สวัสดีค่ะ เรามีอยากจะได้คำปรึกษาเกี่ยวกับครอบครัวค่ะ พอดีว่าตอนนี้เราอยู่ ม.6 ศิลป์ภาษาจีนและอยากที่จะเรียนต่อที่ ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ภาษาและวัฒนธรรมจีนค่ะ ที่จริงเราวางแผนที่จะไปเรียนต่อที่จีนด้วย เรียนเกี่ยวกับการสอนภาษาจีน โอเครค่ะเข้าเรื่อง
เรื่องที่ 1
เราเป็นเชียงใหม่ แล้วตอนนี้ใกล้จะจบ ม.6 แล้ว แล้วเราวางแผนไว้ว่าอยากเข้าม.เชียงใหม่ กับ ม.หัวเฉียว ส่วนอีกที่คือไปเรียนต่อจีนเลย เราได้ไปดูทุนที่จะเรียนต่อจีนมาเยอะมากๆๆหลายที่หลายโครงการเลยค่ะ และแต่ละโครงการก็มีค่าเข้าที่แพงมากๆ ประมาณ 6หลักกว่าๆ อันนี้เป็นโครงการที่ไม่มี HSK นะค่ะ โอเคร จากนั้นเราก็ไปบอกพ่อกับแม่ว่า เราไปดูลายละเอียดทุนเรียนต่อจีนมาแล้วมีแบบนี้แบบนี้นะ ท่านก็โอเครท่านก็อยากให้เราไปเหมือนกัน แล้วท่านก็ถามว่าค่าใช้จ่ายอ่ะประมาณเท่าไหร่ เราก็บอกไปท่านก็อึ้งสักพัก เราเข้าใจท่านค่ะเพราะว่าบ้านเราจะไม่ได้รวยขนาดนั้นอีกอย่างโครงการนี้มันเร่งให้เราสมัครด้วยค่ะ พอเราพูดค่าใช้จ่ายให้ท่านฟังเราก็กลับมานึกคิดว่าสมัครจะเอาเงินไหรจ่าย พ่อแม่จะเอาเงินไหนมา พอเราคิดเราก็ไม่ไปถามเรื่องที่จะไปเรียนต่อจีนกับพวกท่านอีกเลยแต่เราก็ยังอยากไปเรียนจีนอยู่ยังไม่ได้ตัดทิ้ง มาถึง ม.เชียงใหม่ ม.นี้พวกท่านอยากให้เราเข้ามากๆซึ่งเราก็อยากที่จะเข้าด้วยค่ะ เราอยากจะเข้าคณะมนุษยศาสตร์จีน เราอยากที่จะเข้ารอบ 1 ให้ได้เลยค่ะ เพราะเราไม่อยากที่จะสอบพวก GAT/PAT เราบอกตรงๆเลยนะคะว่า รุ่นเราเนี้ยเราเจอโควิดถึง 3 รอบเลย เจอตั้งแต่ ม.4 จนถึง ม.6 มันต้องเรียนออนไลน์ซึ่งครูบางท่านก็ไม่ได้สอนแต่สั่งงานบางทีงานมันก็ต้องการคำอธิบายหรือตัวอย่างวิธีทำ โอเครนอกเรื่องค่ะ กลับมาๆๆ เราอยากจะเข้า มช.รอบ 1 ให้ได้ แล้วเราก็ต้องมี ม.สำรองไว้ใช่ไหมคะ โอเครเราก็เลือก ม.หัวเฉียว ไว้ในสาขาภาษาและวัฒนธรรมจีน แต่พอเราไปบอกพวกท่านว่า ยังจำ ม.หัวเฉียว ที่น้องบอกตอนนั้นได้ไหม มันเป็น ม.ภาษาจีนเลยน้องอยากไปเรียน คือเรื่อง ม.หัวเฉียว เราเคยพูดกับพวกท่านหลายรอบมาก พวกท่านก็ตอบคำตอบมาเดิมๆว่า ทำไมถึงอยากไปใกล้บ้านจัง ไม่อยาก ม.ที่ใกล้บ้านหรอ เบื่อพ่อกับแม่รำคาญพ่อกับแม่บ่นใช่ไหม เราแอบน้อยใจนะคะว่าทำไม จะไปเรียนนจีนถึงให้ไปแต่จะไปสมุทรปาการถึงไม่ให้ไป (ม.หัวเฉียวอยู่ จ.สมุทรปราการค่ะ) ทำไมถึงพวกท่านถึงไม่อยากให้เราไปขนาดนั้น พูดถึงเรื่องม.หัวเฉียวทีไรก็จะทะเลาะกันทุกที เราไม่เคยคิดที่จะเบื่อรำคาญหรือไม่อยากอยุ่กับท่านเลยนะคะ ทุกวันนี้เราแทบไม่เคยห่างจากท่านเลยค่ะ อันนี้ขอเล่าย้อนไปตั้งแต่เด็กเลยนะคะ เราเป็นลูกคนเดียว เราจำได้ว่าตั้งแต่ขึ้น ม.1 มาเราไม่เคยแม้แต่จะได้ไปเที่ยวกับเลยไปเที่ยวในที่นี้คือเวลามีงานเลี้ยงงานห้องนะคะแบบไปกินหมูทะกันอะไรอี้ เราก็ไม่ค่อยจะไปสักเท่าไหร่แทบไม่ได้ออกบ้านเลยด้วยค่ะ ตอนนั้นเราเข้าใจพวกท่านค่ะเราอาจจะยังเด็กอันนี้เข้าใจได้ค่ะ แต่พอมาถึงสัก ม.3 เริ่มเข้าสู้วัยตามเพื่อนแหละเราก็ก็อยากที่จะไปเที่ยวห้างกับเพื่อนทำตัวเหมือนผผู้ใหญ่ อยากมีอิสระ แต่ตอนนั้นเราก็ไม่กล้าขอท่านที่จะไปเที่ยวนะคะเพราะพวกท่านทั้ง2คนคือดุมากโดยเฉพาะคุณพ่อค่ะ แต่ถ้าไปบ้านเพื่อนอ่ะพวกท่านให้ไปได้ค่ะแต่พ่อต้องไปนับไปส่งเท่านั้น เราก็ไม่ได้เครียดหรือโกธร เพราะเราคิดว่าเราเป็นลูกคนเดียวอาจจะต้องห่วงมากหน่อย อ้อเราลืมบอกค่ะว่า ครอบครัวเรามีกฏด้วยค่ะ คือ ห้ามโกหกไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามต้องบอกทุกอย่าง ห้ามเรานั่งซ้อนมอไซต์เพื่อน ถ้ามีงานกลุ่มหรืออะไรพ่อแม่ไปรับไปส่งเท่านั้น ไปเที่ยวก็ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วยเช่น พ่อแม่เพื่อนหรือพ่อแม่เรา และกฏทีเด็ดอีกอันก็คือ ห้าม มี แฟนนนนนน ก็ประมาณนี้ค่ะกฏของครอบครัวเรา โอเคร พอเราเริ่มขึ้น ม.ปลาย เริ่มมีความเป็นวัยรุ่นเต็มตัว เริ่มหัดแต่งตัว ทาลิป ก็ตามประสาวัยรุ่นเนอะ ส่วนเราก็เห่อการแต่งหน้าแค่ไม่กี่วัน ส่วนตัวเราก็ไม่ค่อยชอบการแต่งหน้าเท่าไหร่เพราะแต่งไปเป็น ตัดภาพไปที่เพื่อนเราก็คือ คิว ตา ปาก มาเต็ม555 โอเคร เริ่มช่วง ม.5 เป็นชั้นปีที่ต้องทำกิจกรรมเยอะมากๆไม่ว่าจะเป็นกีฬาสี รับน้อง เป็นแกนนำ นู่นนี้นั้นเต็มไปหมด พวกท่านก็เริ่มที่จะให้เรานั่งซ้อนมอไซต์เพื่อนละ เพราะว่า มีแต่คนขับมอไซต์เป็น เราขับเป็นแต่ไม่แข็งและไม่กล้าขับ นอกจากถนนในหมู่บ้าน อ่ะโอเคร ม.5 พวกท่านก็เริ่มให้เรามีอิสระมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้อิสระขนาดนั้น เหมือนแบบ ปล่อยนกออกจากกรงก็จริงแต่ก็ยังมัดเชือกไว้ที่เท้าของมันอยู่ บินแค่ไปกรอบ พอเราเริ่ม ขึ้น ม.6 เริ่มที่จะต้องเข้า ม. แล้ว เราก็ต้องเลือก ม.ที่เราอยากจะเข้าใช่ไหม แต่เราไม่ได้คิดงั้นเลย เราต้องคิดว่า ม.ไหนมันใกล้บ้าน และม.ไหนที่พ่อกับแม่ไม่อยากให้เข้า ก็อย่างที่บอกไว้ค่ะว่า พ่อกับแม่อยากให้เข้า ม.เชียงใหม่ ซึ่งการแข่งขันมันสูงเราก็ต้องหา ม.สำรองไว้ ถ้าเลือกม.ในเชียงใหม่นอกจาก มช.แล้วก็ไม่มีที่ไหนแล้วที่อยากจะเข้าแล้ว โอเครค่ะ ก็เล่ามายาวพอสมควร เข้าใจหรือไม่เข้าใจก็บอกด้วยนะคะ เรื่องแรกที่มาเขียน ไม่รู้จะระบายความเครียดนี้ที่ไหน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ยังไงช่วยแนะนำวิธีหน่อยค่ะ
ชีวีตของเด็กที่จะเข้า ม.ต่างจังหวัด แต่ครอบครัวไม่เห็นด้วยทำไงดี🥺
เรื่องที่ 1
เราเป็นเชียงใหม่ แล้วตอนนี้ใกล้จะจบ ม.6 แล้ว แล้วเราวางแผนไว้ว่าอยากเข้าม.เชียงใหม่ กับ ม.หัวเฉียว ส่วนอีกที่คือไปเรียนต่อจีนเลย เราได้ไปดูทุนที่จะเรียนต่อจีนมาเยอะมากๆๆหลายที่หลายโครงการเลยค่ะ และแต่ละโครงการก็มีค่าเข้าที่แพงมากๆ ประมาณ 6หลักกว่าๆ อันนี้เป็นโครงการที่ไม่มี HSK นะค่ะ โอเคร จากนั้นเราก็ไปบอกพ่อกับแม่ว่า เราไปดูลายละเอียดทุนเรียนต่อจีนมาแล้วมีแบบนี้แบบนี้นะ ท่านก็โอเครท่านก็อยากให้เราไปเหมือนกัน แล้วท่านก็ถามว่าค่าใช้จ่ายอ่ะประมาณเท่าไหร่ เราก็บอกไปท่านก็อึ้งสักพัก เราเข้าใจท่านค่ะเพราะว่าบ้านเราจะไม่ได้รวยขนาดนั้นอีกอย่างโครงการนี้มันเร่งให้เราสมัครด้วยค่ะ พอเราพูดค่าใช้จ่ายให้ท่านฟังเราก็กลับมานึกคิดว่าสมัครจะเอาเงินไหรจ่าย พ่อแม่จะเอาเงินไหนมา พอเราคิดเราก็ไม่ไปถามเรื่องที่จะไปเรียนต่อจีนกับพวกท่านอีกเลยแต่เราก็ยังอยากไปเรียนจีนอยู่ยังไม่ได้ตัดทิ้ง มาถึง ม.เชียงใหม่ ม.นี้พวกท่านอยากให้เราเข้ามากๆซึ่งเราก็อยากที่จะเข้าด้วยค่ะ เราอยากจะเข้าคณะมนุษยศาสตร์จีน เราอยากที่จะเข้ารอบ 1 ให้ได้เลยค่ะ เพราะเราไม่อยากที่จะสอบพวก GAT/PAT เราบอกตรงๆเลยนะคะว่า รุ่นเราเนี้ยเราเจอโควิดถึง 3 รอบเลย เจอตั้งแต่ ม.4 จนถึง ม.6 มันต้องเรียนออนไลน์ซึ่งครูบางท่านก็ไม่ได้สอนแต่สั่งงานบางทีงานมันก็ต้องการคำอธิบายหรือตัวอย่างวิธีทำ โอเครนอกเรื่องค่ะ กลับมาๆๆ เราอยากจะเข้า มช.รอบ 1 ให้ได้ แล้วเราก็ต้องมี ม.สำรองไว้ใช่ไหมคะ โอเครเราก็เลือก ม.หัวเฉียว ไว้ในสาขาภาษาและวัฒนธรรมจีน แต่พอเราไปบอกพวกท่านว่า ยังจำ ม.หัวเฉียว ที่น้องบอกตอนนั้นได้ไหม มันเป็น ม.ภาษาจีนเลยน้องอยากไปเรียน คือเรื่อง ม.หัวเฉียว เราเคยพูดกับพวกท่านหลายรอบมาก พวกท่านก็ตอบคำตอบมาเดิมๆว่า ทำไมถึงอยากไปใกล้บ้านจัง ไม่อยาก ม.ที่ใกล้บ้านหรอ เบื่อพ่อกับแม่รำคาญพ่อกับแม่บ่นใช่ไหม เราแอบน้อยใจนะคะว่าทำไม จะไปเรียนนจีนถึงให้ไปแต่จะไปสมุทรปาการถึงไม่ให้ไป (ม.หัวเฉียวอยู่ จ.สมุทรปราการค่ะ) ทำไมถึงพวกท่านถึงไม่อยากให้เราไปขนาดนั้น พูดถึงเรื่องม.หัวเฉียวทีไรก็จะทะเลาะกันทุกที เราไม่เคยคิดที่จะเบื่อรำคาญหรือไม่อยากอยุ่กับท่านเลยนะคะ ทุกวันนี้เราแทบไม่เคยห่างจากท่านเลยค่ะ อันนี้ขอเล่าย้อนไปตั้งแต่เด็กเลยนะคะ เราเป็นลูกคนเดียว เราจำได้ว่าตั้งแต่ขึ้น ม.1 มาเราไม่เคยแม้แต่จะได้ไปเที่ยวกับเลยไปเที่ยวในที่นี้คือเวลามีงานเลี้ยงงานห้องนะคะแบบไปกินหมูทะกันอะไรอี้ เราก็ไม่ค่อยจะไปสักเท่าไหร่แทบไม่ได้ออกบ้านเลยด้วยค่ะ ตอนนั้นเราเข้าใจพวกท่านค่ะเราอาจจะยังเด็กอันนี้เข้าใจได้ค่ะ แต่พอมาถึงสัก ม.3 เริ่มเข้าสู้วัยตามเพื่อนแหละเราก็ก็อยากที่จะไปเที่ยวห้างกับเพื่อนทำตัวเหมือนผผู้ใหญ่ อยากมีอิสระ แต่ตอนนั้นเราก็ไม่กล้าขอท่านที่จะไปเที่ยวนะคะเพราะพวกท่านทั้ง2คนคือดุมากโดยเฉพาะคุณพ่อค่ะ แต่ถ้าไปบ้านเพื่อนอ่ะพวกท่านให้ไปได้ค่ะแต่พ่อต้องไปนับไปส่งเท่านั้น เราก็ไม่ได้เครียดหรือโกธร เพราะเราคิดว่าเราเป็นลูกคนเดียวอาจจะต้องห่วงมากหน่อย อ้อเราลืมบอกค่ะว่า ครอบครัวเรามีกฏด้วยค่ะ คือ ห้ามโกหกไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามต้องบอกทุกอย่าง ห้ามเรานั่งซ้อนมอไซต์เพื่อน ถ้ามีงานกลุ่มหรืออะไรพ่อแม่ไปรับไปส่งเท่านั้น ไปเที่ยวก็ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วยเช่น พ่อแม่เพื่อนหรือพ่อแม่เรา และกฏทีเด็ดอีกอันก็คือ ห้าม มี แฟนนนนนน ก็ประมาณนี้ค่ะกฏของครอบครัวเรา โอเคร พอเราเริ่มขึ้น ม.ปลาย เริ่มมีความเป็นวัยรุ่นเต็มตัว เริ่มหัดแต่งตัว ทาลิป ก็ตามประสาวัยรุ่นเนอะ ส่วนเราก็เห่อการแต่งหน้าแค่ไม่กี่วัน ส่วนตัวเราก็ไม่ค่อยชอบการแต่งหน้าเท่าไหร่เพราะแต่งไปเป็น ตัดภาพไปที่เพื่อนเราก็คือ คิว ตา ปาก มาเต็ม555 โอเคร เริ่มช่วง ม.5 เป็นชั้นปีที่ต้องทำกิจกรรมเยอะมากๆไม่ว่าจะเป็นกีฬาสี รับน้อง เป็นแกนนำ นู่นนี้นั้นเต็มไปหมด พวกท่านก็เริ่มที่จะให้เรานั่งซ้อนมอไซต์เพื่อนละ เพราะว่า มีแต่คนขับมอไซต์เป็น เราขับเป็นแต่ไม่แข็งและไม่กล้าขับ นอกจากถนนในหมู่บ้าน อ่ะโอเคร ม.5 พวกท่านก็เริ่มให้เรามีอิสระมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้อิสระขนาดนั้น เหมือนแบบ ปล่อยนกออกจากกรงก็จริงแต่ก็ยังมัดเชือกไว้ที่เท้าของมันอยู่ บินแค่ไปกรอบ พอเราเริ่ม ขึ้น ม.6 เริ่มที่จะต้องเข้า ม. แล้ว เราก็ต้องเลือก ม.ที่เราอยากจะเข้าใช่ไหม แต่เราไม่ได้คิดงั้นเลย เราต้องคิดว่า ม.ไหนมันใกล้บ้าน และม.ไหนที่พ่อกับแม่ไม่อยากให้เข้า ก็อย่างที่บอกไว้ค่ะว่า พ่อกับแม่อยากให้เข้า ม.เชียงใหม่ ซึ่งการแข่งขันมันสูงเราก็ต้องหา ม.สำรองไว้ ถ้าเลือกม.ในเชียงใหม่นอกจาก มช.แล้วก็ไม่มีที่ไหนแล้วที่อยากจะเข้าแล้ว โอเครค่ะ ก็เล่ามายาวพอสมควร เข้าใจหรือไม่เข้าใจก็บอกด้วยนะคะ เรื่องแรกที่มาเขียน ไม่รู้จะระบายความเครียดนี้ที่ไหน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ยังไงช่วยแนะนำวิธีหน่อยค่ะ