เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 19/4/53
ผมได้ค้ำประกันการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์
ต่อมา วันที่ 5/7/53 ผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ได้ชำระ(ผู้ซื้อบอกว่ารถหาย) จึงไม่จ่ายค่างวดรถต่อ
ต่อมา วันที่ 17/10/60 บ.รถ ส่งจดหมายบอกเลิกสัญญและให้ชดใช้หนี้ ส่งให้ผู้เช่าซื้อและคนค้ำ
วันที่ 14/12/60 บ.รถยื่นฟ้อง คนเช่าซื้อและคนค้ำให้ร่วมกันชดใช้หนี้
ค่ารถ+ค่าขาดผลประโยชน์ (69,570+69,570 ราม 139,140 บาท)
ศาลนัดไต่สวน วันที่ 4/6/61 ทั้ง 2 ไม่ได้ไปศาลตามนัด เนื่องจาก ฟ้องศาลจังหวัดของผู้เช่าซื้อ ซึ่งไกลกันมากกับผม ต่อทราบมาว่าผู้เช่าซื้อไม่ไปเพราะเจ้าหน้า บ.รถ โทรมาทวงถามคนค้ำ เมื่อวันที่ 24/11/64 จึงทราบเรื่อง ผมเข้าใจว่ามีการไปเคลียร์กันที่ศาลตั้งแต่ได้รับหมายแล้ว พูดตรงๆไปตอนนั้นผมไม่ได้ใส่ใจเพราะผู้เช่าซื้อคงไปศาลตามนัดและไปเคลียร์กันแล้ว
คำถาม ผมในฐานะคนค้ำจะทำอย่างไรดีครับกระบวนการต่อไปคืออะไรครับ ผมจะถูกยึดทรัพย์หรือถูกบังคับคดีไหมครับ
ไม่ได้ติดต่อกับผู้ซื้อเลย ขาดการติดต่อตั้งแต่ปี 53
ถูกฟ้องให้ร่วมกันชำระหนี้ (เจ้าของกระทู้เป็นผู้ค้ำ)
ผมได้ค้ำประกันการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์
ต่อมา วันที่ 5/7/53 ผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ได้ชำระ(ผู้ซื้อบอกว่ารถหาย) จึงไม่จ่ายค่างวดรถต่อ
ต่อมา วันที่ 17/10/60 บ.รถ ส่งจดหมายบอกเลิกสัญญและให้ชดใช้หนี้ ส่งให้ผู้เช่าซื้อและคนค้ำ
วันที่ 14/12/60 บ.รถยื่นฟ้อง คนเช่าซื้อและคนค้ำให้ร่วมกันชดใช้หนี้
ค่ารถ+ค่าขาดผลประโยชน์ (69,570+69,570 ราม 139,140 บาท)
ศาลนัดไต่สวน วันที่ 4/6/61 ทั้ง 2 ไม่ได้ไปศาลตามนัด เนื่องจาก ฟ้องศาลจังหวัดของผู้เช่าซื้อ ซึ่งไกลกันมากกับผม ต่อทราบมาว่าผู้เช่าซื้อไม่ไปเพราะเจ้าหน้า บ.รถ โทรมาทวงถามคนค้ำ เมื่อวันที่ 24/11/64 จึงทราบเรื่อง ผมเข้าใจว่ามีการไปเคลียร์กันที่ศาลตั้งแต่ได้รับหมายแล้ว พูดตรงๆไปตอนนั้นผมไม่ได้ใส่ใจเพราะผู้เช่าซื้อคงไปศาลตามนัดและไปเคลียร์กันแล้ว
คำถาม ผมในฐานะคนค้ำจะทำอย่างไรดีครับกระบวนการต่อไปคืออะไรครับ ผมจะถูกยึดทรัพย์หรือถูกบังคับคดีไหมครับ
ไม่ได้ติดต่อกับผู้ซื้อเลย ขาดการติดต่อตั้งแต่ปี 53