เมื่อวันที่ 30ก.ย2564 ประมาณ 17.00 รถโดนรถกระบะชนท้ายค่ะ เราเป็นคันกลางรถเก๋งหน้ายุบ กระโปรงหลังยุบจนปิดไม่ได้ จึงได้ทำการเรียกประกันของแต่ละคัน และรถยกมาเอาเข้าอู่ไป รวมเวลาซ่อมทั้งสิ้น ร่วม 49วัน จากวันที่ชนจนถึงวันที่เอารถออกจากอู่ จึงนำเอกสารไปยื่นที่ บ.นวกิจประกันภัย เป็นบ.ประกันของคู่กรณี เพื่อเรียกค่าขาดผลประโยชน์ ระหว่างไม่มีรถใช้ระหว่างซ่อม แต่ทาง บ. บอกว่าอนุมัติให้ได้แค่ 30วัน โดยที่ยังไม่มีการพูดคุยตกลงค่าเสียหายกันเลยค่ะ และทาง จนท.สำนักงานใหญ่อ้างว่า เนื่องจากดูความเสียหายจากถังรถไม่น่าใช้เวลาซ่อมนาน
ขออนุญาตถามผู้รู้นะคะ ว่า
1. เราเข้าใจว่าเรื่องซ่อมนานไม่นาน เป็นเรื่องของอู่กับคู่กรณี หรือบ.ประกันของคู่กรณีที่รับผิดชอบในส่วนค่าซ่อม
ไม่เกี่ยวกับ ค่าขาดผลประโยชน์ ที่ประเมินจากความเดือดร้อนที่ระหว่างที่เราไม่มีรถใช้ และต้องมานั่งเสียค่าแท๊กซี่
วันละหลายร้อย (เราเป็นฟรีแลนซ์ค่ะ วิ่งงานอยู่2-3ออฟฟิศต่อวัน) ร่วมเดือนครึ่ง อันนี้เราเข้าใจถูกไหมคะ
2. เราพยายามชี้แจงความเดือดร้อนกับ จนท.แล้ว แต่เขาก็ยังอ้างเหตุผลเดิม จึงคิดจะไปตกลงกันที่ คปภ.ค่ะ ไม่ทราบว่า
ถ้าท้ายที่สุดแล้ว ตกลงกันไม่ได้จริงๆ ก็จะฟ้องเพื่อเป็นตัวอย่างค่ะ อยากรู้ว่าจะสามารถติดต่อทนายที่ คปภ. มีไหมคะ
หรือต้องไปปรึกษาทนายที่ สภาทนายความ
หรือว่าจริงๆแล้วตามกฏหมาย ต้องแล้วแต่ บ.ประกันคู่กรณีจะให้จริงๆ จะได้เป็นความรู้ไว้น่ะค่ะ
ใครพอจะทราบบ้างคะ เกี่ยวกับการเรียกค่าขาดผลประโยชน์กรณีรถชน
ขออนุญาตถามผู้รู้นะคะ ว่า
1. เราเข้าใจว่าเรื่องซ่อมนานไม่นาน เป็นเรื่องของอู่กับคู่กรณี หรือบ.ประกันของคู่กรณีที่รับผิดชอบในส่วนค่าซ่อม
ไม่เกี่ยวกับ ค่าขาดผลประโยชน์ ที่ประเมินจากความเดือดร้อนที่ระหว่างที่เราไม่มีรถใช้ และต้องมานั่งเสียค่าแท๊กซี่
วันละหลายร้อย (เราเป็นฟรีแลนซ์ค่ะ วิ่งงานอยู่2-3ออฟฟิศต่อวัน) ร่วมเดือนครึ่ง อันนี้เราเข้าใจถูกไหมคะ
2. เราพยายามชี้แจงความเดือดร้อนกับ จนท.แล้ว แต่เขาก็ยังอ้างเหตุผลเดิม จึงคิดจะไปตกลงกันที่ คปภ.ค่ะ ไม่ทราบว่า
ถ้าท้ายที่สุดแล้ว ตกลงกันไม่ได้จริงๆ ก็จะฟ้องเพื่อเป็นตัวอย่างค่ะ อยากรู้ว่าจะสามารถติดต่อทนายที่ คปภ. มีไหมคะ
หรือต้องไปปรึกษาทนายที่ สภาทนายความ
หรือว่าจริงๆแล้วตามกฏหมาย ต้องแล้วแต่ บ.ประกันคู่กรณีจะให้จริงๆ จะได้เป็นความรู้ไว้น่ะค่ะ