เรามีเรื่องราวสุดน่าสะพรึงกลัว มาเล่าให้ฟังคะ เป็นเรื่องของฆาตกรหนุ่มที่รักเครื่องหนังเป็นชีวิตจิตใจ
แต่เครื่องหนังที่ว่านี้ ไม่ใช่หนังจากสัตว์นะคะ แต่เป็นหนังมนุษย์!!
เรื่องราวจะเป็นยังไงนั่น ติดตามฟังกันในคลิปนี้ได้เลยคะ
ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับชายคนนี้กันก่อน..
Edward Theodore Gein (เอ็ด เกน) เกิดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1906
ที่เมืองลาคอรสส์ รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา
เขามีพี่ชายหนึ่งคน ซึ่งมีอายุมากกว่าเขาถึง 7 ปี
พ่อของเอ็ดเป็นช่างไม้ นายหน้าขายประกัน และคนฟอกหนัง
ที่มีหลายอาชีพเพราะพ่อของเอ็ดนั้นติดเหล้าอย่างหนัก
ทำงานได้ไม่นานก็ต้องเปลี่ยนงานใหม่อยู่เป็นประจำ
สร้างความลำบากให้กับครอบครัวอย่างมาก
แต่อย่างน้อยเขาก็ถ่ายทอดวิชาการฟอกหนังให้แก่เอ็ด
ซึ่งจะได้นำไปใช้ในการเก็บถนอมรักษาซากศพในเวลาต่อมา
แม่ของเอ็ดมาจากครอบครัวเคร่งศาสนา เธอเกลียดสามีมาก
แต่เพราะเป็นคนเคร่งศาสนามากๆ จึงไม่มีความคิดจะหย่า
ตอนตั้งท้องลูกคนที่ 2 เธอคิดว่าจะได้ลูกผู้หญิง .
แต่เมื่อเกิดมาเป็นเด็กผู้ชายที่ชื่อว่าเอ็ด
ผู้เป็นแม่ก็ตัดสินใจว่าจะเลี้ยงลูกแบบวิถีของตนเองโดยไม่แคร์สังคมภายนอกใดๆ ทั้งสิ้น เธอสอนลูกชายว่าโลกใบนี้คือสถานที่แห่งบาป
ผู้หญิงคือโสเภณี เป็นตัวแทนของปีศาจที่ผู้ชายไม่ควรข้องแวะด้วยเด็ดขาด ยกเว้นแม่
เอ็ดจึงเติบโตมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว โดยมีแม่ เป็นทั้งเพื่อนและครู
เอ็ดไม่สามารถมีเพื่อนผู้หญิงได้ นอกจาก “แม่”
เอ็ด เชื่อในคำสอนของแม่เสมอ และมองแม่เหมือนเป็นพระเจ้า
ในวัยเด็กของเอ็ด มี 1 ในความทรงจำที่ฝังใจมากที่สุด
คือ การที่เขาจ้องเข้าไปในโรงฆ่าสัตว์ของพ่อแม่
เอ็ด กล่าวภายหลังว่า การฆ่านั้นทำให้เขาคลื่นไส้จนเกือบจะเป็นลม
แต่ภาพที่แม่ของเขาสวมเสื้อกันเปื้อนเต็มเลือดและโคลนตอนนั้น มันช่างยิ่งใหญ่
ราวกับพระเจ้าที่เขาเคารพรักเลยแหละ
ตอนแรกครอบครัวเกนทำกิจการร้านขายของชำขนาดเล็ก
และในเวลาต่อมาครอบครัวเกนก็ตัดสินใจซื้อที่ดินทำฟาร์มเกษตรไว้นอกเมือง
เอ็ดกับพี่ชายมีโอกาสได้ออกไปข้างนอกแค่ตอนไปโรงเรียนเท่านั้น
เอ็ดเป็นเด็กขี้อาย อันเป็นผลจากการเลี้ยงลูกแบบเข้มงวดถึงขั้นครอบงำของแม่
เขาไม่ค่อยมีเพื่อน ชอบอ่านหนังสือมาก และเพราะเป็นคนเงียบขรึม
พูดน้อย บวกกับมีปัญหาสายตา ทำให้เขาโดนกลั่นแกล้งเป็นประจำ
นักจิตวิทยาเคยวิเคราะห์ว่า การเลี้ยงดูลูกที่ผิดปกติถึงขนาดบอกว่าเซ็กซ์เป็นบาป
ทำให้เอ็ดต้องรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนชั่วชีวิต ขณะที่การครอบงำจากแม่ทำให้เอ็ดมีปัญหาด้านพัฒนาการเติบโต
เพราะแม่เป็นเพียงผู้เดียวที่เขายึดถือ เอ็ดเริ่มสับสนในสภาวะเพศชายของตัวเอง
และเริ่มอยากเป็นผู้หญิง อยากเป็นแบบแม่ของตัวเอง แต่อีกมุม เขาก็สับสน อยากเป็นผู้ชาย มีภรรยา มีครอบครัวเหมือนคนทั่วไป
เฮนรี พี่ชายของเอ็ด มีความแตกต่างจาก เอ็ด ตรงที่ เฮนรีจะมีความเป็นลูกผู้ชาย
ไม่ติดแม่ เขาเป็นคนทำงานหนักและมีบุคลิกที่แข็งแกร่ง ที่สำคัญ เขาไม่ยอมฟังคำสั่งสอนของแม่
พี่ชายของเอ็ดเริ่มมีปากเสียงกับแม่มากขึ้นทุกวัน เขาด่าแม่ต่อหน้าเอ็ด
ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจพี่ชายตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะในความคิดของ เอ็ด นั้นแม่เป็นพระเจ้า
ต่อมาเมื่อพ่อของเอ็ดเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย แม่ก็สั่งให้ลูกทั้งสองคนเลิกไปโรงเรียน
แล้วมาทำงานในฟาร์มของครอบครัว เอ็ดจึงไม่ค่อยพบปะใคร และแทบจะไม่มีผู้หญิงผ่านเข้ามาให้รู้จักคำว่ารัก
ชีวิตเขามีแต่แม่และพี่ชายเท่านั้น และแม้พี่ชายของเอ็ดจะต้องออกจากโรงเรียน
แต่ก็ไม่โดนเลี้ยงแบบเข้มงวดมาก ทั้งสองทำงานเป็นช่างรับจ้างทั่วไป
ถึงคนในชุมชนจะมองว่าครอบครัวเกนแปลกประหลาดถึงขั้นเพี้ยนๆ แต่พวกเขาก็ทำงานรับจ้างได้อย่างเรียบร้อย
เอ็ด เกนไม่เคยเดินทางออกไปไกลจากเมือง ตลอดชีวิตเขาไปไกลจากบ้านเพียง 2 ครั้ง
หนึ่งในนั้นคือตอนเดินทางไปเข้ารับสมัครเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กองทัพไม่รับเพราะเขามีปัญหาสายตา
วันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1944 เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นในฟาร์มของครอบครัว
เจ้าหน้าที่ช่วยกันดับเพลิงก่อนพบร่างพี่ชายของเอ็ดสำลักควันตาย ศพถูกตีด้วยของแข็งที่หัว
แต่ทางการฟันธงไปว่าเป็นอุบัติเหตุ จึงไม่ได้สอบสวนต่อ ก่อนเกิดเหตุไฟไหม้
พี่ชายเอ็ดเปรยว่าจะออกไปอาศัยอยู่กับแม่ม่ายลูกติดเพื่อสานสัมพันธ์ความรัก
แน่นอนว่าแม่ของเขาไม่เห็นด้วย พี่ชายได้วิจารณ์ครอบครัวของตัวเองอย่างรุนแรง
จากนั้นไม่นานก็เกิดไฟไหม้ขึ้น เอ็ดให้การว่าเขาพยายามตามหาพี่แต่เพราะควันหนามากจึงหากันไม่เจอ
สุดท้ายเหลือเพียงแม่กับเอ็ดอาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน แต่อยู่กันได้ไม่นาน
หญิงชราผู้เคร่งศาสนาที่หวังเลี้ยงลูกชายตามความเชื่อก็ตายจาก
ทิ้งเอ็ดวัย 39 ปี อยู่ตัวคนเดียวเป็นครั้งแรกท่ามกลางไร่นาอันใหญ่โต
ช่วงนั้นเอง ที่เส้นทางการฆ่าของเอ็ดก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เอ็ด กีน ไม่มีญาติที่ไหนเลย แถมค่าใช้จ่ายบ้านก็หมดไปกับงานศพ
สัตว์เลี้ยงในฟาร์มก็ถูกนำไปขาย เขาตัดสินใจเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน
หรือไม่ก็ออกหางานเล็กๆน้อยๆทำ เพื่อหาเงินประทังชีวิต
มีหลายคนมองว่า เอ็ดเป็นคนประหลาด เขาเหมือนกระเทย แต่ก็ไม่ได้เป็นภัยอะไร
และในขณะเดียวกัน เอ็ดเริ่มสนใจร่างกายของเพศหญิงที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่เป็นความสนใจที่แปลกประหลาด สับสน แยกไม่ออกว่ามันเป็นความต้องการการทางเพศ
หรือความต้องการจะมีเรือนร่างแบบของผู้หญิงกันแน่
ในช่วงเวลาที่ เอ็ด กีน เริ่มใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว
เอ็ดเริ่มหาหนังสือที่เกี่ยวกับเรือนร่างของผู้หญิงมาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์,
สารานุกรม หรือแม้กระทั่งการทดลองของนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้กระตุ้นความปรารถนาในจิตใจของเอ็ดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
และ ภายหลังความตายของแม่ผ่านไปไม่นาน เอ็ด เกนกลับไปสุสานแล้วขุดเอากะโหลกแม่กลับมาไว้ที่บ้าน
เพื่อจะได้อ่านหนังสือให้ฟังทุกคืน เพื่อนบ้านต่างได้กลิ่นเหม็นเน่าจากบ้านของเอ็ด
แม้หลายคนจะเห็นว่าเอ็ดเป็นคนแปลก แต่ก็ยังจ้างงานให้ซ่อมรั้วบ้านตามปกติ
ช่วงนั้นเอ็ดตระเวนตามสุสานเพื่อหาหลุมศพหญิงสาวที่อายุใกล้เคียงกับแม่
แล้วลงมือขุดศพออกมาเพื่อลอกเอาหนังมาตัดเย็บทำเป็นชุดสูทผิวหนังผู้หญิง
บางครั้งก็ลอกผิวหน้ามาทำเป็นหน้ากาก เอ็ดจะเอาชุดที่ตัดเย็บเหล่านี้มาสวมเพื่อให้กลายเป็นผู้หญิง
บางครั้งก็ชำแหละชิ้นส่วนมาตัดเย็บ เพื่อที่ว่าพอพระจันทร์เต็มดวง จะได้นำซากศพเหล่านี้ไปเต้นรำที่สุสานอย่างสบายใจ
เอ็ดใช้เวลาไม่นานในการก้าวข้ามขั้นจากคนขโมยศพในสุสานสู่การเป็นนักฆ่า
ในปี 1951 จอน์เจีย เว็คเลอร์ เด็กหญิงวัย 8 ขวบ เธอหายตัวไประหว่างเดินทางกลับบ้าน
ทุกฝ่ายระดมกำลังค้นหาตัวหนูน้อย แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว เด็กหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ต่อมาในเดือน พฤศจิกายน ปีเดียวกันมีรายงานว่านายพราน 2 คน หายตัวไประหว่างล่าสัตว์
หลักฐานบ่งชี้ว่าทั้งสองน่าจะตกเป็นเหยื่อของเอ็ด
ปี 1953 อีเวนล์ ฮาร์ทเลย์ เด็กหญิงวัย 15 ปี ถูกลักพาตัวไปขณะทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หน้าต่างถูกงัด
มีร่องรอยการต่อสู้ และด้วยพฤติกรรมแปลกๆ ของเอ็ด ตำรวจจึงพาตัวเขาไปสอบปากคำ
ซึ่งชายคนนี้ได้ปฏิเสธความเกี่ยวข้อง ถึงแม้จะนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด
ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเด็กหญิงคนนี้หายไปไหน แต่คาดว่าน่าจะตกเป็นเหยื่อของเอ็ด เกน
ปีต่อมา ค.ศ. 1954 เอ็ดไปสนิทสนมกับ มารี โฮแกน หญิงเจ้าของบาร์วัย 54 ปี ซึ่งคล้ายแม่ของเขา
เพียงแต่เจ้าของบาร์รายนี้ดูเป็นคนปากเสีย พูดจาหยาบคาย วันหนึ่งเธอหายตัวไป เจ้าหน้าที่พบเลือดในบาร์
พร้อมปลอกกระสุนจำนวนหนึ่งตกอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน ตำรวจสอบปากคำเอ็ดอีกรอบ
เขาให้การว่าดื่มกับเธอจนบาร์ปิดแล้วก็กลับบ้านไป
ซึ่งเขาสารภาพในเวลาต่อมาว่า หลังดื่มเสร็จ เขาอาศัยจังหวะเจ้าของบาร์เผลอ
ควักปืนยิงที่ด้านหลัง ก่อนเอาศพขึ้นรถกระบะขับไปที่บ้าน ตัดหัวชำแหละร่างหญิงคนดังกล่าวอย่างชำนาญ
เจ้าของโรงสีข้าวเคยเล่าว่า ตอนที่เจ้าของบาร์หายตัวไปใหม่ๆ เขาเคยคุยกับเอ็ดที่บ้านของเอ็ด
จากนั้นอีกฝ่ายก็พูดออกมาว่า
“เธอไม่ได้หายไปไหน ก็อยู่ที่ฟาร์มนี่ไง”
ตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นเรื่องตลก แต่เอ็ดนำศพเจ้าของบาร์ไว้ที่บ้านของตัวเองในขณะนั้นจริงๆ
ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 1957 นายอำเภออาร์ต ชลีย์ (Art Schley) เดินทางมายังบ้านหลังหนึ่งพร้อมกับผู้ช่วย
ซึ่งไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ชลีย์เพิ่งไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นร้านขายของชำแห่งหนึ่ง
หลังจากได้รับแจ้งจากผู้ช่วยของเขาว่า แม่ของตัวเอง นางเบอร์นิส วอร์เดน (Bernice Worden) อายุ 58 ปี
ไม่ยอมมาเปิดร้านเสียที พอเปิดประตูเข้าไปกลับพบกองเลือดบนพื้น ปืนไรเฟิลวางทิ้งไว้ในกระสอบ
ขณะที่แม่ของเขาหายตัวไปอย่างลึกลับ
“เขาทำอะไรบางอย่างกับเธอ” นี่คือคำพูดของผู้ช่วย
“ใคร” นายอำเภอสงสัย
“เอ็ด เกน แม่บอกว่าเขาชอบมาเตร็ดเตร่แถวร้าน”
ต่อในคอมเม้นนะคะ ^^
ถลกหนังมนุษย์ มาทำเสื้อผ้า ฆาตกรจิตวิปลาส เอ็ด กีน l บันทึกลึกลับ
แต่เครื่องหนังที่ว่านี้ ไม่ใช่หนังจากสัตว์นะคะ แต่เป็นหนังมนุษย์!!
เรื่องราวจะเป็นยังไงนั่น ติดตามฟังกันในคลิปนี้ได้เลยคะ
ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับชายคนนี้กันก่อน..
Edward Theodore Gein (เอ็ด เกน) เกิดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1906
ที่เมืองลาคอรสส์ รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา
เขามีพี่ชายหนึ่งคน ซึ่งมีอายุมากกว่าเขาถึง 7 ปี
พ่อของเอ็ดเป็นช่างไม้ นายหน้าขายประกัน และคนฟอกหนัง
ที่มีหลายอาชีพเพราะพ่อของเอ็ดนั้นติดเหล้าอย่างหนัก
ทำงานได้ไม่นานก็ต้องเปลี่ยนงานใหม่อยู่เป็นประจำ
สร้างความลำบากให้กับครอบครัวอย่างมาก
แต่อย่างน้อยเขาก็ถ่ายทอดวิชาการฟอกหนังให้แก่เอ็ด
ซึ่งจะได้นำไปใช้ในการเก็บถนอมรักษาซากศพในเวลาต่อมา
แม่ของเอ็ดมาจากครอบครัวเคร่งศาสนา เธอเกลียดสามีมาก
แต่เพราะเป็นคนเคร่งศาสนามากๆ จึงไม่มีความคิดจะหย่า
ตอนตั้งท้องลูกคนที่ 2 เธอคิดว่าจะได้ลูกผู้หญิง .
แต่เมื่อเกิดมาเป็นเด็กผู้ชายที่ชื่อว่าเอ็ด
ผู้เป็นแม่ก็ตัดสินใจว่าจะเลี้ยงลูกแบบวิถีของตนเองโดยไม่แคร์สังคมภายนอกใดๆ ทั้งสิ้น เธอสอนลูกชายว่าโลกใบนี้คือสถานที่แห่งบาป
ผู้หญิงคือโสเภณี เป็นตัวแทนของปีศาจที่ผู้ชายไม่ควรข้องแวะด้วยเด็ดขาด ยกเว้นแม่
เอ็ดจึงเติบโตมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว โดยมีแม่ เป็นทั้งเพื่อนและครู
เอ็ดไม่สามารถมีเพื่อนผู้หญิงได้ นอกจาก “แม่”
เอ็ด เชื่อในคำสอนของแม่เสมอ และมองแม่เหมือนเป็นพระเจ้า
ในวัยเด็กของเอ็ด มี 1 ในความทรงจำที่ฝังใจมากที่สุด
คือ การที่เขาจ้องเข้าไปในโรงฆ่าสัตว์ของพ่อแม่
เอ็ด กล่าวภายหลังว่า การฆ่านั้นทำให้เขาคลื่นไส้จนเกือบจะเป็นลม
แต่ภาพที่แม่ของเขาสวมเสื้อกันเปื้อนเต็มเลือดและโคลนตอนนั้น มันช่างยิ่งใหญ่
ราวกับพระเจ้าที่เขาเคารพรักเลยแหละ
ตอนแรกครอบครัวเกนทำกิจการร้านขายของชำขนาดเล็ก
และในเวลาต่อมาครอบครัวเกนก็ตัดสินใจซื้อที่ดินทำฟาร์มเกษตรไว้นอกเมือง
เอ็ดกับพี่ชายมีโอกาสได้ออกไปข้างนอกแค่ตอนไปโรงเรียนเท่านั้น
เอ็ดเป็นเด็กขี้อาย อันเป็นผลจากการเลี้ยงลูกแบบเข้มงวดถึงขั้นครอบงำของแม่
เขาไม่ค่อยมีเพื่อน ชอบอ่านหนังสือมาก และเพราะเป็นคนเงียบขรึม
พูดน้อย บวกกับมีปัญหาสายตา ทำให้เขาโดนกลั่นแกล้งเป็นประจำ
นักจิตวิทยาเคยวิเคราะห์ว่า การเลี้ยงดูลูกที่ผิดปกติถึงขนาดบอกว่าเซ็กซ์เป็นบาป
ทำให้เอ็ดต้องรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนชั่วชีวิต ขณะที่การครอบงำจากแม่ทำให้เอ็ดมีปัญหาด้านพัฒนาการเติบโต
เพราะแม่เป็นเพียงผู้เดียวที่เขายึดถือ เอ็ดเริ่มสับสนในสภาวะเพศชายของตัวเอง
และเริ่มอยากเป็นผู้หญิง อยากเป็นแบบแม่ของตัวเอง แต่อีกมุม เขาก็สับสน อยากเป็นผู้ชาย มีภรรยา มีครอบครัวเหมือนคนทั่วไป
เฮนรี พี่ชายของเอ็ด มีความแตกต่างจาก เอ็ด ตรงที่ เฮนรีจะมีความเป็นลูกผู้ชาย
ไม่ติดแม่ เขาเป็นคนทำงานหนักและมีบุคลิกที่แข็งแกร่ง ที่สำคัญ เขาไม่ยอมฟังคำสั่งสอนของแม่
พี่ชายของเอ็ดเริ่มมีปากเสียงกับแม่มากขึ้นทุกวัน เขาด่าแม่ต่อหน้าเอ็ด
ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจพี่ชายตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะในความคิดของ เอ็ด นั้นแม่เป็นพระเจ้า
ต่อมาเมื่อพ่อของเอ็ดเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย แม่ก็สั่งให้ลูกทั้งสองคนเลิกไปโรงเรียน
แล้วมาทำงานในฟาร์มของครอบครัว เอ็ดจึงไม่ค่อยพบปะใคร และแทบจะไม่มีผู้หญิงผ่านเข้ามาให้รู้จักคำว่ารัก
ชีวิตเขามีแต่แม่และพี่ชายเท่านั้น และแม้พี่ชายของเอ็ดจะต้องออกจากโรงเรียน
แต่ก็ไม่โดนเลี้ยงแบบเข้มงวดมาก ทั้งสองทำงานเป็นช่างรับจ้างทั่วไป
ถึงคนในชุมชนจะมองว่าครอบครัวเกนแปลกประหลาดถึงขั้นเพี้ยนๆ แต่พวกเขาก็ทำงานรับจ้างได้อย่างเรียบร้อย
เอ็ด เกนไม่เคยเดินทางออกไปไกลจากเมือง ตลอดชีวิตเขาไปไกลจากบ้านเพียง 2 ครั้ง
หนึ่งในนั้นคือตอนเดินทางไปเข้ารับสมัครเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กองทัพไม่รับเพราะเขามีปัญหาสายตา
วันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1944 เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นในฟาร์มของครอบครัว
เจ้าหน้าที่ช่วยกันดับเพลิงก่อนพบร่างพี่ชายของเอ็ดสำลักควันตาย ศพถูกตีด้วยของแข็งที่หัว
แต่ทางการฟันธงไปว่าเป็นอุบัติเหตุ จึงไม่ได้สอบสวนต่อ ก่อนเกิดเหตุไฟไหม้
พี่ชายเอ็ดเปรยว่าจะออกไปอาศัยอยู่กับแม่ม่ายลูกติดเพื่อสานสัมพันธ์ความรัก
แน่นอนว่าแม่ของเขาไม่เห็นด้วย พี่ชายได้วิจารณ์ครอบครัวของตัวเองอย่างรุนแรง
จากนั้นไม่นานก็เกิดไฟไหม้ขึ้น เอ็ดให้การว่าเขาพยายามตามหาพี่แต่เพราะควันหนามากจึงหากันไม่เจอ
สุดท้ายเหลือเพียงแม่กับเอ็ดอาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน แต่อยู่กันได้ไม่นาน
หญิงชราผู้เคร่งศาสนาที่หวังเลี้ยงลูกชายตามความเชื่อก็ตายจาก
ทิ้งเอ็ดวัย 39 ปี อยู่ตัวคนเดียวเป็นครั้งแรกท่ามกลางไร่นาอันใหญ่โต
ช่วงนั้นเอง ที่เส้นทางการฆ่าของเอ็ดก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เอ็ด กีน ไม่มีญาติที่ไหนเลย แถมค่าใช้จ่ายบ้านก็หมดไปกับงานศพ
สัตว์เลี้ยงในฟาร์มก็ถูกนำไปขาย เขาตัดสินใจเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน
หรือไม่ก็ออกหางานเล็กๆน้อยๆทำ เพื่อหาเงินประทังชีวิต
มีหลายคนมองว่า เอ็ดเป็นคนประหลาด เขาเหมือนกระเทย แต่ก็ไม่ได้เป็นภัยอะไร
และในขณะเดียวกัน เอ็ดเริ่มสนใจร่างกายของเพศหญิงที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่เป็นความสนใจที่แปลกประหลาด สับสน แยกไม่ออกว่ามันเป็นความต้องการการทางเพศ
หรือความต้องการจะมีเรือนร่างแบบของผู้หญิงกันแน่
ในช่วงเวลาที่ เอ็ด กีน เริ่มใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว
เอ็ดเริ่มหาหนังสือที่เกี่ยวกับเรือนร่างของผู้หญิงมาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์,
สารานุกรม หรือแม้กระทั่งการทดลองของนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้กระตุ้นความปรารถนาในจิตใจของเอ็ดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
และ ภายหลังความตายของแม่ผ่านไปไม่นาน เอ็ด เกนกลับไปสุสานแล้วขุดเอากะโหลกแม่กลับมาไว้ที่บ้าน
เพื่อจะได้อ่านหนังสือให้ฟังทุกคืน เพื่อนบ้านต่างได้กลิ่นเหม็นเน่าจากบ้านของเอ็ด
แม้หลายคนจะเห็นว่าเอ็ดเป็นคนแปลก แต่ก็ยังจ้างงานให้ซ่อมรั้วบ้านตามปกติ
ช่วงนั้นเอ็ดตระเวนตามสุสานเพื่อหาหลุมศพหญิงสาวที่อายุใกล้เคียงกับแม่
แล้วลงมือขุดศพออกมาเพื่อลอกเอาหนังมาตัดเย็บทำเป็นชุดสูทผิวหนังผู้หญิง
บางครั้งก็ลอกผิวหน้ามาทำเป็นหน้ากาก เอ็ดจะเอาชุดที่ตัดเย็บเหล่านี้มาสวมเพื่อให้กลายเป็นผู้หญิง
บางครั้งก็ชำแหละชิ้นส่วนมาตัดเย็บ เพื่อที่ว่าพอพระจันทร์เต็มดวง จะได้นำซากศพเหล่านี้ไปเต้นรำที่สุสานอย่างสบายใจ
เอ็ดใช้เวลาไม่นานในการก้าวข้ามขั้นจากคนขโมยศพในสุสานสู่การเป็นนักฆ่า
ในปี 1951 จอน์เจีย เว็คเลอร์ เด็กหญิงวัย 8 ขวบ เธอหายตัวไประหว่างเดินทางกลับบ้าน
ทุกฝ่ายระดมกำลังค้นหาตัวหนูน้อย แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว เด็กหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ต่อมาในเดือน พฤศจิกายน ปีเดียวกันมีรายงานว่านายพราน 2 คน หายตัวไประหว่างล่าสัตว์
หลักฐานบ่งชี้ว่าทั้งสองน่าจะตกเป็นเหยื่อของเอ็ด
ปี 1953 อีเวนล์ ฮาร์ทเลย์ เด็กหญิงวัย 15 ปี ถูกลักพาตัวไปขณะทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หน้าต่างถูกงัด
มีร่องรอยการต่อสู้ และด้วยพฤติกรรมแปลกๆ ของเอ็ด ตำรวจจึงพาตัวเขาไปสอบปากคำ
ซึ่งชายคนนี้ได้ปฏิเสธความเกี่ยวข้อง ถึงแม้จะนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด
ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเด็กหญิงคนนี้หายไปไหน แต่คาดว่าน่าจะตกเป็นเหยื่อของเอ็ด เกน
ปีต่อมา ค.ศ. 1954 เอ็ดไปสนิทสนมกับ มารี โฮแกน หญิงเจ้าของบาร์วัย 54 ปี ซึ่งคล้ายแม่ของเขา
เพียงแต่เจ้าของบาร์รายนี้ดูเป็นคนปากเสีย พูดจาหยาบคาย วันหนึ่งเธอหายตัวไป เจ้าหน้าที่พบเลือดในบาร์
พร้อมปลอกกระสุนจำนวนหนึ่งตกอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน ตำรวจสอบปากคำเอ็ดอีกรอบ
เขาให้การว่าดื่มกับเธอจนบาร์ปิดแล้วก็กลับบ้านไป
ซึ่งเขาสารภาพในเวลาต่อมาว่า หลังดื่มเสร็จ เขาอาศัยจังหวะเจ้าของบาร์เผลอ
ควักปืนยิงที่ด้านหลัง ก่อนเอาศพขึ้นรถกระบะขับไปที่บ้าน ตัดหัวชำแหละร่างหญิงคนดังกล่าวอย่างชำนาญ
เจ้าของโรงสีข้าวเคยเล่าว่า ตอนที่เจ้าของบาร์หายตัวไปใหม่ๆ เขาเคยคุยกับเอ็ดที่บ้านของเอ็ด
จากนั้นอีกฝ่ายก็พูดออกมาว่า
“เธอไม่ได้หายไปไหน ก็อยู่ที่ฟาร์มนี่ไง”
ตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นเรื่องตลก แต่เอ็ดนำศพเจ้าของบาร์ไว้ที่บ้านของตัวเองในขณะนั้นจริงๆ
ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 1957 นายอำเภออาร์ต ชลีย์ (Art Schley) เดินทางมายังบ้านหลังหนึ่งพร้อมกับผู้ช่วย
ซึ่งไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ชลีย์เพิ่งไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นร้านขายของชำแห่งหนึ่ง
หลังจากได้รับแจ้งจากผู้ช่วยของเขาว่า แม่ของตัวเอง นางเบอร์นิส วอร์เดน (Bernice Worden) อายุ 58 ปี
ไม่ยอมมาเปิดร้านเสียที พอเปิดประตูเข้าไปกลับพบกองเลือดบนพื้น ปืนไรเฟิลวางทิ้งไว้ในกระสอบ
ขณะที่แม่ของเขาหายตัวไปอย่างลึกลับ
“เขาทำอะไรบางอย่างกับเธอ” นี่คือคำพูดของผู้ช่วย
“ใคร” นายอำเภอสงสัย
“เอ็ด เกน แม่บอกว่าเขาชอบมาเตร็ดเตร่แถวร้าน”
ต่อในคอมเม้นนะคะ ^^