ข้อคิดดีๆ ในการเลี้ยงลูก ที่อ่านแล้วรู้สึกสะดุด ว่ามันใช่เหรอ

#ความเกรงใจที่ควรพอดี
เราเกรงใจเจ้านาย
เราจึงทำโอทีเข้างานทั้งเสาร์ทั้งอาทิตย์
เราเกรงใจคนข้างบ้านที่มาป้อนขนมลูกเราจนอ้วนพี
เราเลยได้แต่เงียบๆ
เราเกรงใจคนที่มาหอมแก้มลูกเรา โดยที่ไม่รู้จักกัน
เราเลยไม่กล้าว่าอะไร
เราเกรงใจคุณย่าที่ชอบตามใจหลาน
เลยปล่อยอะไรๆให้เลยตามเลย
เราเกรงใจครู
เราเลยไม่กล้าเข้าไปถามว่าทำไมลูกเราถึงต้องถูกตีรุนแรง
เราเกรงใจเพื่อน ที่ลูกเราไม่แบ่งของเล่นให้ลูกเค้า
เราเลยบังคับให้ลูกเราแบ่งปัน
เราเกรงใจคนข้างห้องที่ลูกร้องไห้
เราเลยปล่อยให้ลูกดูดขวดนมกลางคืนไปนานเท่าที่ลูกสบายใจ จนฟันผุเต็มปาก
เราเกรงใจญาติที่ทำให้การเลี้ยงดูมีปัญหา
แต่ก็ไม่กล้าแยกบ้าน ทั้งๆที่ครอบครัวกำลังจะพังเพราะคนนอก
เราเกรงใจตัวเอง ที่ต้องมาอดทนกับลูกเวลาลูกไม่พอใจ
เราจึงปล่อยลูกให้เล่นเกมไปเท่าที่เค้าจะสบายใจ
เราเกรงใจคนทุกคนในโลก...
ทั้งที่คนที่เราควรเกรงใจมากที่สุด คือ “ลูกของเรา”
เกรงใจเขาหน่อยนะคะ...
เขายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
เขาต้องการคนช่วยปกป้อง และแก้ไขในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ความเกรงใจเป็นสิ่งดี
ถ้ามันมี... ความ “พอดี”
#หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน
ผู้พบว่าความเกรงใจเป็นสมบัติที่ควรพอดี
https://www.facebook.com/takekidswithus/photos/a.1383891795261502/3032344987082833/
.
.
.
จากเพจที่มีคนถูกใจเกือบ 7 แสน
หัวข้อคือความเกรงใจที่เกินพอดี (ที่คนมักจะขึ้นต้นประโยคว่า นิสัยคนไทย...) แต่เจตนาของหมอที่จะสื่อคือ ให้รู้จักรักษาสิทธิ์ของตัวเอง รวมไปถึงสิทธิ์ของลูกเรา ไม่ใช่ตะแบงเกรงใจคนรอบข้าง แต่กลับเบียดเบียนลูกเรา เราควรจะเกรงใจลูกเราก่อนไหม
.
.
.
อ่านไปก็เห็นด้วยหมด .... ยกเว้น 
"เราเกรงใจคนข้างห้องที่ลูกร้องไห้ เราเลยปล่อยให้ลูกดูดขวดนมกลางคืนไปนานเท่าที่ลูกสบายใจ จนฟันผุเต็มปาก"
คืออันนี้มันไม่ใช่ละ นี่ไม่ใช่ความเกรงใจที่เกินพอดีละ นี่คือความเกรงใจ ที่ต้องเกรงใจอะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่