การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นเรื่องง่ายๆ
ตั้งแต่คิดจะเปิดบัญชี ก็เปิดง่าย
โอนเงินเข้าบัญชีเพื่อซื้อขายก็ง่าย
หาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับบริษัทก็ง่าย
ซื้อก็ง่าย ขายก็ง่าย
กำไรก็ง่าย ขาดทุนก็ง่าย
ทุกอย่างดูง่ายไปหมด
แต่ที่ยากคือ ซื้อขายอย่างไรให้ได้กำไรมากกว่าขาดทุน
เปรียบเทียบกับการว่ายน้ำ
สระน้ำเราก็เข้าไปได้ง่ายๆ ลงน้ำก็ลงได้ง่ายๆ
ลงเดินไปเดินมาในน้ำ โผไปโผมาในน้ำตื้นก็ง่าย
แต่จะว่ายให้เป็นแบบจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งนั้นต้องฝึก
ไม่เช่นนั้นโผไปโผมา ถลำไปน้ำลึก ตะเกียกตะกายกลับไม่ทัน
อาจจมน้ำได้ แม้นไม่ถึงตายก็อาจบาดเจ็บสาหัส
เมื่อฝึกเป็นแล้วก็ใช่ว่าจะว่ายเก่ง ต้องฝึกไปเรื่อยๆ
คนที่มีพรสวรรค์ก็อาจว่ายได้เร็ว ฝึกได้เร็ว แต่ก็ต้องฝึก
ยี่งต้องการลงแข่งหรือแข่งกับตัวเองให้ทำเวลาได้เร็วขึ้น(กำไรมากขึ้น)
ก็ยิ่งต้องฝึกเป็นประจำสม่ำเสมอ
ต้องหาจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง
อาจลองหาเทคนิคใหม่ๆ และค่อยๆลองหากมีประสิทธิภาพก็นำมาใช้
แถมความเห็นเรื่อง time frame ในกราฟ (เป็นเพียงแค่ความเห็นนะครับ)
Tf สั้นหรือยาวดี จะสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรด และขึ้นกับจังหวะของหุ้นตัวนั้นๆ
Tf สั้นขึ้นเร็วลงเร็ว บางครั้งเร็วจนต้องคัทลอส
Tf ยาวขึ้นช้ากว่าลงช้ากว่า บางครั้งช้าจนจากกำไรกลายเป็นขาดทุน
Tf แต่ละ tf จะมีความสัมพันธ์กัน สัญญาณใน Tf สั้นจะเกิดขึ้นก่อนและจบก่อนเสมอ
ถ้าสังเกต ทฟ ( Tf ) จะเห็นว่ารอบในการขึ้นและจบรอบ ทฟ ยาวจะนานกว่า และรอบน้อยกว่า ทฟ สั้น
ดังนั้น ทฟ ยาว หากเป็นหุ้นดีที่เป็นขาขึ้นจริงๆจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
แต่ถ้าหุ้นไม่ดี และขึ้นเพื่อออกของหรืออะไรก็แล้วแต่ รอบจะสั้น
ราคาจะต่ำกว่าตอนซื้อเมื่อเกิดสัญญาณขาย (ขาดทุน อาจจะมากด้วย)
การที่ ทฟ สั้นจบรอบปรับตัวลง ขณะที่ ทฟ ยาว ยังไม่จบ (ช้ากว่า)
พิจารณาได้สองแบบ คือ ปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ หรือ จบรอบ
โดยจะ sideway down เพื่อดึง ทฟ ยาว ให้เกิดสัญญาณขาย (แต่จะลงมาก หรือน้อย แล้วแต่)
กลับกัน กรณีที่ ทฟ ยาวลงอยู่ ทฟ สั้นมีสัญญาณซื้อเกิดขึ้น นั่นคือการ rebound
ถ้า rebound แล้ว sideway up จน ทฟ ยาวขึ้นด้วยก็เป็นการกลับตัวเป็นขาขึ้น (ขึ้นมากหรือน้อยแล้วแต่)
ในบางครั้ง การปรับขึ้นหรือลงอย่างกระทันหันทำให้สัญญาณเปลี่ยนข้าง
การปรับลงอาจไม่นานและเกิดสัญญาณเปลี่ยนข้างใหม่ ก็เป็นได้
สรุป เป็นเพียงแค่ความเห็นหนึ่งนะครับ และก็อาจจะอ่านไม่รู้เรื่องก็เป็นได้ 555
การลงทุนเป็นเรื่องง่าย
ตั้งแต่คิดจะเปิดบัญชี ก็เปิดง่าย
โอนเงินเข้าบัญชีเพื่อซื้อขายก็ง่าย
หาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับบริษัทก็ง่าย
ซื้อก็ง่าย ขายก็ง่าย
กำไรก็ง่าย ขาดทุนก็ง่าย
ทุกอย่างดูง่ายไปหมด
แต่ที่ยากคือ ซื้อขายอย่างไรให้ได้กำไรมากกว่าขาดทุน
เปรียบเทียบกับการว่ายน้ำ
สระน้ำเราก็เข้าไปได้ง่ายๆ ลงน้ำก็ลงได้ง่ายๆ
ลงเดินไปเดินมาในน้ำ โผไปโผมาในน้ำตื้นก็ง่าย
แต่จะว่ายให้เป็นแบบจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งนั้นต้องฝึก
ไม่เช่นนั้นโผไปโผมา ถลำไปน้ำลึก ตะเกียกตะกายกลับไม่ทัน
อาจจมน้ำได้ แม้นไม่ถึงตายก็อาจบาดเจ็บสาหัส
เมื่อฝึกเป็นแล้วก็ใช่ว่าจะว่ายเก่ง ต้องฝึกไปเรื่อยๆ
คนที่มีพรสวรรค์ก็อาจว่ายได้เร็ว ฝึกได้เร็ว แต่ก็ต้องฝึก
ยี่งต้องการลงแข่งหรือแข่งกับตัวเองให้ทำเวลาได้เร็วขึ้น(กำไรมากขึ้น)
ก็ยิ่งต้องฝึกเป็นประจำสม่ำเสมอ
ต้องหาจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง
อาจลองหาเทคนิคใหม่ๆ และค่อยๆลองหากมีประสิทธิภาพก็นำมาใช้
แถมความเห็นเรื่อง time frame ในกราฟ (เป็นเพียงแค่ความเห็นนะครับ)
Tf สั้นหรือยาวดี จะสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรด และขึ้นกับจังหวะของหุ้นตัวนั้นๆ
Tf สั้นขึ้นเร็วลงเร็ว บางครั้งเร็วจนต้องคัทลอส
Tf ยาวขึ้นช้ากว่าลงช้ากว่า บางครั้งช้าจนจากกำไรกลายเป็นขาดทุน
Tf แต่ละ tf จะมีความสัมพันธ์กัน สัญญาณใน Tf สั้นจะเกิดขึ้นก่อนและจบก่อนเสมอ
ถ้าสังเกต ทฟ ( Tf ) จะเห็นว่ารอบในการขึ้นและจบรอบ ทฟ ยาวจะนานกว่า และรอบน้อยกว่า ทฟ สั้น
ดังนั้น ทฟ ยาว หากเป็นหุ้นดีที่เป็นขาขึ้นจริงๆจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
แต่ถ้าหุ้นไม่ดี และขึ้นเพื่อออกของหรืออะไรก็แล้วแต่ รอบจะสั้น
ราคาจะต่ำกว่าตอนซื้อเมื่อเกิดสัญญาณขาย (ขาดทุน อาจจะมากด้วย)
การที่ ทฟ สั้นจบรอบปรับตัวลง ขณะที่ ทฟ ยาว ยังไม่จบ (ช้ากว่า)
พิจารณาได้สองแบบ คือ ปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ หรือ จบรอบ
โดยจะ sideway down เพื่อดึง ทฟ ยาว ให้เกิดสัญญาณขาย (แต่จะลงมาก หรือน้อย แล้วแต่)
กลับกัน กรณีที่ ทฟ ยาวลงอยู่ ทฟ สั้นมีสัญญาณซื้อเกิดขึ้น นั่นคือการ rebound
ถ้า rebound แล้ว sideway up จน ทฟ ยาวขึ้นด้วยก็เป็นการกลับตัวเป็นขาขึ้น (ขึ้นมากหรือน้อยแล้วแต่)
ในบางครั้ง การปรับขึ้นหรือลงอย่างกระทันหันทำให้สัญญาณเปลี่ยนข้าง
การปรับลงอาจไม่นานและเกิดสัญญาณเปลี่ยนข้างใหม่ ก็เป็นได้
สรุป เป็นเพียงแค่ความเห็นหนึ่งนะครับ และก็อาจจะอ่านไม่รู้เรื่องก็เป็นได้ 555