่มสาวที่ได้มีอะไรกันไปก่อนแล้ว
โดยไม่ผ่านพิธี หรือขั้นตอนประเพณีที่ถูกต้อง (ตามประเพณี ความเชื่อของผู้ใหญ่ ในยุคสมัย)
พ่อ-แม่ (โดยเฉพาะฝ่ายหญิง) ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
ที่จะเรียกร้องให้กลับมาทำอะไรที่ตัวเองต้องการ (ไม่นับทางกฎหมาย)
หรือแม้แต่การปฎิเสธไม่ยกลูกสาวให้
แปลว่าทุกอย่างอยู่ที่ผู้ชาย หรือฝ่ายชายไปแล้วว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร
คู่ของคุณก็อาจจะเหมือนกัน (มั้ง)
อาจจะคิดว่า...มีเหตุผลอะไรอีกที่จะต้องมาทำอะไรตามใจคุณ
ที่จะต้องเสียเงิน เสียเวลา เสีย...บลาๆๆๆมาตามใจคุณ
ในเมื่อ...ไม่เสีย ก็ยังดำเนินชีวิตคู่มาได้ขนาดนี้
เหตุผลต่างๆ ความต้องการต่างๆ ที่คุณยกมา มันเป็นแค่ของคุณ
ไม่ใช่ของเค้า (หรือรวมถึงครอบครัวของเค้า)
....พอถามว่าตั้งใจจะแต่งมั้ย อยากแต่งมั้ย เค้าก็บอกอยากแต่งก็จะแต่งให้อยู่นี่ไง....
คุณครับ…คำสัญญา ตราบเท่าที่มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง มันก็เป็นแค่...ลมปากครับ
เรื่องจริงในโลกนี้ มันมีแค่เรื่องที่...เกิดขึ้นแล้ว ...เท่านั้นครับ
ผู้หญิงจะถือไพ่เหนือกว่า จะได้เปรียบ
ก็ต่อเมื่อยังไม่ได้...กัน , ยังไม่ได้ไปอยู่กับเค้า
ถ้า...ไปแล้ว ไปอยู่ด้วยกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรได้เปรียบแล้วครับ
เว้นแต่ว่า...เค้าจะให้เกียรติคุณ เคารพการตัดสินใจของคุณ
และรักคุณ(เหมือนที่คุณบอกว่าคุณรักเค้า)มากพอ ...ที่จะตามใจคุณ
**ได้เปรียบ เสียเปรียบ ให้เกียรติ อ้างอิงจากสภาพสังคม ความเชื่อ จากอดีต
ที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน**
ทั้งหมดนี้เป็นแค่...มุมมอง การวิเคราะห์ คาดเดา
โดยอิงจากสิ่งที่ได้เคยพบ เคยเจอมานะครับ
ไม่ได้เอาตัวเองไปอ้างอิงอะไร
ส่วนคำแนะนำเพิ่มเติม...ตามท่านอื่นเลยครับ (ที่กรองออกมาแล้ว)
ผมไม่มีอะไรเพิ่มอีก
**แก้ไขคำที่พิมพ์ผิด และจัดบรรทัด วรรคตอนใหม่
แต่....
ตั้งสติ แล้วใจเย็นๆก่อนนะครับ
ผมสมมติว่ามันเป็นคำถาม และการขอมุมมองละกัน
คุณถามมุมมองผู้ชาย (คงรวมไปถึงผู้หญิง หรือมุมมองของคนทั่วไปด้วย)
....ผู้ชายไม่ให้ความสำคัญเรื่องการแต่งงานเลย....
....ทำไมผู้ชายไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานเลย....
แต่ที่คุณไปตอบคอมเมนต์ต่างที่เค้าแสดงความเห็นในมุมมองของเค้า
จากข้อมูลแค่เท่าที่คุณให้มา
จากความความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ของเค้า
คุณกลับร้อน (ผมรู้สึกแบบนั้น) แล้วโต้ตอบด้วยมุมของคุณ ความคิด ความรู้สึกของคุณ
....คุณกำลังจะบอกว่าผู้หญิงทุกคนที่พลาดมาท้องก่อนแล้ว เค้าไม่มีสิทธิ์ที่จะต้องแต่งงานตามความคิดคุณคนเดียวเลยใช้มั้ย คนที่มีลูกแล้วแล้วค่อยมาแต่งกันมีเยอะแยะไป....
....แสดงว่าคุณกับแฟนเรา คงเป็นผู้ชายที่มีความคิดประเภทเดียวกันสินะคะ....
บางคอมเมนต์อาจจะตอบไม่ตรงใจคุณนัก ตอบไม่ตรงคำถาม(ที่คุณตั้งใจไว้)นัก
แต่ก็เป็นการแสดงความคิดเห็นในมุมของเค้าตามที่บอกไว้ข้างบน
ซึ่งคุณอาจเอาไปรวมกับคำตอบที่ตรงใจ+ตรงคำถาม
เอาไปคิด พิจารณาต่อไปในการปรับความคิด ความรู้สึก
และเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตต่อไปได้
หากกรองมันออกมาดีๆ อย่างใจเย็นและตั้งสติ
ในส่วนของมุมมองในเรื่องนี้.....
คุณบอกว่าคุณหัวโบราณ (เรื่องความย้อนแย้งในการปฏิบัติ...วางไว้ก่อน)
ถ้าอย่างนั้นน่าจะเคยได้ยินคำนี้....ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก
ความหมายตรงตัว หมายถึงเรื่องราวได้ดำเนินไปแล้ว ไม่สามารถกลับไปเปลี่ยน-แก้ไขได้
มักใช้เปรียบเทียบกับคู่หนุ่มสาวที่ได้มีอะไรกันไปก่อนแล้ว
โดยไม่ผ่านพิธี หรือขั้นตอนประเพณีที่ถูกต้อง (ตามประเพณี ความเชื่อของผู้ใหญ่ ในยุคสมัย)
พ่อ-แม่ (โดยเฉพาะฝ่ายหญิง) ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
ที่จะเรียกร้องให้กลับมาทำอะไรที่ตัวเองต้องการ (ไม่นับทางกฎหมาย)
หรือแม้แต่การปฎิเสธไม่ยกลูกสาวให้
แปลว่าทุกอย่างอยู่ที่ผู้ชาย หรือฝ่ายชายไปแล้วว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร
คู่ของคุณก็อาจจะเหมือนกัน (มั้ง)
อาจจะคิดว่า...มีเหตุผลอะไรอีกที่จะต้องมาทำอะไรตามใจคุณ
ที่จะต้องเสียเงิน เสียเวลา เสีย...บลาๆๆๆมาตามใจคุณ
ในเมื่อ...ไม่เสีย ก็ยังดำเนินชีวิตคู่มาได้ขนาดนี้
เหตุผลต่างๆ ความต้องการต่างๆ ที่คุณยกมา มันเป็นแค่ของคุณ
ไม่ใช่ของเค้า (หรือรวมถึงครอบครัวของเค้า)
....พอถามว่าตั้งใจจะแต่งมั้ย อยากแต่งมั้ย เค้าก็บอกอยากแต่งก็จะแต่งให้อยู่นี่ไง....
คุณครับ…คำสัญญา ตราบเท่าที่มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง มันก็เป็นแค่...ลมปากครับ
เรื่องจริงในโลกนี้ มันมีแค่เรื่องที่...เกิดขึ้นแล้ว ...เท่านั้นครับ
ผู้หญิงจะถือไพ่เหนือกว่า จะได้เปรียบ
ก็ต่อเมื่อยังไม่ได้...กัน , ยังไม่ได้ไปอยู่กับเค้า
ถ้า...ไปแล้ว ไปอยู่ด้วยกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรได้เปรียบแล้วครับ
เว้นแต่ว่า...เค้าจะให้เกียรติคุณ เคารพการตัดสินใจของคุณ
และรักคุณ(เหมือนที่คุณบอกว่าคุณรักเค้า)มากพอ ...ที่จะตามใจคุณ
**ได้เปรียบ เสียเปรียบ ให้เกียรติ อ้างอิงจากสภาพสังคม ความเชื่อ จากอดีต
ที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน**
ทั้งหมดนี้เป็นแค่...มุมมอง การวิเคราะห์ คาดเดา
โดยอิงจากสิ่งที่ได้เคยพบ เคยเจอมานะครับ
ไม่ได้เอาตัวเองไปอ้างอิงอะไร
ส่วนคำแนะนำเพิ่มเติม...ตามท่านอื่นเลยครับ (ที่กรองออกมาแล้ว)
ผมไม่มีอะไรเพิ่มอีก
**แก้ไขคำที่พิมพ์ผิด และจัดบรรทัด วรรคตอนใหม่
ความคิดเห็นที่ 2
กะจะเข้ามาตอบ มาเห็นมีลูกด้วยกันแล้ว1 คน คือก็งงว่า ยังต้องแต่งอะไรอีกคะ มันข้ามขั้นตอนจนไม่รู้จะข้ามยังไง จดทะเบียนสมรสหรือยัง ถ้ายังก็ไปจดให้ถูกต้องซะนะคะ
ยังไงฝ่ายหญิงก็เสียหาย? คุณคิดช้าไปหลายปีค่ะ มันไม่มีอะไรเสียหายไปกว่านี้แล้วล่ะค่ะคุณ
สิ่งไหนสำคัญในชีวิตคุณทั้งสองในตอนนี้ จัดงานแต่งงานหรือเก็บเงินตรงนั้นเลี้ยงลูก ก็คิดเอาค่ะ
ยังไงฝ่ายหญิงก็เสียหาย? คุณคิดช้าไปหลายปีค่ะ มันไม่มีอะไรเสียหายไปกว่านี้แล้วล่ะค่ะคุณ
สิ่งไหนสำคัญในชีวิตคุณทั้งสองในตอนนี้ จัดงานแต่งงานหรือเก็บเงินตรงนั้นเลี้ยงลูก ก็คิดเอาค่ะ
ความคิดเห็นที่ 13
อยากจะบอกคุณในฐานะผู้ชายที่ผ่านโลกมาพอสมควร
ผู้ชายไทยที่อยากแต่งงานกับหญิงสาวที่ตนเองรัก ก็เพราะการแต่งงานคือการที่จะได้หญิงคนนั้นมาครอบครอง
มีการคบหา มีการหมั้นหมาย รอวันสำคัญคือวันแต่งงานที่จะมาถึง นี่คือการแต่งงานตามประเพณีที่ผู้ชายต้องถูกบังคับให้ทำ
แต่ในเมื่ออยู่กินกันแล้ว จะจัดงานแต่งงานหรือไม่ ก็เหมือนๆ กัน ไม่มีความจำเป็นอะไรเพราะได้สาวมาครอบครองแล้ว
โดยนิยามแบบไทยการอยู่กินกันก็คือการแต่งงานกันแล้วนั่นเอง ฝ่ายชายจึงไม่เห็นความจำเป็นจะต้องมีพิธีการอะไรอีก
ส่วนฝ่ายหญิง การแต่งงานยังเป็นสิ่งสำคัญเสมอ อยากมีวันสำคัญวันนั้น อยากประกาศให้โลกรู้
ผู้หญิงมีชุดเจ้าสาว ผู้หญิงคนไหนก็อยากใส่ชุดเจ้าสาวกันทั้งนั้น แต่ผู้ชายไม่มีชุดเจ้าบ่าว ความสำคัญสำหรับผู้ชายไม่มี
ส่วนทัศนคติทางตะวันตก การอยู่กินกันกับการแต่งงานกันไม่เหมือนกัน
ถึงแม้อยู่กินกัน แต่ถ้าไม่ได้ทำพิธีแต่งงานกัน ก็ยังไม่ถือเป็นคู่ผัวตัวเมียกัน
หญิงสาวจะดีใจเสมอเมื่อหลังจากนั้น ฝ่ายชายจะขอเธอแต่งงาน
เพราะการแต่งงานแบบตะวันตก มีความศักดิ์สิทธิ์ คือการให้คำมั่นสัญญาที่จะดูแลกัน และซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป
ดังนั้นการที่คุณคาดหวังจะให้ผู้ชายแบบไทยๆ ที่อยู่กินกันมานานกับคุณ มาทำพิธีแต่งงานกันจริงๆ ซะที
อาจจะเป็นฝันที่ไม่เป็นจริง
ผู้ชายไทยที่อยากแต่งงานกับหญิงสาวที่ตนเองรัก ก็เพราะการแต่งงานคือการที่จะได้หญิงคนนั้นมาครอบครอง
มีการคบหา มีการหมั้นหมาย รอวันสำคัญคือวันแต่งงานที่จะมาถึง นี่คือการแต่งงานตามประเพณีที่ผู้ชายต้องถูกบังคับให้ทำ
แต่ในเมื่ออยู่กินกันแล้ว จะจัดงานแต่งงานหรือไม่ ก็เหมือนๆ กัน ไม่มีความจำเป็นอะไรเพราะได้สาวมาครอบครองแล้ว
โดยนิยามแบบไทยการอยู่กินกันก็คือการแต่งงานกันแล้วนั่นเอง ฝ่ายชายจึงไม่เห็นความจำเป็นจะต้องมีพิธีการอะไรอีก
ส่วนฝ่ายหญิง การแต่งงานยังเป็นสิ่งสำคัญเสมอ อยากมีวันสำคัญวันนั้น อยากประกาศให้โลกรู้
ผู้หญิงมีชุดเจ้าสาว ผู้หญิงคนไหนก็อยากใส่ชุดเจ้าสาวกันทั้งนั้น แต่ผู้ชายไม่มีชุดเจ้าบ่าว ความสำคัญสำหรับผู้ชายไม่มี
ส่วนทัศนคติทางตะวันตก การอยู่กินกันกับการแต่งงานกันไม่เหมือนกัน
ถึงแม้อยู่กินกัน แต่ถ้าไม่ได้ทำพิธีแต่งงานกัน ก็ยังไม่ถือเป็นคู่ผัวตัวเมียกัน
หญิงสาวจะดีใจเสมอเมื่อหลังจากนั้น ฝ่ายชายจะขอเธอแต่งงาน
เพราะการแต่งงานแบบตะวันตก มีความศักดิ์สิทธิ์ คือการให้คำมั่นสัญญาที่จะดูแลกัน และซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป
ดังนั้นการที่คุณคาดหวังจะให้ผู้ชายแบบไทยๆ ที่อยู่กินกันมานานกับคุณ มาทำพิธีแต่งงานกันจริงๆ ซะที
อาจจะเป็นฝันที่ไม่เป็นจริง
แสดงความคิดเห็น
คบกับแฟนมา7ปี ผู้ชายไม่ให้ความสำคัญเรื่องการแต่งงานเลย ทำไมผู้ชายไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานเลย
เราแอบเสียดายโอกาสตัวเองค่ะ เราเป็นคนที่ไม่เคยผ่านใครมาก่อน เราอยากให้เค้าเห็นคุณค่าผู้หญิงหน่อย แอบหัวโบราณนิดนึงนะคะ แต่เป็นผู้หญิงยังไงก็เสียหายและเสียโอกาสกว่าผู้ชายอยู่แล้วค่ะ