GIGABYTE เป็นแบรนด์ที่หลายๆคนอาจจะคุ้ยเคยกันในแง่ของ การ์ดจอ เป็นหลักแต่หลายๆคนอาจจะไม่ทราบกันว่าเค้ามาลุยตลาด Gaming Notebook กันแล้วนะและบอกเลยว่ายังคงโดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพ และการปรับแต่ง อัปเกรดที่หลากหลายเลยทีเดียวแหละ ซึ่งถือว่าเป็นค่ายที่ลุยหลายๆอย่างมากขึ้นและทำได้ดีในหลายๆส่วนเช่นกันครับ ในครั้งนี้เลยมาอยู่ใน Gaming Notebook ในรุ่น G5 ซึ่งจะมีทั้ง 2 รุ่นย่อยคือ G5 MD และ G5 KC นั้นเองซึ่งลงมาลุยตลาดที่เริ่มต้น จับต้องได้ง่ายเน้นสเปกที่แรงและสามารถอัปเกรดได้อิสระรวมถึง การันตีด้วยความเป็นแบรนด์ผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ระดับโลก และเรื่องรับประกันเองนั้นจะเป็นทาง Synnex, SVOA สบายใจได้ครับ
GIGABYTE G5 MD นั้นจะมาพร้อมกับ Intel Core i5-11400H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.7-4.5 GHz การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti Max-Q และให้แรมมา 16GB DDR4 3200MHz พร้อมกับ SSD 512 GB M.2 NVMe ใช้งาน หน้าจอ 15.6 นิ้ว Full HD IPS ค่า Refresh Rate 144 Hz ทางด้านเชื่อมต่อไร้สายรองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ส่วนเรื่องของการอัปเกรดจริงๆน่าสนใจและถือว่าเยอะมากกว่าคู่แข่งตัวอื่นๆเพราะ มีช่องอัปเกรด SSD ได้ถึง 3 ช่อง เป็นช่องแบบ M.2 NVMe PCIe 4.0 x 2 ช่องขนาด 2.5″ SATA III SSD อีก 1 ช่อง รองรับความจุรวมสูงสุดถึง 6TB และมาพร้อมระบบเสียง DTS-X และ ลำโพงคู่ รวมถึง All-zone Backlit Keyboard เปลี่ยนสีได้ ถือว่าภาพรวมค่อนข้างครบ และยังมี ในรุ่นย่อย G5 KC นั้นจะมาพร้อมกับ Intel Core i5-10500H NVIDIA GeForce RTX 3060 ที่แตกต่างกันส่วนสเปกอื่นๆนั้นจะเหมือนกันทั้งหมดเลยนั้นเองครับ ส่วนทางด้านราคาเองนั้นจะต่างกันแค่ 4,000 บาทเท่านั้น
PRICE
- GIGABYTE G5 MD – Intel Core i5-11400H NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti Max-Q
ราคา 35,990 บาท
- GIGABYTE G5 KC – Intel Core i5-10500H NVIDIA GeForce RTX 3060
ราคา 39,990 บาท
UNBOX
- ตัวเครื่อง GIGABYTE G5 MD
- ADAPTOR 150W
- คู่มือการใช้งาน
- อุปกรณ์สำหรับติดตั้ง SSD 2.5″
DESIGN
งานออกแบบ ต้องบอกว่าเมื่อแรกเห็นทำให้แอบนึกย้อนไปถึงหลายๆปีก่อนที่คอมพิวเตอร์เองนั้นมีขนาดใหญ่ หนา และหนัก รวมถึงงานออกแบบเรียบๆซึ่งส่วนตัวบอกตรงๆว่างานออกแบบดูย้อนยุคไปพอสมควร ไม่ทันสมัยและเรียบเกินไปถ้ามองไปในสาย Gaming และ 2.03 KG ถือว่าหนักพอสมควรครับ แน่นอนว่างานออกแบบอาจจะดูเรียบไปแต่ถ้าหลายๆคนชอบแบบไม่หวือหวาก็อาจจะชอบก็ได้แต่ส่วนตัวถือว่ายังไม่เด่นเท่าไรอีกทั้งวัสดุพลาสติกด้านเป็นคราบมันนิ้วมือได้ชัดเจนครับ แต่อย่างน้อยในด้านในก็ได้ขอบหน้าจอบางพร้อมกับปุ่มอะไรครบแบบมาตรฐาน 15.6นิ้วอยู่
งานออกแบบเราจะเห็นว่ามีความเรียบง่ายที่สุดส่วนนึงก็ถือว่าดูเรียบดีแต่ด้วยวัสดุหรือขนาดและถ้ามองเป็น GAMING อาจจะดูเรียบไปเล็กน้อยอันนี้แล้วแต่คนชอบกันเลย แต่เส้นสายหลายๆส่วนแอบดูย้อนยุคไปหน่อยครับวัสดุด้านในด้านนอกเรียบๆทั้งหมดเป็นแบบดำด้านพลาสติก จะเจอรอยนิ้วมือคราบมันได้ง่ายมากๆทั้งนอกและในตัวเครื่องจุดนี้ต้องระวัง ส่วนโลโก้ด้านหลังนั้นเป็นแบบสีเงินเรียบๆเช่นกันครับ ไม่ได้มีไฟแสงสีอะไรเข้ามาให้ถือว่าเป็นงานออกแบบที่เรียบเข้มได้ดีสำหรับคนที่ไม่อยากให้ดูหวือหวาเกินไปแต่เน้นสเปกแรงตัวก็สามารถตอบโจทย์งานออกแบบได้ดี
ขอบหน้าจอถือว่าทำได้ดี บางและมีการออกแบบที่แข็งแรงงานประกอบต่างๆทำได้น่าสนใจ มียางรองรอบๆหน้าจอมาให้รวมถึงกล้องหน้ามาพร้อมกับไมค์ต่างๆมาตรฐาน และขอบล่างก็ถือว่าบางเช่นกัน มาพร้อมกับหน้าจอแบบด้านใช้งานได้ดีในสาย GAMING พร้อมกับโลโก้ด้านในแบบพิมพ์มาตรฐานพ่นสีขาว พร้อมกับยางรองกันกระแทกมาให้
ส่วนของคีย์บอร์ดแบบเต็มพร้อมใช้งานรวมถึงมีการเว้าลงไปเล็กน้อยแต่วัสดุแบบด้านเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายมากๆ และเมื่อมองข้างบนเราจะเห็นแถบสูงขึ้นมาเป็นที่อยู่ของช่องระบายความร้อน กับพอร์ตในด้านหลังเสริมเข้ามาให้ และข้อต่อบานพับแข็งแรงระดับนึง แต่จะไม่สามารถเปิดด้วยมือเดียวได้นะครับต้องจับ 2 มือในการเปิดฝา ส่วนกางได้สูงสุดแบบในภาพเช่นกัน และขอบเครื่องมีการเล่นลวดลายบางส่วนก็ถือว่ามีการใส่ใจในหลายๆจุดในการเล่นพื้นผิวลวดลาย
จุดที่น่าสนใจและไม่ค่อยเจอในหลายๆรุ่น คือฝาหลังที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้เอง โดยที่ไม่ต้องแกะฝาหลังซึ่งข้อดีคือ เปลี่ยนได้ง่าย ประหยัดพื้นที่แต่ก็จะได้ความจุที่น้อยกว่ารุ่นอื่นๆชัดเจนครับและฝาหลังนั้นเราจะเห็นเลยว่าช่องระบายอากาศนั้นเยอะอย่างมากและเจาะรูเยอะเลยทีเดียวในส่วนนี้เรื่องระบายความร้อนจัดว่าทำได้ดีเลย
ฝาหลังนั้นเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะสามารถดูได้เลยว่ามันอัปเกรดได้หลากหลายอย่างมากรวมถึงในการใช้งานก็สามารถรองรับอิสระเช่นกัน มาพร้อมกับพัดลม 2 ตัว และ Heatpipe 4 เส้นหลักและพัดลมยิงออกข้าง และ หลัง พร้อมกับการอัปเกรดแบบจัดเต็มทั้งหมด RAM 2 Slot ใส่มาให้แล้ว 16GB 3200MHz และ SSD M.2 นั้นให้มา 2 ช่อง รองรับเพิ่มอีก 1 ช่อง และ SSD 2.5 SATA ก็สามารถใส่เข้าไปได้อีกลูกสูงสุด 6TB เลยทีเดียวบอกเลยว่าโหดมากและน่าจะเป็นรุ่นที่อัปเกรดได้เยอะที่สุดในบรรดาคู่แข่งทั้งหมด และ เปลี่ยนแบตได้ง่ายที่สุดในตลาดทั้งหมด
SPEC
- Intel Core i5-11400H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.7-4.5 GHz
- Intel® UHD Graphics
- NVIDIA® GeForce RTX™ 3050 Ti Laptop GPU 4GB GDDR6
- Boost Clock 1500 MHz, Maximum Graphics Power 75 W
- NVIDIA Max-Q Technologies:
- Dynamic Boost 2.0, Resizable BAR, and Optimus™ Technology.
- RAM 16 GB (8GB X2) DDR4 3200MHz รองรับ 64GB
- SSD STORAGE 512 GB PCIe/NVMe M.2 2280
- หน้าจอ 15.6″ FULL HD IPS ANTI-GLARE 144Hz Thin Bezel
- คีย์บอร์ด All-zone of Single Colored Backlit Keyboard with 15 Colors LED Setting
- พอร์ตเชื่อมต่อ
1x USB2.0 Type-A
1x USB3.2 Gen1 Type-A
1x USB3.2 Gen2 Type-A
1x USB 3.2 Gen 2 Type-C
1x HDMI 2.0 (with HDCP)
1x mini DP 1.4
1x Audio combo jack
1x Microphone jack
1x SD Card Reader
1x DC-in Jack
1x RJ-45
2x 2 Watt Speaker
- Dual-Array Microphone
- DTS:X® Ultra
- แบตความจุ Li-ion 41Wh (Optional)
- กำลังไฟ 150W
- 36.1(W) x 25.8(D) x 2.49 ~ 3.16(H) cm 2.03 kg
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพตัวนี้มาพร้อมกับ Intel Core i5-11400H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.7-4.5 GHz สถาปัตยกรรม Tiger Lake การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti Max-Q ตัวการ์ดนั้นมี CUDA Core สำหรับช่วยประมวลผลเรื่องกราฟิกในเกมและโปรแกรมทำงานต่างๆ รองรับ Intel Resizable BAR และ ให้แรมมา 16GB DDR4 3200MHz พร้อมกับ SSD 512 GB M.2 NVMe ซึ่งรองรับการอัปเกรดได้เยอะมากๆ และยังมีสเปกที่แรงกว่านี้ในตัว 5G KC ด้วยเช่นกันก็สามารถเลือกตามความชอบหรือการใช้งานได้แบบสบายๆพร้อมกับ Windows 10 และด้วยสเปกแน่นอนว่าไม่พลาดที่จะรองรับการอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้แบบไร้กังวลเลย
PCMARK
คะแนนทำได้ 5679 ถือว่าตามระดับของ CPU เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าไม่แย่เลยนะถ้าเรามองในราคาแค่นี้ และทำคะแนนออกมาได้ประมาณนี้แน่นอนว่าดีกว่า CPU รุ่นก่อนเยอะ ทำให้ตัวนี้ถือว่าน่าพอใจ ทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้นถือว่ารองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลาย เต็มประสิทธิภาพกว่าแบบเดิมชัดเจน ทางด้านความร้อนนั้น CPU 69 และ GPU 65 สำหรับการทดสอบนี้ให้สภาพอากาศปกติถือว่าสบายใช้งานได้ชิวๆ
3DMARK
เราทดสอบแบบพื้นฐาน 5 แบบกันในส่วนของ Firestrike , Timespy ด้วยถือว่าทำคะแนนได้ดีเอาเรื่องเลยคะแนนในส่วนของ Firestrike Ultra ตัวนี้ทำได้ 2579 คะแนน การประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ทำได้ดีมากๆในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลาย RTX3050TI MAX-Q ตัวนี้เอาอยู่ แม้จะเป็นรุ่นที่เน้นความบางเบาก็ตาม เล่นเกม ทำงานเรนเดอร์เหลือๆ ถือว่าสบายๆไม่ต้องกังวลส่วนเรื่องคะแนน Timespy Extream นั้นแตะ 2113 ได้เลย TimeSpy ไปที่ 4475 คะแนน และ Firestrike Extream ที่ 6722 คะแนน ความร้อนที่ทดสอบนั้น CPU 72 และ GPU 68 ครับสำหรับตัวนี้ ซึ่งในตัว RAY TRACING VRAM อาจจะน้อยเลยทำไปได้ 530 คะแนน
CINEBENCH R15 R20 / CRYSTALDISKMARK
ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 1140 cb ทำได้ดีมาก ในตัว C15 อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือมาแรงมาก พัฒนาขึ้นเยอะในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 2805 pts ถือว่าคะแนนดีเลยแหละในแง่การประมวลผลของ CPU ดีกว่าเจนก่อนหน้าเยอะพอสมควรส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD ทำคะแนนการอ่านไปได้สูงและถือว่าเทียบกับการใช้งานถือว่าโหดมากๆ สามารถอ่านสูงถึง 3479 ส่วนเขียนที่ 2527 ครับจากทดลองหลายๆรอบให้มา 512GB ถือว่าเพียงพอและความเร็วความจุนั้นสบายๆเหลือๆ ทำให้ตัวนี้ใช้งานได้สบายไวมากๆ และที่ชอบคือสามารถรองรับการเพิ่มได้อีก 1 ช่อง M.2 NVMe และ เพิ่ม SSD SATA 2.5 แบบบางได้อีก
[SR] รีวิว GIGABYTE G5 MD เกมมิ่งโน้ตบุ๊ก จอ 144Hz สเปก i5 Gen11+ RTX 3050 Ti Max-Q !
GIGABYTE เป็นแบรนด์ที่หลายๆคนอาจจะคุ้ยเคยกันในแง่ของ การ์ดจอ เป็นหลักแต่หลายๆคนอาจจะไม่ทราบกันว่าเค้ามาลุยตลาด Gaming Notebook กันแล้วนะและบอกเลยว่ายังคงโดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพ และการปรับแต่ง อัปเกรดที่หลากหลายเลยทีเดียวแหละ ซึ่งถือว่าเป็นค่ายที่ลุยหลายๆอย่างมากขึ้นและทำได้ดีในหลายๆส่วนเช่นกันครับ ในครั้งนี้เลยมาอยู่ใน Gaming Notebook ในรุ่น G5 ซึ่งจะมีทั้ง 2 รุ่นย่อยคือ G5 MD และ G5 KC นั้นเองซึ่งลงมาลุยตลาดที่เริ่มต้น จับต้องได้ง่ายเน้นสเปกที่แรงและสามารถอัปเกรดได้อิสระรวมถึง การันตีด้วยความเป็นแบรนด์ผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ระดับโลก และเรื่องรับประกันเองนั้นจะเป็นทาง Synnex, SVOA สบายใจได้ครับ
GIGABYTE G5 MD นั้นจะมาพร้อมกับ Intel Core i5-11400H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.7-4.5 GHz การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti Max-Q และให้แรมมา 16GB DDR4 3200MHz พร้อมกับ SSD 512 GB M.2 NVMe ใช้งาน หน้าจอ 15.6 นิ้ว Full HD IPS ค่า Refresh Rate 144 Hz ทางด้านเชื่อมต่อไร้สายรองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ส่วนเรื่องของการอัปเกรดจริงๆน่าสนใจและถือว่าเยอะมากกว่าคู่แข่งตัวอื่นๆเพราะ มีช่องอัปเกรด SSD ได้ถึง 3 ช่อง เป็นช่องแบบ M.2 NVMe PCIe 4.0 x 2 ช่องขนาด 2.5″ SATA III SSD อีก 1 ช่อง รองรับความจุรวมสูงสุดถึง 6TB และมาพร้อมระบบเสียง DTS-X และ ลำโพงคู่ รวมถึง All-zone Backlit Keyboard เปลี่ยนสีได้ ถือว่าภาพรวมค่อนข้างครบ และยังมี ในรุ่นย่อย G5 KC นั้นจะมาพร้อมกับ Intel Core i5-10500H NVIDIA GeForce RTX 3060 ที่แตกต่างกันส่วนสเปกอื่นๆนั้นจะเหมือนกันทั้งหมดเลยนั้นเองครับ ส่วนทางด้านราคาเองนั้นจะต่างกันแค่ 4,000 บาทเท่านั้น
PRICE
- GIGABYTE G5 MD – Intel Core i5-11400H NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti Max-Q
ราคา 35,990 บาท
- GIGABYTE G5 KC – Intel Core i5-10500H NVIDIA GeForce RTX 3060
ราคา 39,990 บาท
UNBOX
- ตัวเครื่อง GIGABYTE G5 MD
- ADAPTOR 150W
- คู่มือการใช้งาน
- อุปกรณ์สำหรับติดตั้ง SSD 2.5″
DESIGN
งานออกแบบ ต้องบอกว่าเมื่อแรกเห็นทำให้แอบนึกย้อนไปถึงหลายๆปีก่อนที่คอมพิวเตอร์เองนั้นมีขนาดใหญ่ หนา และหนัก รวมถึงงานออกแบบเรียบๆซึ่งส่วนตัวบอกตรงๆว่างานออกแบบดูย้อนยุคไปพอสมควร ไม่ทันสมัยและเรียบเกินไปถ้ามองไปในสาย Gaming และ 2.03 KG ถือว่าหนักพอสมควรครับ แน่นอนว่างานออกแบบอาจจะดูเรียบไปแต่ถ้าหลายๆคนชอบแบบไม่หวือหวาก็อาจจะชอบก็ได้แต่ส่วนตัวถือว่ายังไม่เด่นเท่าไรอีกทั้งวัสดุพลาสติกด้านเป็นคราบมันนิ้วมือได้ชัดเจนครับ แต่อย่างน้อยในด้านในก็ได้ขอบหน้าจอบางพร้อมกับปุ่มอะไรครบแบบมาตรฐาน 15.6นิ้วอยู่
งานออกแบบเราจะเห็นว่ามีความเรียบง่ายที่สุดส่วนนึงก็ถือว่าดูเรียบดีแต่ด้วยวัสดุหรือขนาดและถ้ามองเป็น GAMING อาจจะดูเรียบไปเล็กน้อยอันนี้แล้วแต่คนชอบกันเลย แต่เส้นสายหลายๆส่วนแอบดูย้อนยุคไปหน่อยครับวัสดุด้านในด้านนอกเรียบๆทั้งหมดเป็นแบบดำด้านพลาสติก จะเจอรอยนิ้วมือคราบมันได้ง่ายมากๆทั้งนอกและในตัวเครื่องจุดนี้ต้องระวัง ส่วนโลโก้ด้านหลังนั้นเป็นแบบสีเงินเรียบๆเช่นกันครับ ไม่ได้มีไฟแสงสีอะไรเข้ามาให้ถือว่าเป็นงานออกแบบที่เรียบเข้มได้ดีสำหรับคนที่ไม่อยากให้ดูหวือหวาเกินไปแต่เน้นสเปกแรงตัวก็สามารถตอบโจทย์งานออกแบบได้ดี
ขอบหน้าจอถือว่าทำได้ดี บางและมีการออกแบบที่แข็งแรงงานประกอบต่างๆทำได้น่าสนใจ มียางรองรอบๆหน้าจอมาให้รวมถึงกล้องหน้ามาพร้อมกับไมค์ต่างๆมาตรฐาน และขอบล่างก็ถือว่าบางเช่นกัน มาพร้อมกับหน้าจอแบบด้านใช้งานได้ดีในสาย GAMING พร้อมกับโลโก้ด้านในแบบพิมพ์มาตรฐานพ่นสีขาว พร้อมกับยางรองกันกระแทกมาให้
ส่วนของคีย์บอร์ดแบบเต็มพร้อมใช้งานรวมถึงมีการเว้าลงไปเล็กน้อยแต่วัสดุแบบด้านเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายมากๆ และเมื่อมองข้างบนเราจะเห็นแถบสูงขึ้นมาเป็นที่อยู่ของช่องระบายความร้อน กับพอร์ตในด้านหลังเสริมเข้ามาให้ และข้อต่อบานพับแข็งแรงระดับนึง แต่จะไม่สามารถเปิดด้วยมือเดียวได้นะครับต้องจับ 2 มือในการเปิดฝา ส่วนกางได้สูงสุดแบบในภาพเช่นกัน และขอบเครื่องมีการเล่นลวดลายบางส่วนก็ถือว่ามีการใส่ใจในหลายๆจุดในการเล่นพื้นผิวลวดลาย
จุดที่น่าสนใจและไม่ค่อยเจอในหลายๆรุ่น คือฝาหลังที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้เอง โดยที่ไม่ต้องแกะฝาหลังซึ่งข้อดีคือ เปลี่ยนได้ง่าย ประหยัดพื้นที่แต่ก็จะได้ความจุที่น้อยกว่ารุ่นอื่นๆชัดเจนครับและฝาหลังนั้นเราจะเห็นเลยว่าช่องระบายอากาศนั้นเยอะอย่างมากและเจาะรูเยอะเลยทีเดียวในส่วนนี้เรื่องระบายความร้อนจัดว่าทำได้ดีเลย
ฝาหลังนั้นเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะสามารถดูได้เลยว่ามันอัปเกรดได้หลากหลายอย่างมากรวมถึงในการใช้งานก็สามารถรองรับอิสระเช่นกัน มาพร้อมกับพัดลม 2 ตัว และ Heatpipe 4 เส้นหลักและพัดลมยิงออกข้าง และ หลัง พร้อมกับการอัปเกรดแบบจัดเต็มทั้งหมด RAM 2 Slot ใส่มาให้แล้ว 16GB 3200MHz และ SSD M.2 นั้นให้มา 2 ช่อง รองรับเพิ่มอีก 1 ช่อง และ SSD 2.5 SATA ก็สามารถใส่เข้าไปได้อีกลูกสูงสุด 6TB เลยทีเดียวบอกเลยว่าโหดมากและน่าจะเป็นรุ่นที่อัปเกรดได้เยอะที่สุดในบรรดาคู่แข่งทั้งหมด และ เปลี่ยนแบตได้ง่ายที่สุดในตลาดทั้งหมด
SPEC
- Intel Core i5-11400H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.7-4.5 GHz
- Intel® UHD Graphics
- NVIDIA® GeForce RTX™ 3050 Ti Laptop GPU 4GB GDDR6
- Boost Clock 1500 MHz, Maximum Graphics Power 75 W
- NVIDIA Max-Q Technologies:
- Dynamic Boost 2.0, Resizable BAR, and Optimus™ Technology.
- RAM 16 GB (8GB X2) DDR4 3200MHz รองรับ 64GB
- SSD STORAGE 512 GB PCIe/NVMe M.2 2280
- หน้าจอ 15.6″ FULL HD IPS ANTI-GLARE 144Hz Thin Bezel
- คีย์บอร์ด All-zone of Single Colored Backlit Keyboard with 15 Colors LED Setting
- พอร์ตเชื่อมต่อ
1x USB2.0 Type-A
1x USB3.2 Gen1 Type-A
1x USB3.2 Gen2 Type-A
1x USB 3.2 Gen 2 Type-C
1x HDMI 2.0 (with HDCP)
1x mini DP 1.4
1x Audio combo jack
1x Microphone jack
1x SD Card Reader
1x DC-in Jack
1x RJ-45
2x 2 Watt Speaker
- Dual-Array Microphone
- DTS:X® Ultra
- แบตความจุ Li-ion 41Wh (Optional)
- กำลังไฟ 150W
- 36.1(W) x 25.8(D) x 2.49 ~ 3.16(H) cm 2.03 kg
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพตัวนี้มาพร้อมกับ Intel Core i5-11400H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.7-4.5 GHz สถาปัตยกรรม Tiger Lake การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti Max-Q ตัวการ์ดนั้นมี CUDA Core สำหรับช่วยประมวลผลเรื่องกราฟิกในเกมและโปรแกรมทำงานต่างๆ รองรับ Intel Resizable BAR และ ให้แรมมา 16GB DDR4 3200MHz พร้อมกับ SSD 512 GB M.2 NVMe ซึ่งรองรับการอัปเกรดได้เยอะมากๆ และยังมีสเปกที่แรงกว่านี้ในตัว 5G KC ด้วยเช่นกันก็สามารถเลือกตามความชอบหรือการใช้งานได้แบบสบายๆพร้อมกับ Windows 10 และด้วยสเปกแน่นอนว่าไม่พลาดที่จะรองรับการอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้แบบไร้กังวลเลย
PCMARK
คะแนนทำได้ 5679 ถือว่าตามระดับของ CPU เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าไม่แย่เลยนะถ้าเรามองในราคาแค่นี้ และทำคะแนนออกมาได้ประมาณนี้แน่นอนว่าดีกว่า CPU รุ่นก่อนเยอะ ทำให้ตัวนี้ถือว่าน่าพอใจ ทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้นถือว่ารองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลาย เต็มประสิทธิภาพกว่าแบบเดิมชัดเจน ทางด้านความร้อนนั้น CPU 69 และ GPU 65 สำหรับการทดสอบนี้ให้สภาพอากาศปกติถือว่าสบายใช้งานได้ชิวๆ
3DMARK
เราทดสอบแบบพื้นฐาน 5 แบบกันในส่วนของ Firestrike , Timespy ด้วยถือว่าทำคะแนนได้ดีเอาเรื่องเลยคะแนนในส่วนของ Firestrike Ultra ตัวนี้ทำได้ 2579 คะแนน การประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ทำได้ดีมากๆในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลาย RTX3050TI MAX-Q ตัวนี้เอาอยู่ แม้จะเป็นรุ่นที่เน้นความบางเบาก็ตาม เล่นเกม ทำงานเรนเดอร์เหลือๆ ถือว่าสบายๆไม่ต้องกังวลส่วนเรื่องคะแนน Timespy Extream นั้นแตะ 2113 ได้เลย TimeSpy ไปที่ 4475 คะแนน และ Firestrike Extream ที่ 6722 คะแนน ความร้อนที่ทดสอบนั้น CPU 72 และ GPU 68 ครับสำหรับตัวนี้ ซึ่งในตัว RAY TRACING VRAM อาจจะน้อยเลยทำไปได้ 530 คะแนน
CINEBENCH R15 R20 / CRYSTALDISKMARK
ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 1140 cb ทำได้ดีมาก ในตัว C15 อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือมาแรงมาก พัฒนาขึ้นเยอะในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 2805 pts ถือว่าคะแนนดีเลยแหละในแง่การประมวลผลของ CPU ดีกว่าเจนก่อนหน้าเยอะพอสมควรส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD ทำคะแนนการอ่านไปได้สูงและถือว่าเทียบกับการใช้งานถือว่าโหดมากๆ สามารถอ่านสูงถึง 3479 ส่วนเขียนที่ 2527 ครับจากทดลองหลายๆรอบให้มา 512GB ถือว่าเพียงพอและความเร็วความจุนั้นสบายๆเหลือๆ ทำให้ตัวนี้ใช้งานได้สบายไวมากๆ และที่ชอบคือสามารถรองรับการเพิ่มได้อีก 1 ช่อง M.2 NVMe และ เพิ่ม SSD SATA 2.5 แบบบางได้อีก
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้