สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
ผมเองไม่ทราบเรื่องของพิมรี่ พาย มากนัก เรียกว่าแทบจะไม่ได้สนใจเลย
เอาเรื่องที่พอรู้ น่าจะคล้ายๆกัน คือ เจ้เล้ง
เจ้เล้ง เคยขายเครื่องสำอาง น้ำหอม หิ้วมาจากนแกตัดราคาของในห้าง แล้วดันขายดี
บรรดาบริษัทขายของแบรนด์ หาวิธีรับมือกับเจ้เล้ง ทำไงก้ไม่ได้ แจ้งศุลกากรไปจับ ก้ จะมีคนโทรไปเตือน และจับไม่ได้หรือได้นิดๆหน่อยๆ
ในเมื่อรบด้วยไม่ได้ก็เอามาเป็นพวกเลย ด้วยการไปให้เจ้เล้งเป็นเอเย่นต์ สินต้าพวกนี้ มาร์จิ้นมันเยอะมาก
เจ้เล้ง ลดกำไรลง ก็ขายราคาถูกกว่าในห้างด้วย และหมดปัญหาขายของหนีภาษีด้วย เอเย่นต์แบรนเนมก็ได้ยอด
แต่หลังๆ เจ้เล้ง ไปเป็นเอเย่นต์ คสอ เองเลย เพราะ มีคาริสม่า แนะนำสินค้าที่ไม่มีชื่อเสียงเท่าไหร่ ก็มีคนเชื่อ
ผมคิดว่า พิมรี่ พาย ก็คือเจ้เล้ง เวอร์ชั่น ใหม่ และคง เดินไปทางเดียวกัน แต่ หวือหวากว่า มีการสร้างดราม่าประกอบมากมาย
แต่ ทุกคนต้องจำไว้เรื่องหนึ่ง
พิมรี่ พาย ขายของเอากำไร ไม่ใช่มูลนิธิ
เอาเรื่องที่พอรู้ น่าจะคล้ายๆกัน คือ เจ้เล้ง
เจ้เล้ง เคยขายเครื่องสำอาง น้ำหอม หิ้วมาจากนแกตัดราคาของในห้าง แล้วดันขายดี
บรรดาบริษัทขายของแบรนด์ หาวิธีรับมือกับเจ้เล้ง ทำไงก้ไม่ได้ แจ้งศุลกากรไปจับ ก้ จะมีคนโทรไปเตือน และจับไม่ได้หรือได้นิดๆหน่อยๆ
ในเมื่อรบด้วยไม่ได้ก็เอามาเป็นพวกเลย ด้วยการไปให้เจ้เล้งเป็นเอเย่นต์ สินต้าพวกนี้ มาร์จิ้นมันเยอะมาก
เจ้เล้ง ลดกำไรลง ก็ขายราคาถูกกว่าในห้างด้วย และหมดปัญหาขายของหนีภาษีด้วย เอเย่นต์แบรนเนมก็ได้ยอด
แต่หลังๆ เจ้เล้ง ไปเป็นเอเย่นต์ คสอ เองเลย เพราะ มีคาริสม่า แนะนำสินค้าที่ไม่มีชื่อเสียงเท่าไหร่ ก็มีคนเชื่อ
ผมคิดว่า พิมรี่ พาย ก็คือเจ้เล้ง เวอร์ชั่น ใหม่ และคง เดินไปทางเดียวกัน แต่ หวือหวากว่า มีการสร้างดราม่าประกอบมากมาย
แต่ ทุกคนต้องจำไว้เรื่องหนึ่ง
พิมรี่ พาย ขายของเอากำไร ไม่ใช่มูลนิธิ
ความคิดเห็นที่ 31
ผมไม่ได้ตามนาง ไม่ค่อยสนใจด้วย เห็นข่าวบ้าง เรื่องต้นทุนผมก็ไม่ทราบ
แต่ที่แน่ๆ เขาเข้าใจจิตวิทยาการจูงใจ เข้าใจการตลาดอย่างดี
อย่างตอน ขายน้ำแถม atk ถามว่าน้ำขวดเท่าไร atk ตอนนั้นหายากมาก ดูเจตนาก็รู้ว่าขายอะไร นี่คือกลยุทธการขาย
และด้วยการไลฟ์ขาย เราไม้รู้ว่ามีหน้าม้าไหม แต่ด้วยการพูดสไตล์แม่ค้า ต้องปิดการขายให้ได้เร็ว ดูเหมือนแย่งกันซื้อ บวกราคาไม่แพง โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบหลงกลการตลาด เห็นของถูกไม่ได้ กลัวหมด ต้องรีบซื้อ ไม่มีเวลากลับไปนั่งคิด ยิ่งตกเป็นทาสวิธีการขายแบบนี้ ยอดมันเลยพุ่ง
ประเด็นอยู่ที่ การคุ้มครองผู้บริโภค และกฎหมาย อย่างกรณี atk โกยกำไรไปเท่าไร อย่างน้อยโทษเอาผิด/ปรับ ก็น้อยกว่ากำไรที่นางได้ไปแน่นอน พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ถึงไม่ค่อยกลัวตรงนี้ ยิ่งยอดขายปังๆ กำไรเยอะๆ นะ จ้างทนายดีๆ สู้คดีสบาย
บางทีผมอยากให้แก้กฎหมายอะไรก็ตามที่มีความเสียหายเกี่ยวข้องเป็นตัวเงิน ไม่ว่าจะเป็น การโกง การยักยอกทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือเล็ก หรือเป็นคนธรรมดา โทษปรับอย่างน้อยต้องเท่ากับมูลค่าความเสียหาย สูงสุดคือ 10 เท่า
เช่น โกงเงินเด็กขายไอโฟน โทษปรับอย่างน้อย คือมูลค่าไอโฟน หรือสูงสุด 10 เท่า + ค่าฟ้องร้อง + ค่าเสียเวลา
หรือ ปั่นหุ้น มูลค่าความเสียหาย 100 ล้าน โทษปรับอย่างน้อยก็ 100 ล้าน หรือสูงสุด 10 เท่า
ถ้าแก้กฎหมายได้ คนโกงจะน้อยลง โทษปรับหลักพันหลักหมื่น คนไม่กลัวหรอก อัตราการโดนปรับสูงสุด ก็หลักแสน บางครั้งไม่คุ้มกับที่เสียหายจริงด้วยซ้ำ
แต่ที่แน่ๆ เขาเข้าใจจิตวิทยาการจูงใจ เข้าใจการตลาดอย่างดี
อย่างตอน ขายน้ำแถม atk ถามว่าน้ำขวดเท่าไร atk ตอนนั้นหายากมาก ดูเจตนาก็รู้ว่าขายอะไร นี่คือกลยุทธการขาย
และด้วยการไลฟ์ขาย เราไม้รู้ว่ามีหน้าม้าไหม แต่ด้วยการพูดสไตล์แม่ค้า ต้องปิดการขายให้ได้เร็ว ดูเหมือนแย่งกันซื้อ บวกราคาไม่แพง โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบหลงกลการตลาด เห็นของถูกไม่ได้ กลัวหมด ต้องรีบซื้อ ไม่มีเวลากลับไปนั่งคิด ยิ่งตกเป็นทาสวิธีการขายแบบนี้ ยอดมันเลยพุ่ง
ประเด็นอยู่ที่ การคุ้มครองผู้บริโภค และกฎหมาย อย่างกรณี atk โกยกำไรไปเท่าไร อย่างน้อยโทษเอาผิด/ปรับ ก็น้อยกว่ากำไรที่นางได้ไปแน่นอน พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ถึงไม่ค่อยกลัวตรงนี้ ยิ่งยอดขายปังๆ กำไรเยอะๆ นะ จ้างทนายดีๆ สู้คดีสบาย
บางทีผมอยากให้แก้กฎหมายอะไรก็ตามที่มีความเสียหายเกี่ยวข้องเป็นตัวเงิน ไม่ว่าจะเป็น การโกง การยักยอกทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือเล็ก หรือเป็นคนธรรมดา โทษปรับอย่างน้อยต้องเท่ากับมูลค่าความเสียหาย สูงสุดคือ 10 เท่า
เช่น โกงเงินเด็กขายไอโฟน โทษปรับอย่างน้อย คือมูลค่าไอโฟน หรือสูงสุด 10 เท่า + ค่าฟ้องร้อง + ค่าเสียเวลา
หรือ ปั่นหุ้น มูลค่าความเสียหาย 100 ล้าน โทษปรับอย่างน้อยก็ 100 ล้าน หรือสูงสุด 10 เท่า
ถ้าแก้กฎหมายได้ คนโกงจะน้อยลง โทษปรับหลักพันหลักหมื่น คนไม่กลัวหรอก อัตราการโดนปรับสูงสุด ก็หลักแสน บางครั้งไม่คุ้มกับที่เสียหายจริงด้วยซ้ำ
ความคิดเห็นที่ 83
ตัดเรื่องเตี๊ยม หรือ ไม่เตี๊ยมไปก่อนนะครับ
1 กล่องสุ่ม 1 แสน แต่คนที่ได้บางคน ได้เกิน 3 แสน บางคนได้เกิน 2 แสน บางคนได้แสนต้นๆ อันนี้คือราคาตลาดถูกต้องไหมครับ
2 ราคาตลาดที่ว่า พิมรี่พายไม่ได้ซื้อมาในราคาตลาดแน่นอน แต่คิดว่าได้มาในราคาส่ง เช่น
คนที่ได้ของมูลค่า 3 แสน พิมรี่พายอาจลงทุนไป 1.5 แสน
คนที่ได้ของมูลค่า 2 แสนอาจลงทุนแค่ 1 แสน
คนที่ได้ของมูลค่า 1 แสนกว่าๆ อาจลงทุนแค่ 0.5 แสน
ดังนั้น ถัวเฉลี่ย ก็ไม่ได้ขาดทุนมาก หรือถ้าขาดทุนก็คงไม่มาก
3 พิมรี่พายได้ระบายของที่ขายออกช้า ในการสุ่ม ก็ระบายออก ดีกว่าสต็อคไว้เยอะๆ ค่าดูแล ค่าคลัง ค่าเสื่อมมันก็เดินทุกวัน ดังนั้นเวลาสุ่ม ก็ช่วยให้ระบายของได้ดีเลยทีเดียว
4 พิมรี่พายได้การตลาดที่มีมูลค่า มหาศาล ในราคาที่ถูกมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้คืนมา ถ้าเราไปเช่าเวลาในทีวี อาจทำการตลาดได้ไม่ดีเท่า ปากต่อปาก
5 ดีลล็อตใหญ่ ราคาทุนอาจได้ถูกลงกว่านี้
ดังนั้น ขาดทุนไหม ไม่ทราบ แต่ถามว่าได้อะไรกลับมาบ้าง ที่ได้แน่ๆเลยคือ
- ระบายของ
- Marketing
- ชื่อเสียง และเครดิต จะดีลกับใครก็ง่ายละ เพราะคนรู้จักบานเบอะ
หลายคนบอก ก็มันการตลาด ก็ทำเพื่อเงิน ก็ทำเพราะหวังอะไรกับมา
พิมรี่พายคือแม่ค้า และตอนนี้กลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ไปแล้ว เค้าทำทุกอย่างเพื่อธุรกิจของเค้าอะถูกแล้ว
แต่การที่เค้าเอาการช่วยเหลือคน มารวมกับงานได้ และทั้งงานและการช่วยเหลือ มันโตไปด้วยกันได้ ผมว่าตรงนี้คือมีประโยชน์มาก
ถ้าใครบอกว่านี่คือการตลาด ผมก็อยากสนับสนุนนะ แบบช่วยคนเป็นคอนเทนต์ไปเลย ยิ่งรวยมาก ยิ่งทำคอนเทนต์ช่วยคนมาก
แบบช่วยจริงๆอะ ถึงรวยร้อยล้าน จะช่วยแค่ แสนเดียวก็ยังดี แต่ขอให้ทำเถอะ
แต่ถ้าเอาแต่พูดว่า มันคือการตลาด มันคือการทำเพื่อตัวเอง มันคือการทำเพื่อนนั่น เพื่อนี่ แต่ตัวเองไม่เคยทำเพื่อใคร ผมว่านิ่งๆไว้ดีกว่าครับ
สำหรับผม พิมรี่พายไม่ใช่คนเลวและไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่ที่แน่ๆ ...พิมรี่พายคือคนเก่ง
1 กล่องสุ่ม 1 แสน แต่คนที่ได้บางคน ได้เกิน 3 แสน บางคนได้เกิน 2 แสน บางคนได้แสนต้นๆ อันนี้คือราคาตลาดถูกต้องไหมครับ
2 ราคาตลาดที่ว่า พิมรี่พายไม่ได้ซื้อมาในราคาตลาดแน่นอน แต่คิดว่าได้มาในราคาส่ง เช่น
คนที่ได้ของมูลค่า 3 แสน พิมรี่พายอาจลงทุนไป 1.5 แสน
คนที่ได้ของมูลค่า 2 แสนอาจลงทุนแค่ 1 แสน
คนที่ได้ของมูลค่า 1 แสนกว่าๆ อาจลงทุนแค่ 0.5 แสน
ดังนั้น ถัวเฉลี่ย ก็ไม่ได้ขาดทุนมาก หรือถ้าขาดทุนก็คงไม่มาก
3 พิมรี่พายได้ระบายของที่ขายออกช้า ในการสุ่ม ก็ระบายออก ดีกว่าสต็อคไว้เยอะๆ ค่าดูแล ค่าคลัง ค่าเสื่อมมันก็เดินทุกวัน ดังนั้นเวลาสุ่ม ก็ช่วยให้ระบายของได้ดีเลยทีเดียว
4 พิมรี่พายได้การตลาดที่มีมูลค่า มหาศาล ในราคาที่ถูกมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้คืนมา ถ้าเราไปเช่าเวลาในทีวี อาจทำการตลาดได้ไม่ดีเท่า ปากต่อปาก
5 ดีลล็อตใหญ่ ราคาทุนอาจได้ถูกลงกว่านี้
ดังนั้น ขาดทุนไหม ไม่ทราบ แต่ถามว่าได้อะไรกลับมาบ้าง ที่ได้แน่ๆเลยคือ
- ระบายของ
- Marketing
- ชื่อเสียง และเครดิต จะดีลกับใครก็ง่ายละ เพราะคนรู้จักบานเบอะ
หลายคนบอก ก็มันการตลาด ก็ทำเพื่อเงิน ก็ทำเพราะหวังอะไรกับมา
พิมรี่พายคือแม่ค้า และตอนนี้กลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ไปแล้ว เค้าทำทุกอย่างเพื่อธุรกิจของเค้าอะถูกแล้ว
แต่การที่เค้าเอาการช่วยเหลือคน มารวมกับงานได้ และทั้งงานและการช่วยเหลือ มันโตไปด้วยกันได้ ผมว่าตรงนี้คือมีประโยชน์มาก
ถ้าใครบอกว่านี่คือการตลาด ผมก็อยากสนับสนุนนะ แบบช่วยคนเป็นคอนเทนต์ไปเลย ยิ่งรวยมาก ยิ่งทำคอนเทนต์ช่วยคนมาก
แบบช่วยจริงๆอะ ถึงรวยร้อยล้าน จะช่วยแค่ แสนเดียวก็ยังดี แต่ขอให้ทำเถอะ
แต่ถ้าเอาแต่พูดว่า มันคือการตลาด มันคือการทำเพื่อตัวเอง มันคือการทำเพื่อนนั่น เพื่อนี่ แต่ตัวเองไม่เคยทำเพื่อใคร ผมว่านิ่งๆไว้ดีกว่าครับ
สำหรับผม พิมรี่พายไม่ใช่คนเลวและไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่ที่แน่ๆ ...พิมรี่พายคือคนเก่ง
แสดงความคิดเห็น
ทำไมพิมรี่พาย ถึงได้ขายของได้ราคาถูกขนาดนั้นครับ
นางบอกเลิกขายของปลอมนานแล้ว
แต่ตอนนี้นางดังมากๆ ยอดซื้อคือเยอะมากๆ ไม่มีทางของปลอมแน่นอน พวกนาฬิกา น้ำหอม เครื่องสำอางค์ บางทีราคาถูกกว่าท้องตลาดครึ่งๆเลย ในดิวตี้ฟรีบางทีก็ยังแพงกว่า
แล้วของแท้หมดด้วยคับ