JJNY : PM2.5สูงขึ้น6-9 ธ.ค.│‘หมอธีระ’หวั่น‘กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้’│ติดเชื้อโอไมครอนอังกฤษพุ่ง│ชี้ธปท.อย่ากังวลคริปโตเกิน

ศกพ. ประกาศเตือน ฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้น 6-9 ธ.ค. พื้นที่ กรุงเทพ-ปริมณฑล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6768035
 
 
ศกพ. ประกาศเตือน ฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้น 6-9 ธ.ค. พื้นที่ กรุงเทพ-ปริมณฑล แนะประชาชนระวังสุขภาพ ของดเผาในที่โล่ง-ใช้รถเท่าที่จำเป็น 
    
วันที่ 5 ธ.ค.64 เฟซบุ๊กเพจ ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ โพสต์ข้อความแจ้งเตือนประชาชนเรื่องฝุ่นละออง Pm 2.5 ความว่า ศกพ.ประกาศแจ้งเตือน PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นวันที่ 6-9 ธ.ค. 64
 
ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) รายงานคุณภาพอากาศวันที่ 5 ธันวาคม 2564 ปริมาณ PM2.5 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตรวจพบอยู่ในช่วง 25-48 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร(มกค./ลบ.ม.) อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ (มาตรฐานไม่เกิน 50 มกค./ลบ.ม.) แต่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากวันก่อนหน้า
 
ศกพ. คาดการณ์ปริมาณ PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีแนวโน้มสูงขึ้นระหว่างวันที่ 6-9 ธันวาคม 2564 ดังนั้น เพื่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ศกพ. ขอความร่วมมืองดการเผาในที่โล่ง ใช้รถเท่าที่จำเป็น เฝ้าระวังรักษาสุขภาพอนามัย และตรวจสอบคุณภาพอากาศจาก Air4Thai ก่อนออกจากบ้าน
 
หากท่านอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณ PM2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือ พื้นที่สีส้ม ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง และหากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
 
โดยท่านสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง และแบบค่าเฉลี่ยราย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com หรือทางแอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK ท่านยังสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์คุณภาพอากาศผ่านทาง Facebook Fanpage “ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)”
 

 
‘หมอธีระ’ จับตา ‘โอไมครอน’ แนะพบอะไรน่าสงสัยให้บอกทุกคนโดยเร็ว หวั่นเกิด ‘กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้’
https://www.matichon.co.th/covid19/news_3073922
 
‘หมอธีระ’ จับตา ‘โอไมครอน’ แนะพบอะไรน่าสงสัยให้บอกทุกคนโดยเร็ว หวั่นเกิด ‘กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้’
 
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุทางเฟซบุ๊กเทียบเคียงการดูแลผู้ป่วยกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เมื่อหากเกิด “สิ่งน่าสงสัย” ให้แจ้งทุกคนทราบถึงข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อการวางแผนดำเนินการในขั้นตอนต่อไปว่า เวลาดูแลผู้ป่วยแล้วตรวจพบอะไรแปลกๆ น่าสงสัย หรือมีความเป็นไปได้ว่าอาจไม่ดี ส่วนตัวแล้วจะรีบแจ้งผู้ป่วยให้ทราบรายละเอียดที่มีอยู่ เพื่อให้มีสติ รู้เท่าทันสถานการณ์ รู้โอกาสและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น รู้ถึงแผนการที่จะดำเนินการต่อไปว่าจะตรวจเชิงลึกอะไรบ้าง ใช้เวลาเท่าใด และอื่นๆ
 
รศ.นพ.ธีระกล่าวว่า เท่าที่ทำเวชปฏิบัติมาหลายสิบปี แนวทางข้างต้นก็ได้การตอบรับที่ดี เพราะทุกคนมีส่วนร่วมในการรับรู้ และตัดสินใจร่วมกัน ช่วงหนึ่งของชีวิตการทำงานด้านการสาธารณสุข การควบคุมป้องกันและดูแลเรื่องโรคเอดส์ การมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายก็ถือเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จในสังคมไทย
 
“ปัจจุบันเรื่องโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘โอไมครอน’ ก็ควรทำเช่นเดียวกัน การพบอะไรที่น่าสงสัย มีความเป็นไปได้ ก็ควรยก Red flag และบอกกล่าวเล่าแจ้งให้ทุกคนทราบถึงข้อมูลที่มี ที่สงสัย โดยเร็วที่สุดย่อมจะดีกว่า เฉกเช่นเดียวกับนานาประเทศที่มีรายงานทั้งเคสที่ยืนยันแล้ว และที่สงสัยหรือเป็นไปได้
 
“วิกฤตหนักๆ ระดับโลกเช่นนี้นั้นต้องระวังให้ดี และป้องกันไม่ให้เกิดปรากฏการณ์ ‘กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้'”
 


ยอดติดเชื้อโอไมครอนที่อังกฤษพุ่ง 160 ราย เตือนระวังหลังคริสตมาสพุ่งเกินหมื่น
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3073752

ยอดติดเชื้อโอไมครอนที่อังกฤษพุ่ง 160 ราย เตือนระวังหลังคริสตมาสพุ่งเกินหมื่น
 
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานความมั่นคงสาธารณสุขอังกฤษ แถลงว่า ตรวจสอบพบ ผู้ติดเชื้อโอไมครอน เพิ่มเติมอีก 26 รายทั่ว สหราชอาณาจักร โดยในจำนวนนี้ 25 รายอยู่ภายในอังกฤษ ซึ่งทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโอไมครอนในประเทศอังกฤษ เพิ่มเป็น 160 รายแล้ว
ในขณะที่ คณะทำงานกรณีฉุกเฉินด้านสาธารณสุขแห่งชาติของอังกฤษ ทำเอกสารเสนอต่อรัฐบาลอังกฤษ เตือนว่า หากโอไมครอนกลายเป็นเชื้อที่ครอบงำการแพร่ระบาดในอังกฤษแทนที่เดลต้า อาจส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 รายวันเพิ่มขึ้นเกินกว่า 15,000 รายต่อวันหลังพ้นเทศกาลคริสตมาสที่จะถึงนี้
 
ในจดหมายดังกล่าวระบุว่า สาเหตุหลักที่ส่งผลให้ยอดติดเชื้อพุ่งขึ้นมหาศาลดังกล่าวเป็นเพราะ เกิดการรวมตัวกันของผู้คนมากขึ้นในช่วงเทศกาลเมื่อบวกกับความสามารถในการแพร่ระบาดของโอไมครอน “ก็จะก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างจริงจังที่ไม่สามารถประเมินปริมาณและระดับได้” ขึ้นตามมา โดยย้ำว่าความเป็นไปได้ดังกล่าวคือ “ความท้าทายที่ร้ายแรง” ของรัฐบาลในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่