ต้องขอกล่าวสวัสดีทักทายครับ โดยเฉพาะกับลิเวอร์พูลในพันทิปที่น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี
เดิมทีผมเคยวางแผนจะเขียนบทความยาวเรื่องลิเวอร์พูลได้แชมป์ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ร่ายยาวสักที ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างล่ะนะ
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แวะเวียนมาเขียนหลังเกมอยู่เสมอ ๆ ครับ
ทีนี้พอได้รับการสะกิดไอเดียมา ก็เลยคิดว่าใช้โอกาสนี้มาพูดถึงประเด็นนั่นนี่เอาสนุกบ้างดีกว่า เคาะทักษะการเขียนบทความตอนยาวไปพร้อม ๆ กัน
ที่มาที่ไปของบทความนี้ก็เริ่มจากภาพนี้กันก่อนเลย ซึ่งจังหวะชวนกันรำวงมาก ที่กระทู้ข้างล่างก็พูดถึงพอดี
คีย์เวิร์ดที่ทำให้เกิดไอเดียขยายความมาถึงบทความชิ้นนี้
เนื้อหาจะมี 2 ส่วนด้วยกันคือส่วนเฮฮากับส่วนสาระ รวมกันแล้วก็ยาวเอาเรื่องเลย เพราะงั้นแล้วกระทู้นี้เอาเบา ๆ ส่วนประเด็นสาระไว้เราไปต่อในกระทู้บ้านอันใหม่นะครับ
ก่อนอื่นต้องบอกที่มาที่ไปก่อนว่า ภาพนี้ได้มาจาก IG ของลูกพี่เค้า
https://www.instagram.com/virgilvandijk/
เห็นแล้วก็แบบว่า ...
ใครหนอ ช่างกระซิบลูกพี่ให้พิมพ์คำนี้
ในฐานะแฟนบอลลิเวอร์พูลที่ทันยุคเปลี่ยนผ่านก็บอกได้เลยว่า ล้ำมาก เลือกใช้คำที่มีประวัติศาสตร์เอาเรื่องเลย...
คือถ้าพูดถึงคำว่า
มาแน่ เนี่ย
แฟนบอลที่เชียร์มาตั้งแต่เริ่มมีโซเชียล จะถือคำนี้เป็นวลีคลาสสิคเลยครับ
ผมไม่ชัวร์ว่าใครเป็นคนแรกที่เริ่มพูด แต่ช่วงที่ห่างหายจากแชมป์มานาน ก็แฟนลิเวอร์พูลนี่แหล่ะ ที่พูดบ่อย ๆ
ก็คือเป็นวลีที่พูดในเชิงปลง ๆ บวกให้กำลังใจตัวเองว่า ไม่เป็นไรน่ะ
ปีหน้าเอาใหม่!
เห็นคำนี้ทีไร ผมว่าแฟนหงส์รุ่นลายครามคงนึกถึงการ์ตูนของ
คุณไทยมุงหรรษา เป็นแน่ ซึ่งตอนนี้เห็นเอาดีเรื่องพ่อบ้านใจกล้าอยู่ (แต่เวลามีประเด็นบอลก็ยังเอามาแซวอยู่นะ ความเป็นลิเวอร์พูลไม่เคยหายไปจากตัวเขาเลยจริง ๆ แค่ภรรยาต้องไม่อยู่ข้างหลังเท่านั้นเอง
)
เพื่อให้กองเชียร์ใหม่ในยุคนี้เก็ตมุก... ก็ต้องเรียนว่า เคยมีกระทู้ตั้งแต่สมัย 10 ปีที่แล้วในพันทิป ที่ตอนนี้ยังเปิดยังอ่านได้อยู่ครับ
เป็นห้วงที่ผลงานลีคของลิเวอร์พูลยังจุมปุ้ก อยู่ในโซนพื้นที่ยูโรป้าลีค ส่วนแมนยูฯ ยังคงเถลิงแชมป์ในช่วงปลายการคุมทีมของเฟอร์กี้อยู่เรื่อย ๆ
เรียกได้ว่าฟอร์มคนละขั้วเลย เพราะงั้นไม่ต้องสืบก็รู้กันล่ะครับว่าคำนี้มีไว้ใช้ล้อแฟนหงส์นี่แหล่ะ
และนี่ก็คือกระทู้รำลึกความหลังในห้วงเวลานั้น...
http://topicstock.ppantip.com/supachalasai/topicstock/2011/06/S10677385/S10677385.html
คำว่ามาแน่ สมัยนั้นไม่หวังขนาดอหังการจะสยบทุกทีมครับ จะพูดออกเชิง ปีหน้าเอาใหม่มากกว่า เผื่อลุ้นการเปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างการ์ตูนคุณไทยมุงฯ ในกระทู้รำลึกอดีตสมัยห่างเหินแชมป์ครับ
จนเวลาผ่านไป ทีมเปลี่ยนเจ้าของ ได้โค้ชดี บอลมีทรง ผลงานก็เคยมีห้วงเวลาไปแตะที่ 2 มาหลายหน คำว่าปีหน้า มาแน่ จึงถูกพูดถึงกันมากขึ้นในเชิงเอาจริงครับ
ทางฟากทีมเพื่อนรักเองก็ย่อมไม่เชื่อว่ามันจะมาถึงฝั่งหรอก ยิ่งพอได้ที่ 2 แล้วปีถัดมาฟอร์มหลุดนี่ วลีนี้จึงเป็นอะไรที่ถูกแซวให้ได้เขินมาหลายหนเลยทีเดียว
และแน่นอนว่าภาพของคุณไทยมุงฯ เองก็เป็นมีมหนึ่งในยุคนั้นด้วย
คนจริงครับ เล่นเอง เจ็บเอง นักเลงพอ
มาแน่... เลยเป็นคำที่ผูกขาดของลิเวอร์พูลมาในช่วงทศวรรตที่แล้ว ทั้งจากปากแฟนบอลลิเวอร์พูลพูดปลุกใจ ไปจนถึงแฟนบอลต่างทีมที่ยัดเยียดเพื่อแซว
แต่พอเข้าช่วงยุคคล็อปป์ที่พาทีมได้ถ้วยแชมป์เปี้ยนลีค ถ้วยพรีเมียร์ลีค ถ้วยสโมสรโลกแล้ว ... มันก็เป็นห้วงเวลาที่ตรงข้ามเหลือเกินกับทีมคู่ปรับที่ขาลงและวนเวียนหาทั้งแนวทางการทำทีมไปจนถึงตัวผู้จัดการ
ไป ๆ มา ๆ ปีหน้า(ปีนี้)มาแน่ เนี่ย มันก็กลายเป็นที่ถูกยัดเยียดให้กับทีมแมนยูฯ แทน แบบที่ลิเวอร์พูลเคยโดนมาแบบทีใครทีมันนี่เอง
แต่ว่าก็ว่าเถอะ พอพูดคำว่ามาแน่กับทีมแมนยูฯ นี่... ผมนึกถึงเวลาซื้อตัวนักเตะมากกว่า แบบ '
มาแน่! ปิดดีลใน 48 ชม.' เงี้ย
แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครมาตามนัด...
เห็นว่าประเด็นนี้เริ่มมาตั้งแต่สมัยยุคโรนัลดิญโญ่ ยุคไกตันโน้นเลย...
ความจริงคือ... สาเหตุก็มีทั้งจากการปั่นข่าวนักเตะที่ไม่ได้จะย้ายมาจริง ไปจนถึงการล่าช้าในขั้นตอนเจรจาจนปิดดีลไม่ทันกำหนด
จนทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นประเด็นให้ได้ล้อกันอยู่ครับ…
มาแน่ที่ยังไม่มา... (และไม่ใช่ชื่อเพลงของเก็ตสึโนว่า แต่อย่างใด)
ยังไม่มา... นี่ถือเป็นหนึ่งในมุกที่เพจ just toon it ชอบล้อนักเชียว
https://www.facebook.com/Justtoonit/posts/2860032150734129
ทีนี้พอพูดถึงฟานไดจ์คพูดว่า มาแน่ เนี่ย ถ้าตีความขำ ๆ มุมแฟนหงส์ล่ะก็ ห้วงเวลาที่พูดมันก็ใช่จริง ๆ ล่ะครับ
ประการแรก คือ ตัวฟานไดจ์คที่กลับมายืนตัวจริง นี่เป็นอะไรที่ดีงามที่สุดแล้ว เพราะคนแค่ 1 คนหวนคืน แต่ทีมได้ถึง 3 เลยทีเดียว
1. ได้ผู้บัญชาการแนวรับ โดยลูกพเป็นทั้งคนคุมโซนแนวป้องกันภาคพื้น ไปจนถึงการปิดพื้นที่อันตรายจากลูกกลางอากาศ ส่วนนี้เป็นอะไรที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะตัวมาก เพราะกองหลังสายบัญชาการเก่ง ๆ นี่มีน้อยจนแทบนับหัวได้เลย เพราะต้องทั้งอ่านเกมได้และเล่นได้นิ่งจริง และมักเป็นตัวหลักของทีมนั้น ๆ จะซื้อแต่ละทีนี่ยากมากและราคาไม่เคยถูกแน่
ฤดูกาลผ่านมาจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาตัวแทนฟานไดจ์คได้... ต้องประคองไปก่อน รอเจ้าตัวกลับมานี่เอง และเขาก็กลับมาแล้วตามที่ว่าครับ
2. ความแกร่งของฟานไดจ์ค ทำให้คล็อปป์ไม่ต้องปรับแผนมาก เป็นที่รู้กันว่ามาติปที่เล่นดีคู่กันได้ก็ร่างกายเปราะเจ็บง่าย... โคนาเต้เพิ่งย้ายมาต้องปรับตัว... ส่วนโกเมสก็เพิ่งฟื้น... ฉะนั้นแล้วฟานไดจ์คที่ร่างกายสมบูรณ์จึงเป็นแกนหลักสำคัญที่ทำให้คล็อปป์ไม่ต้องเปลี่ยนแผนบ่อย อย่างน้อยก็มีกองหลังตัวยืนแล้วแน่ ๆ 1 คนล่ะ ที่เหลือก็หมุน ๆ กันกับลิสต์ที่ว่าครับ ไม่ต้องเร่งรีบ
และที่สำคัญไม่ต้องดึงกองกลางมายืนเซนเตอร์ด้วย ซึ่งเรื่องนี้แฟนบอลล้วนคิดตรงกันล่ะว่า ‘
พอเหอะป๋า...’
ฉะนั้นแล้วการกลับมาของฟานไดจ์คที่ไม่เจ็บไข้นี่ถือเป็นเรื่องดีงาม เพราะทำให้โรเตชั่นแผงหลังได้ตรงจุดและง่ายขึ้นครับ อย่างช่วงนี้ก็หมุนมาติปได้สบาย ๆ ไม่ต้องฝืนถ้าไม่จำเป็น ส่วนฟานไดจ์คก็รอไปพักในเกมบอลถ้วยสลับกันไป
3. กองหลังเชิงบุกที่ตอบโจทย์ระบบคล็อปป์ อันนี้สำคัญมากไม่แพ้ข้อแรกเลย เพราะลิเวอร์พูลคือทีมจอมบุกและจอมเพรส และควรเอาชนะเกมเพรสได้ด้วย ฉะนั้นกองหลังที่ใจเย็น นิ่ง เก็บบอลได้ วางบอลยาวเป็น ถือเป็นผู้เล่นที่สำคัญมาก ๆ เห็นเด่นเรื่องการตั้งรับแบบนั้นแต่ในเกมหนึ่ง ๆ ฟานไดจ์คก็ขยับสูงมาเล่นเป็นกลางรับช่วยโฮลด์บอลอยู่บ่อย ๆ ครับ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่เก๋าพอไม่แนะนำให้เล่นเลย เพราะพลาดทีถูกสวนขึ้นมา อาจถึงขั้นเสียประตูได้...
จะเห็นว่าฤดูกาลก่อนกองหลังจอมเวหาอย่างแนท ฟิลลิปส์ เองพอยืนตัวจริงก็ได้บอลน้อยกว่าฟานไดจ์คมาก ไม่ต้องพูดถึงสถิติการมีส่วนร่วมกับการเปิดเกมเลย น้อยลงไปอีก... นี่เป็นการเล่นที่หาคนมาทำแทนได้ยากไม่แพ้กับสายบัญชาการเลย
สำหรับปัจจุบันนี้... ถึงฟานไดจ์คจะยังไม่ฟิตเท่าตอนร่างทองตอนก่อนเจ็บหนัก แต่พอฤดูกาลนี้แกกลับมาและได้ลงสนามเยอะมากทีเดียว เป็นรองก็แค่ซาล่าห์เท่านั้น พูดง่าย ๆ ก็คือได้ลง ‘เกือบ’ ทุกเกม ถ้านับเฉพาะพรีเมียร์ลีคคือ ‘ลงครบ’ ทุกเกมครับ
ผลลัพธ์ก็คือ... ในรายการพรีเมียร์ ทีมยังคงอยู่ในพื้นที่ลุ้นแชมป์ ยิงประตูเยอะที่สุดในลีค ขณะที่รายการ UCL ทั้งที่อยู่ในกลุ่มที่ถูกเรียกว่ากลุ่มแห่งความตาย แต่ก็เก็บ 12 แต้มเต็มที่ทะลุไปรอบตัดเชือกได้แล้วโดยที่ยังเหลืออีก 2 เกม
เช่นนั้นแลครับ การมีกองหลังที่ตอบโจทย์อย่างฟานไดจ์คแล้ว ก็สร้างความแตกต่างระหว่างฟอร์มปัจจุบัน กับผลงานในฤดูกาลก่อนที่ไม่มีลูกพี่อยู่ ได้ถึงฉะนี้เลย...
พอลูกพี่กลับมา หลายคนก็อุ่นใจ ทั้งผู้จัดการ เพื่อนร่วมทีม แล้วก็แฟนบอล
ประการที่สอง มาเน่ก็ดูจะมาแล้วอีกคน พูดแล้วก็คิดถึงแฮะ
มาเน่ มาแน่ เนี่ย......
ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม แต่คำนี้ก็มีมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ ที่เขาย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลล่ะ และจนทุกวันนี้ก็ยังคงใช้อยู่ครับ
ประเด็นคือเดิมทีเจ้าตัวก็รับหน้าที่เดอะแบกของทีมตั้งแต่ย้ายมา ยิงอาจไม่มากแต่ก็มีส่วนในเกมที่ชนะหลายนัดทีเดียว
จนกระทั่งซาล่าห์ย้ายมาและรับช่วงหน้าที่เข้าทำหลักแทน มาเน่ก็ถูกลดบทบาทไป ให้เล่นฝั่งซ้ายและเชื่อมเกมรุกมากกว่าเข้าทำตรง ๆ ฟอร์มจึงดร็อปลง แต่แฟนบอลเองก็ยังคงให้กำลังใจและเชื่อว่าถ้าความมั่นใจกลับมาแกก็จะยิงอีกจนได้ครับ คำว่า มาเน่มาแน่ เลยเป็นคำพูดในเชิงปลุกใจให้กำลังใจไปในที่สุด
อย่างในฤดูกาลนี้ช่วงแรก ๆ ก็มีทรงแบบนั้นเหมือนกันครับ คือเล่นไม่ออก ลูกจ่อก็ยิงพลาด... ทรงฟอร์มนี่คือ บทจะมาก็มา บทจะหายก็หาย ช่วงไหนฝืนเลี้ยงมากหน่อยก็จะถูกบ่นเป็นพิเศษ
แต่คุณลักษะพิเศษหนึ่งของมาเน่คือแกก็มาได้เรื่อย ๆ นะ ถึงไม่ต่อเนื่องก็เถอะ นี่พอเวลาผ่านไปนี่แกยิงเก็บมาเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็ยิงประตูไล่ซาล่าห์มาแล้ว (ซาล่าห์ 15 ลูก) (มาเน่ตอนนี้ยิงไป 8 ลูก)
ผลงานการยิงประตู(และมีส่วนร่วม) เหมือนจะมาบ้างไม่มาบ้าง แต่เผลอแป๊บเดียว แกมาจริง ๆ
ตอนนี้คะแนนในเกมแฟนตาซีพุ่งมาติด TOP3 ในตำแหน่งเดียวกันไปแล้วครับ
ก็อปท่าดีใจเฟอร์มิโน่มาก็ฮาดีครับ ดูสามัคคีกันยิ่ง แล้วถ้ายิ่งไปก็อปผลงานการถล่มประตูซาล่าห์มาด้วยนี่ ถือว่าแจ่มแมวสุดเข้าไปใหญ่
นั่นแลครับ มาแน่ นี่เป็นคำที่มีความผูกพันกับลิเวอร์พูลทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อยเลย ก็ถือว่าดีที่คล็อปป์พาทีมคว้าแชมป์ได้ คำนี้จากที่เคยใช้ในเชิงหยอกล้อ ก็กลายเป็นพูดแล้วดูมีพลังบวกขึ้นมาแทน
ส่งท้ายกระทู้นี้กับภาพนี้ ที่ผมแปะไว้เป็นอีสเตอร์เอ็กครับ
แน่นอนว่าลูกพี่คงไม่ลงข้อความไว้เล่น ๆ แน่ เช่นนั้นย่อมมีนัยยะในตัวเองด้วยเช่นกัน
ก็... ถ้าดูจากภาพ สี โลโก้ อีเว้นท์ก่อนหน้านี้ ผมว่าบางทีตอนนี้ท่านๆ เองก็น่าจะเดาออกแล้วกระมัง ฮ่ะๆ และน่าจะคิดแบบเดียวกันที่ผมกำลังคิดแหง ๆ
ใบ้อีกนิดครับว่า ดูจากภาพแล้วข้างต้นแล้วผมนึกถึงเสื้อใหม่ทีมเรามาก ๆ
เป็นอะไรแบบที่ว่าพอแล้ว ก็รู้สึกอยากกระดกขวดเครื่องดื่มอะไรบางอย่างขึ้นมาเลย ฮ่ะๆ
สำหรับท่านที่ยังตีความไม่ออกอีกล่ะก็... ผมแนะนำกระทู้ ฟานไดจ์คค... กับอะไรล่ะนั่น...?
https://ppantip.com/topic/39666593
ผมเคยเขียนไว้เมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งคำตอบของอีสเตอร์เอ็กอยู่ในบทความนั้นเอง
(แต่เอาเข้าจริง ถ้าสมัคร ig ไว้ แล้วตามไปดูตามลิ้งค์ต้นกระทู้ล่ะก็ ผมว่าคำตอบก็เฉลยจะแจ้งที่สุดในนั้นแล้วล่ะนะ)
ในตอนนี้ก็สรุปคร่าว ๆ ว่าลูกพี่ไม่ได้กลับมาให้เราปลื้มใจแค่ในสโมสรเท่านั้น แต่จะปรากฎตัวในอีกบทบาทหนึ่ง... แบบที่เคยทำมาครั้งก่อนอะครับ
และรู้สึกว่าหนนี้ก็เห็นว่าเซอร์ไพรส์ด้วยเหมือนกัน คือน่าจะมีคู่หูพรีเซนเตอร์ที่จะมาร่วมแจมหรือไรนี่แหล่ะ
ไหน ๆ ก็ติดตามกันมาถึงตรงนี้แล้ว เรามาเดากันเอาสนุกดีกว่าครับ ว่าที่ลูกพี่มาโพสภาษาไทยแบบนี้จะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์อะไร
แล้วถ้ามีคู่หูมาร่วมด้วยจริงๆ ล่ะก็... ท่าน ๆ เพื่อน ๆ คิดว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใครน้อ ...?
ว่าแล้วก็เชิญความเห็นต่อไปเสนอชื่อได้เลยครับ 😊
มาแน่! (แต่อะไรมาหว่า...?)
เดิมทีผมเคยวางแผนจะเขียนบทความยาวเรื่องลิเวอร์พูลได้แชมป์ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ร่ายยาวสักที ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างล่ะนะ
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แวะเวียนมาเขียนหลังเกมอยู่เสมอ ๆ ครับ
ทีนี้พอได้รับการสะกิดไอเดียมา ก็เลยคิดว่าใช้โอกาสนี้มาพูดถึงประเด็นนั่นนี่เอาสนุกบ้างดีกว่า เคาะทักษะการเขียนบทความตอนยาวไปพร้อม ๆ กัน
ที่มาที่ไปของบทความนี้ก็เริ่มจากภาพนี้กันก่อนเลย ซึ่งจังหวะชวนกันรำวงมาก ที่กระทู้ข้างล่างก็พูดถึงพอดี
คีย์เวิร์ดที่ทำให้เกิดไอเดียขยายความมาถึงบทความชิ้นนี้
เนื้อหาจะมี 2 ส่วนด้วยกันคือส่วนเฮฮากับส่วนสาระ รวมกันแล้วก็ยาวเอาเรื่องเลย เพราะงั้นแล้วกระทู้นี้เอาเบา ๆ ส่วนประเด็นสาระไว้เราไปต่อในกระทู้บ้านอันใหม่นะครับ
ก่อนอื่นต้องบอกที่มาที่ไปก่อนว่า ภาพนี้ได้มาจาก IG ของลูกพี่เค้า
https://www.instagram.com/virgilvandijk/
เห็นแล้วก็แบบว่า ... ใครหนอ ช่างกระซิบลูกพี่ให้พิมพ์คำนี้
ในฐานะแฟนบอลลิเวอร์พูลที่ทันยุคเปลี่ยนผ่านก็บอกได้เลยว่า ล้ำมาก เลือกใช้คำที่มีประวัติศาสตร์เอาเรื่องเลย...
คือถ้าพูดถึงคำว่า มาแน่ เนี่ย
แฟนบอลที่เชียร์มาตั้งแต่เริ่มมีโซเชียล จะถือคำนี้เป็นวลีคลาสสิคเลยครับ
ผมไม่ชัวร์ว่าใครเป็นคนแรกที่เริ่มพูด แต่ช่วงที่ห่างหายจากแชมป์มานาน ก็แฟนลิเวอร์พูลนี่แหล่ะ ที่พูดบ่อย ๆ
ก็คือเป็นวลีที่พูดในเชิงปลง ๆ บวกให้กำลังใจตัวเองว่า ไม่เป็นไรน่ะ ปีหน้าเอาใหม่!
เห็นคำนี้ทีไร ผมว่าแฟนหงส์รุ่นลายครามคงนึกถึงการ์ตูนของ คุณไทยมุงหรรษา เป็นแน่ ซึ่งตอนนี้เห็นเอาดีเรื่องพ่อบ้านใจกล้าอยู่ (แต่เวลามีประเด็นบอลก็ยังเอามาแซวอยู่นะ ความเป็นลิเวอร์พูลไม่เคยหายไปจากตัวเขาเลยจริง ๆ แค่ภรรยาต้องไม่อยู่ข้างหลังเท่านั้นเอง )
เพื่อให้กองเชียร์ใหม่ในยุคนี้เก็ตมุก... ก็ต้องเรียนว่า เคยมีกระทู้ตั้งแต่สมัย 10 ปีที่แล้วในพันทิป ที่ตอนนี้ยังเปิดยังอ่านได้อยู่ครับ
เป็นห้วงที่ผลงานลีคของลิเวอร์พูลยังจุมปุ้ก อยู่ในโซนพื้นที่ยูโรป้าลีค ส่วนแมนยูฯ ยังคงเถลิงแชมป์ในช่วงปลายการคุมทีมของเฟอร์กี้อยู่เรื่อย ๆ
เรียกได้ว่าฟอร์มคนละขั้วเลย เพราะงั้นไม่ต้องสืบก็รู้กันล่ะครับว่าคำนี้มีไว้ใช้ล้อแฟนหงส์นี่แหล่ะ
และนี่ก็คือกระทู้รำลึกความหลังในห้วงเวลานั้น...
http://topicstock.ppantip.com/supachalasai/topicstock/2011/06/S10677385/S10677385.html
คำว่ามาแน่ สมัยนั้นไม่หวังขนาดอหังการจะสยบทุกทีมครับ จะพูดออกเชิง ปีหน้าเอาใหม่มากกว่า เผื่อลุ้นการเปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างการ์ตูนคุณไทยมุงฯ ในกระทู้รำลึกอดีตสมัยห่างเหินแชมป์ครับ
จนเวลาผ่านไป ทีมเปลี่ยนเจ้าของ ได้โค้ชดี บอลมีทรง ผลงานก็เคยมีห้วงเวลาไปแตะที่ 2 มาหลายหน คำว่าปีหน้า มาแน่ จึงถูกพูดถึงกันมากขึ้นในเชิงเอาจริงครับ
ทางฟากทีมเพื่อนรักเองก็ย่อมไม่เชื่อว่ามันจะมาถึงฝั่งหรอก ยิ่งพอได้ที่ 2 แล้วปีถัดมาฟอร์มหลุดนี่ วลีนี้จึงเป็นอะไรที่ถูกแซวให้ได้เขินมาหลายหนเลยทีเดียว
และแน่นอนว่าภาพของคุณไทยมุงฯ เองก็เป็นมีมหนึ่งในยุคนั้นด้วย
คนจริงครับ เล่นเอง เจ็บเอง นักเลงพอ
มาแน่... เลยเป็นคำที่ผูกขาดของลิเวอร์พูลมาในช่วงทศวรรตที่แล้ว ทั้งจากปากแฟนบอลลิเวอร์พูลพูดปลุกใจ ไปจนถึงแฟนบอลต่างทีมที่ยัดเยียดเพื่อแซว
แต่พอเข้าช่วงยุคคล็อปป์ที่พาทีมได้ถ้วยแชมป์เปี้ยนลีค ถ้วยพรีเมียร์ลีค ถ้วยสโมสรโลกแล้ว ... มันก็เป็นห้วงเวลาที่ตรงข้ามเหลือเกินกับทีมคู่ปรับที่ขาลงและวนเวียนหาทั้งแนวทางการทำทีมไปจนถึงตัวผู้จัดการ
ไป ๆ มา ๆ ปีหน้า(ปีนี้)มาแน่ เนี่ย มันก็กลายเป็นที่ถูกยัดเยียดให้กับทีมแมนยูฯ แทน แบบที่ลิเวอร์พูลเคยโดนมาแบบทีใครทีมันนี่เอง
แต่ว่าก็ว่าเถอะ พอพูดคำว่ามาแน่กับทีมแมนยูฯ นี่... ผมนึกถึงเวลาซื้อตัวนักเตะมากกว่า แบบ 'มาแน่! ปิดดีลใน 48 ชม.' เงี้ย
แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครมาตามนัด...
เห็นว่าประเด็นนี้เริ่มมาตั้งแต่สมัยยุคโรนัลดิญโญ่ ยุคไกตันโน้นเลย...
ความจริงคือ... สาเหตุก็มีทั้งจากการปั่นข่าวนักเตะที่ไม่ได้จะย้ายมาจริง ไปจนถึงการล่าช้าในขั้นตอนเจรจาจนปิดดีลไม่ทันกำหนด
จนทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นประเด็นให้ได้ล้อกันอยู่ครับ… มาแน่ที่ยังไม่มา... (และไม่ใช่ชื่อเพลงของเก็ตสึโนว่า แต่อย่างใด)
ยังไม่มา... นี่ถือเป็นหนึ่งในมุกที่เพจ just toon it ชอบล้อนักเชียว
https://www.facebook.com/Justtoonit/posts/2860032150734129
ทีนี้พอพูดถึงฟานไดจ์คพูดว่า มาแน่ เนี่ย ถ้าตีความขำ ๆ มุมแฟนหงส์ล่ะก็ ห้วงเวลาที่พูดมันก็ใช่จริง ๆ ล่ะครับ
ประการแรก คือ ตัวฟานไดจ์คที่กลับมายืนตัวจริง นี่เป็นอะไรที่ดีงามที่สุดแล้ว เพราะคนแค่ 1 คนหวนคืน แต่ทีมได้ถึง 3 เลยทีเดียว
1. ได้ผู้บัญชาการแนวรับ โดยลูกพเป็นทั้งคนคุมโซนแนวป้องกันภาคพื้น ไปจนถึงการปิดพื้นที่อันตรายจากลูกกลางอากาศ ส่วนนี้เป็นอะไรที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะตัวมาก เพราะกองหลังสายบัญชาการเก่ง ๆ นี่มีน้อยจนแทบนับหัวได้เลย เพราะต้องทั้งอ่านเกมได้และเล่นได้นิ่งจริง และมักเป็นตัวหลักของทีมนั้น ๆ จะซื้อแต่ละทีนี่ยากมากและราคาไม่เคยถูกแน่
ฤดูกาลผ่านมาจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาตัวแทนฟานไดจ์คได้... ต้องประคองไปก่อน รอเจ้าตัวกลับมานี่เอง และเขาก็กลับมาแล้วตามที่ว่าครับ
2. ความแกร่งของฟานไดจ์ค ทำให้คล็อปป์ไม่ต้องปรับแผนมาก เป็นที่รู้กันว่ามาติปที่เล่นดีคู่กันได้ก็ร่างกายเปราะเจ็บง่าย... โคนาเต้เพิ่งย้ายมาต้องปรับตัว... ส่วนโกเมสก็เพิ่งฟื้น... ฉะนั้นแล้วฟานไดจ์คที่ร่างกายสมบูรณ์จึงเป็นแกนหลักสำคัญที่ทำให้คล็อปป์ไม่ต้องเปลี่ยนแผนบ่อย อย่างน้อยก็มีกองหลังตัวยืนแล้วแน่ ๆ 1 คนล่ะ ที่เหลือก็หมุน ๆ กันกับลิสต์ที่ว่าครับ ไม่ต้องเร่งรีบ
และที่สำคัญไม่ต้องดึงกองกลางมายืนเซนเตอร์ด้วย ซึ่งเรื่องนี้แฟนบอลล้วนคิดตรงกันล่ะว่า ‘พอเหอะป๋า...’
ฉะนั้นแล้วการกลับมาของฟานไดจ์คที่ไม่เจ็บไข้นี่ถือเป็นเรื่องดีงาม เพราะทำให้โรเตชั่นแผงหลังได้ตรงจุดและง่ายขึ้นครับ อย่างช่วงนี้ก็หมุนมาติปได้สบาย ๆ ไม่ต้องฝืนถ้าไม่จำเป็น ส่วนฟานไดจ์คก็รอไปพักในเกมบอลถ้วยสลับกันไป
3. กองหลังเชิงบุกที่ตอบโจทย์ระบบคล็อปป์ อันนี้สำคัญมากไม่แพ้ข้อแรกเลย เพราะลิเวอร์พูลคือทีมจอมบุกและจอมเพรส และควรเอาชนะเกมเพรสได้ด้วย ฉะนั้นกองหลังที่ใจเย็น นิ่ง เก็บบอลได้ วางบอลยาวเป็น ถือเป็นผู้เล่นที่สำคัญมาก ๆ เห็นเด่นเรื่องการตั้งรับแบบนั้นแต่ในเกมหนึ่ง ๆ ฟานไดจ์คก็ขยับสูงมาเล่นเป็นกลางรับช่วยโฮลด์บอลอยู่บ่อย ๆ ครับ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่เก๋าพอไม่แนะนำให้เล่นเลย เพราะพลาดทีถูกสวนขึ้นมา อาจถึงขั้นเสียประตูได้...
จะเห็นว่าฤดูกาลก่อนกองหลังจอมเวหาอย่างแนท ฟิลลิปส์ เองพอยืนตัวจริงก็ได้บอลน้อยกว่าฟานไดจ์คมาก ไม่ต้องพูดถึงสถิติการมีส่วนร่วมกับการเปิดเกมเลย น้อยลงไปอีก... นี่เป็นการเล่นที่หาคนมาทำแทนได้ยากไม่แพ้กับสายบัญชาการเลย
สำหรับปัจจุบันนี้... ถึงฟานไดจ์คจะยังไม่ฟิตเท่าตอนร่างทองตอนก่อนเจ็บหนัก แต่พอฤดูกาลนี้แกกลับมาและได้ลงสนามเยอะมากทีเดียว เป็นรองก็แค่ซาล่าห์เท่านั้น พูดง่าย ๆ ก็คือได้ลง ‘เกือบ’ ทุกเกม ถ้านับเฉพาะพรีเมียร์ลีคคือ ‘ลงครบ’ ทุกเกมครับ
ผลลัพธ์ก็คือ... ในรายการพรีเมียร์ ทีมยังคงอยู่ในพื้นที่ลุ้นแชมป์ ยิงประตูเยอะที่สุดในลีค ขณะที่รายการ UCL ทั้งที่อยู่ในกลุ่มที่ถูกเรียกว่ากลุ่มแห่งความตาย แต่ก็เก็บ 12 แต้มเต็มที่ทะลุไปรอบตัดเชือกได้แล้วโดยที่ยังเหลืออีก 2 เกม
เช่นนั้นแลครับ การมีกองหลังที่ตอบโจทย์อย่างฟานไดจ์คแล้ว ก็สร้างความแตกต่างระหว่างฟอร์มปัจจุบัน กับผลงานในฤดูกาลก่อนที่ไม่มีลูกพี่อยู่ ได้ถึงฉะนี้เลย...
พอลูกพี่กลับมา หลายคนก็อุ่นใจ ทั้งผู้จัดการ เพื่อนร่วมทีม แล้วก็แฟนบอล
ประการที่สอง มาเน่ก็ดูจะมาแล้วอีกคน พูดแล้วก็คิดถึงแฮะ มาเน่ มาแน่ เนี่ย......
ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม แต่คำนี้ก็มีมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ ที่เขาย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลล่ะ และจนทุกวันนี้ก็ยังคงใช้อยู่ครับ
ประเด็นคือเดิมทีเจ้าตัวก็รับหน้าที่เดอะแบกของทีมตั้งแต่ย้ายมา ยิงอาจไม่มากแต่ก็มีส่วนในเกมที่ชนะหลายนัดทีเดียว
จนกระทั่งซาล่าห์ย้ายมาและรับช่วงหน้าที่เข้าทำหลักแทน มาเน่ก็ถูกลดบทบาทไป ให้เล่นฝั่งซ้ายและเชื่อมเกมรุกมากกว่าเข้าทำตรง ๆ ฟอร์มจึงดร็อปลง แต่แฟนบอลเองก็ยังคงให้กำลังใจและเชื่อว่าถ้าความมั่นใจกลับมาแกก็จะยิงอีกจนได้ครับ คำว่า มาเน่มาแน่ เลยเป็นคำพูดในเชิงปลุกใจให้กำลังใจไปในที่สุด
อย่างในฤดูกาลนี้ช่วงแรก ๆ ก็มีทรงแบบนั้นเหมือนกันครับ คือเล่นไม่ออก ลูกจ่อก็ยิงพลาด... ทรงฟอร์มนี่คือ บทจะมาก็มา บทจะหายก็หาย ช่วงไหนฝืนเลี้ยงมากหน่อยก็จะถูกบ่นเป็นพิเศษ
แต่คุณลักษะพิเศษหนึ่งของมาเน่คือแกก็มาได้เรื่อย ๆ นะ ถึงไม่ต่อเนื่องก็เถอะ นี่พอเวลาผ่านไปนี่แกยิงเก็บมาเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็ยิงประตูไล่ซาล่าห์มาแล้ว (ซาล่าห์ 15 ลูก) (มาเน่ตอนนี้ยิงไป 8 ลูก)
ผลงานการยิงประตู(และมีส่วนร่วม) เหมือนจะมาบ้างไม่มาบ้าง แต่เผลอแป๊บเดียว แกมาจริง ๆ
ตอนนี้คะแนนในเกมแฟนตาซีพุ่งมาติด TOP3 ในตำแหน่งเดียวกันไปแล้วครับ
ก็อปท่าดีใจเฟอร์มิโน่มาก็ฮาดีครับ ดูสามัคคีกันยิ่ง แล้วถ้ายิ่งไปก็อปผลงานการถล่มประตูซาล่าห์มาด้วยนี่ ถือว่าแจ่มแมวสุดเข้าไปใหญ่
นั่นแลครับ มาแน่ นี่เป็นคำที่มีความผูกพันกับลิเวอร์พูลทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อยเลย ก็ถือว่าดีที่คล็อปป์พาทีมคว้าแชมป์ได้ คำนี้จากที่เคยใช้ในเชิงหยอกล้อ ก็กลายเป็นพูดแล้วดูมีพลังบวกขึ้นมาแทน
ส่งท้ายกระทู้นี้กับภาพนี้ ที่ผมแปะไว้เป็นอีสเตอร์เอ็กครับ
แน่นอนว่าลูกพี่คงไม่ลงข้อความไว้เล่น ๆ แน่ เช่นนั้นย่อมมีนัยยะในตัวเองด้วยเช่นกัน
ก็... ถ้าดูจากภาพ สี โลโก้ อีเว้นท์ก่อนหน้านี้ ผมว่าบางทีตอนนี้ท่านๆ เองก็น่าจะเดาออกแล้วกระมัง ฮ่ะๆ และน่าจะคิดแบบเดียวกันที่ผมกำลังคิดแหง ๆ
ใบ้อีกนิดครับว่า ดูจากภาพแล้วข้างต้นแล้วผมนึกถึงเสื้อใหม่ทีมเรามาก ๆ
เป็นอะไรแบบที่ว่าพอแล้ว ก็รู้สึกอยากกระดกขวดเครื่องดื่มอะไรบางอย่างขึ้นมาเลย ฮ่ะๆ
สำหรับท่านที่ยังตีความไม่ออกอีกล่ะก็... ผมแนะนำกระทู้ ฟานไดจ์คค... กับอะไรล่ะนั่น...?
https://ppantip.com/topic/39666593
ผมเคยเขียนไว้เมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งคำตอบของอีสเตอร์เอ็กอยู่ในบทความนั้นเอง
(แต่เอาเข้าจริง ถ้าสมัคร ig ไว้ แล้วตามไปดูตามลิ้งค์ต้นกระทู้ล่ะก็ ผมว่าคำตอบก็เฉลยจะแจ้งที่สุดในนั้นแล้วล่ะนะ)
ในตอนนี้ก็สรุปคร่าว ๆ ว่าลูกพี่ไม่ได้กลับมาให้เราปลื้มใจแค่ในสโมสรเท่านั้น แต่จะปรากฎตัวในอีกบทบาทหนึ่ง... แบบที่เคยทำมาครั้งก่อนอะครับ
และรู้สึกว่าหนนี้ก็เห็นว่าเซอร์ไพรส์ด้วยเหมือนกัน คือน่าจะมีคู่หูพรีเซนเตอร์ที่จะมาร่วมแจมหรือไรนี่แหล่ะ
ไหน ๆ ก็ติดตามกันมาถึงตรงนี้แล้ว เรามาเดากันเอาสนุกดีกว่าครับ ว่าที่ลูกพี่มาโพสภาษาไทยแบบนี้จะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์อะไร แล้วถ้ามีคู่หูมาร่วมด้วยจริงๆ ล่ะก็... ท่าน ๆ เพื่อน ๆ คิดว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใครน้อ ...?
ว่าแล้วก็เชิญความเห็นต่อไปเสนอชื่อได้เลยครับ 😊