ทำไงดีคะคือรถโดนยึดแล้วฝ่ายที่ยึดรถเราไปเค้ามาเรียกเก็บเงินกับเราอะค่ะ

คือรถเราไม่มีเงินจ่ายค่ารถแล้วเค้ามายึดรถเราไปซึ่งเราก็เข้าใจเพราะว่าเราไม่ได้จ่ายเค้าเลยยึดแต่แล้วเค้าขายได้400,000 บาท รถเราราคา60,000นะคะ แล้วเค้าบอกเค้าขาดทุน 200,000  เค้าเลยมาเรียกเก็บเงินจากเราแล้วคือตอนนี้เราไม่มีเงิน มีทางไหนบ้างมั้ยคะแบบผ่อนก็ได้ค่ะ🙏🙏

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ทำให้เขาขาดทุนจากการขาย เขาก็มาเก็บส่วนที่ขาดทุนกับเรา

ถ้าเราเห็นว่าไม่ยุติธรรมก็ไปขอเจรจาไกล่เกลี่ยที่ศาล

ถ้าไม่มีทรัพย์ให้ยึดไปขายทอดตลาดเพิ่มเช่น บ้าน ที่ดิน ของอื่นๆ

รอฟ้องแล้วไปขอความปราณีจากศาลจะดีกว่าครับ

ศาลจะให้ผ่อนเท่าที่เราผ่อนได้ โดยยังสามารถยังชีพอยู่ได้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
คนไทยเข้าใจการออกรถกับไฟแนนซ์/ลีสซิ่งแบบผิดๆ กันทั้งประเทศ โดยเข้าใจว่าเป็นการกู้เงินไฟแนนซ์มาซื้อ
ที่จริงแล้วการออกรถกับไฟแนนซ์ไม่ใช่การกู้เงินเขามาซื้อรถ ย้ำว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงิน
แต่เป็นการเช่าซื้อ (เช่า+คำมั่นว่าจะขาย) ซึ่งเราไม่ได้ซื้อรถจากบริษัทผู้ผลิต (Honda, Toyota, Benz ฯลฯ) โดยตรง
แต่ไฟแนนซ์/ลีสซิ่งต่างหากที่ไปซื้อรถมาให้เรา "เช่าขับ" โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าผ่อนชำระครบ เขาจะโอนกรรมสิทธิ์รถให้
เราเป็นแค่ "ผู้เช่า" เท่านั้น มีหน้าที่จ่ายค่าเช่าตามงวดที่ตกลงกัน ส่วนรถทุกชิ้นส่วนเป็นกรรมสิทธิ์ของไฟแนนซ์ 100% (เขาถึงยึดคืนได้ไง)
เอาจริงๆ เราจะเปลี่ยนล้อแม็กซ์ ใส่กันโครง ถอดนั่นเปลี่ยนนี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะไฟแนนซ์คือเจ้าของ

เมื่อการออกรถกับไฟแนนซ์เป็นการเช่าซื้อแล้ว ก็ต้องยึดถือตามกฎหมายว่าด้วยการเช่าซื้อ
โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 ให้สิทธิผู้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาด้วยการส่งมอบทรัพย์คืนได้
ดังนั้น หากผ่อนไม่ไหวควรคืนรถให้ไฟแนนซ์ไปก่อนจะผิดสัญญา แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าไฟแนนซ์จะฟ้องผู้เช่าซื้อเรียกค่าส่วนต่างอย่างแน่นอน
เป็นหน้าที่ของผู้เช่าซื้อต้องไปสู้คดีในชั้นศาลว่าเป็นการสมัครใจเลิกสัญญากัน ซึ่งศาลจะพิพากษายกฟ้อง (ไม่ต้องเสียค่าส่วนต่าง)
แต่จำเลย (ผู้เช่าซื้อ) จำนวนมากไม่สู้คดี ไปถึงศาลก็กลัวว่าจะถูกยึดทรัพย์บ้าง ถูกโจทก์ตะล่อมให้ความหวัง (ลมๆ แล้ง) บ้าง
จนยอมเซ็นต์สัญญาประนีประนอมยอมความให้ไฟแนนซ์ไปง่ายๆ กลายเป็นภาพจำว่าคืนรถต้องเสียค่าส่วนต่าง

ในกรณีของ จขกท. เป็นการถูกยึดรถคืนเนื่องจากผิดสัญญา ถ้าต้องการสู้คดีให้ศาลยกฟ้องหรือจ่ายน้อยลง
ก็ต้องดูในรายละเอียดว่ามีการส่งคำบอกกล่าวถูกต้องหรือไม่ เลิกสัญญากันแบบใด (ส่งมอบรถให้เอง, ถูกตามยึด)
ยึดรถคืนก่อนครบกำหนดตามคำบอกกกล่าวหรือไม่ การขายทอดตลาดมีการส่งหนังสือแจ้ง หรือทำการขายถูกต้องหรือไม่ ฯลฯ
หรือจะยอมจ่ายให้ไฟแนนซ์ก็ได้ ติดต่อไฟแนนซ์โดยตรงได้เลย หรือเก็บเงินก้อนไว้รอเขาฟ้องแล้วไปคุยในศาลก็ได้
แต่การชำระหนี้ทุกบาทต้องมีใบเสร็จรับเงิน อย่าเชื่อลมปากพนักงานหรือใครเด็ดขาด
ความคิดเห็นที่ 2
ก่อนจะเจรจาต่อรอง สำรวจดูก่อนว่าเรามีทรัพย์อะไรให้เค้ายึดหรือไม่
บ้าน ที่ดิน บัญชีเงินฝาก
ถ้ามีก็ระวังโดนสืบทรัพย์และฟ้องร้อง

การซื้อรถ คุณกู้เงินเค้า ติดหนี้เค้าอยู่เท่าไหร่
เค้ายึดเอาไปขาย หักลบแล้วยังขาดอยู่เท่าไหร่ เค้าก็มาทวงถามจากคุณต่อ นี่คือความรู้ทางการเงินทั่วไปที่ทุกคนควรมี
ดังนั้นก่อนจะกู้เงิน ก็ต้องสำรวจความพร้อมทางการเงินตัวเองก่อน
อุบัติเหตุทางการเงินเกิดได้ทุกเมื่อ ดังนั้นก็ต้องมีเงินสำรองเพียงพอ

ในเมื่อคุณไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็ไปเจรจาต่อรอง ขอผ่อนผัน จ่ายได้เท่าไหร่ อย่างไรก็ต่อรองไป
ถ้ามีหมายศาลมา ก็ต้องไปขึ้นศาล ห้ามเบี้ยวนัด เพราะจทำให้ปัญหาใหญ่ขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่