เคยบ้างไหม
รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ซื้อหุ้น แล้วมันขึ้น
เห็นหุ้นลงหนักแล้วไม่กล้าซื้อ พอมันดีดกลับก็เสียดาย
แต่พอซื้อมันกลับลงต่อ
กำไรแล้วไม่ขาย แล้วหุ้นกลับลงจนขาดทุน
แต่หากขาย มันขึ้นต่อ จนต้องบอกว่าขายหมูทั้งๆที่ขายหุ้น
ขาดทุนเล็กน้อยยอมขายแล้วมันขึ้น
แต่พอไม่ขายแล้วลงต่อจนตัดใจขายไม่ลง
สุดท้ายเห็นมันทำท่าจะลงต่อ เลยกัดฟันขาย
พอขายเสร็จมันลงต่อ แต่ยังไม่ทันซื้อมันเด้งขึ้นเกินกว่าราคาที่ขาย
จะซื้อกลับก็กลัวมันลง สุดท้ายเด้งกับไปถึงต้นทุนที่ซื้อ บางครั้งเลยไปอีกไกล
หุ้นจะขึ้น ก็จะหลอกให้เราขาย
หุ้นจะลงก็จะหลอกให้เราซื้อ
ต้องอย่าให้มันหลอกเราสำเร็จ
การที่จะไม่ให้มันหลอกเราได้สำเร็จ
ก็ต้องเรียนรู้ที่จะรู้จุดซื้อ และจุดขายที่แน่นอน
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด fundamental หรือ technical
ต้องหาวิธีกำหนดให้ตายตัวว่า ซื้อตรงไหน ขายเมื่อไหร่
มองรอบของการขึ้นลงให้ได้
จุดซื้อไม่จำเป็นต้องเป็นราคาต่ำสุด จุดขายก็ไม่จำเป็นต้องสูงสุด
ซื้อแล้วขึ้นเป็นใช้ได้ ขายมีกำไร จะขึ้นต่อก็ไม่ต้องกังวล รอรอบใหม่ได้
อย่าให้เวลาได้กำไร กำไรน้อย แต่เวลาขาดทุนขาดทุนเยอะ
อย่าให้การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นหลอกเราให้ตกใจซื้อหรือขาย
รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ซื้อหุ้น แล้วมันขึ้น
เห็นหุ้นลงหนักแล้วไม่กล้าซื้อ พอมันดีดกลับก็เสียดาย
แต่พอซื้อมันกลับลงต่อ
กำไรแล้วไม่ขาย แล้วหุ้นกลับลงจนขาดทุน
แต่หากขาย มันขึ้นต่อ จนต้องบอกว่าขายหมูทั้งๆที่ขายหุ้น
ขาดทุนเล็กน้อยยอมขายแล้วมันขึ้น
แต่พอไม่ขายแล้วลงต่อจนตัดใจขายไม่ลง
สุดท้ายเห็นมันทำท่าจะลงต่อ เลยกัดฟันขาย
พอขายเสร็จมันลงต่อ แต่ยังไม่ทันซื้อมันเด้งขึ้นเกินกว่าราคาที่ขาย
จะซื้อกลับก็กลัวมันลง สุดท้ายเด้งกับไปถึงต้นทุนที่ซื้อ บางครั้งเลยไปอีกไกล
หุ้นจะขึ้น ก็จะหลอกให้เราขาย
หุ้นจะลงก็จะหลอกให้เราซื้อ
ต้องอย่าให้มันหลอกเราสำเร็จ
การที่จะไม่ให้มันหลอกเราได้สำเร็จ
ก็ต้องเรียนรู้ที่จะรู้จุดซื้อ และจุดขายที่แน่นอน
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด fundamental หรือ technical
ต้องหาวิธีกำหนดให้ตายตัวว่า ซื้อตรงไหน ขายเมื่อไหร่
มองรอบของการขึ้นลงให้ได้
จุดซื้อไม่จำเป็นต้องเป็นราคาต่ำสุด จุดขายก็ไม่จำเป็นต้องสูงสุด
ซื้อแล้วขึ้นเป็นใช้ได้ ขายมีกำไร จะขึ้นต่อก็ไม่ต้องกังวล รอรอบใหม่ได้
อย่าให้เวลาได้กำไร กำไรน้อย แต่เวลาขาดทุนขาดทุนเยอะ