ดิฉันมีบ้านเดี่ยวอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งในซอยด้านในและในซอยข้างเคียงมีโครงการห้องชุดเดียวกันอยู่อีกรวม 4 อาคาร เป็นโครงการเก่า ในซอยมีถนนกว้าง 8 เมตร แต่ได้ถูกชาวห้องชุดยึดเป็นที่จอดรถไป 1 เลนตลอดแนว รวมถึงบริเวณทางเข้าออกบริเวณหน้าบ้านดิฉันด้วย ในซอยเป็นถนนส่วนบุคคลค่ะ
ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในกรุงเทพฯมีการก่อสร้างท่อระบายน้ำ รถไฟฟ้าหลายจุด รวมทั้งแถวบ้านดิฉันด้วย ใช้เวลาเดินทางไปกลับรวม 4 ชั่วโมงไม่ไหว เลยกั้นห้องที่บ้านทำเป็นห้องทำงานเล็กๆและรับงานพอหาเลี้ยงชีพได้ ไม่ต้องฝ่ารถติดทุกวัน
ช่วงโควิดก็เอารถมาขับไปติดต่องานข้างนอกตามหน่วยงานราชการและเอกชน เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการใช้รถสาธารณะเหมือนหลายๆคนในกรุงเทพฯ เมื่อต้องเลี้ยวรถออกจากที่จอดรถซึ่งเป็นโค้งหักศอก จึงทำให้ตีโค้งถนนที่เหลืออยู่นั้นค่อนข้างลำบาก ประกอบกับฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่า เมื่อฝนตกก็ทำให้ต้นไม้ขึ้นหนาแน่น หน้าดินก็ตกลงมากินพื้นที่ถนนไปอีกประมาณ 50 ซ.ม. สร้างความลำบากให้ดิฉันที่ต้องเลี้ยวเข้าออกบ้านเป็นประจำ
ยิ่งรถกระบะ รถตู้ คันใหญ่มาจอดตรงจุดหักเลี้ยวก็ต้องถอยหลายรอบ เพราะไหนจะต้องรอรถและมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านไปมาอีก จึงต้องเสียเวลาหยุดรอให้เขาไปก่อน คืนหนึ่งมีรถคันหนึ่งพยายามจะมาหาที่จอดให้ได้ ก็มาจอดขวางประตูเข้าบ้านดิฉันเพื่อผลักรถเบียดหาที่จอด ดิฉันต้องจอดรออยู่ปากซอยซักพัก เมื่อทนไม่ไหวต้องลงรถลงมาถามว่าจะใช้เวลาอีกนานไหม เขาถึงได้ขับออกไป รถบางคันไม่ได้ใส่เกียร์ว่าง เวลารถตู้บริษัทแฟนมาจะเข้าออกบ้านไม่ได้เลย เข็นไม่ได้ ติดต่อใครไม่ได้ ติดกระดาษถามเบอร์ก็ไม่ให้ ทิ้งเบอร์โทรให้ก็ไม่โทรกลับ
บางครั้งก็มีรถติดสัญญานกันโขมยมาจอดเป็นเดือน เสียงดังสนั่นตอนยามวิกาลแม้เพียงลมพัด ดิฉันต้องเป็นยามจำเป็น ตื่นมาเปิดไฟดูให้ ติดกระดาษหน้ารถเตือนก็แล้ว ก็ยังมาจอดแต่ขยับออกไปหน่อย จนวันหนึ่งกลับมาเจอเจ้าของรถเข้าพอดี ว่าจะเข้าไปถามเสียหน่อย ขาหยุดกึก พี่เขาน่าจะสักทั้งแขนขาพ้นชายเสื้อออกมา หัวเกรียน หน้ามีกราม
ดิฉันเลยรีบเดินเข้ามาในบ้าน เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวดีกว่า ถ้าจะหัวแตกก็ขอให้เดินสะดุดล้มเพราะความซุ่มซ่ามหรืองุ่มง่ามเองตอนแก่ดีกว่า ดิฉันเลยยืนอยู่ริมรั้วจ้องหน้าพี่เขานิ่งๆอยู่แบบนั้น ส่งกระแสจิตไปโดยไม่ได้พูดอะไร พี่เขารู้ตัวและชักสีหน้าเล็กน้อย วันรุ่งขึ้นก็ไม่เห็นมาจอดอีกเลย
มีรถที่ติดสัญญานกันโขมยมาจอดถัดไปอีกอยู่บ้าง ถ้าทนไม่ไหวก็ขับรถหนีออกจากบ้านไป เพราะเดินไปแจ้งนิติฯของห้องชุดแล้ว แต่เสียงก็ยังไม่เงียบ (เพิ่งได้ความว่าคนที่รับเรื่องเป็นช่างซ่อม ไม่ค่อยรู้เรื่องและทำอะไรให้ไม่ได้ เลยคิดไปเองว่านิติฯคงจะพึ่งพาอะไรไม่ได้)
เนื่องจากฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่า จึงมีรถเก่าและซากรถมาจอดทิ้งอยู่เนืองๆ ช่วงโควิดที่ผ่านมาทำให้อยู่บ้านทุกวัน เห็นรถเก่าๆมาจอดทิ้งก็ไม่สบายใจ จะเรียกเทศกิจมายกไปก็เห็นใจกลัวลุงๆเสียค่าปรับ ก็เลยทำป้ายไปติดไว้ว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นเส้นทางเดินรถมิใช่ที่จอดรถฯ ก็ได้ผลทำให้รถ 3 คันที่มาจอดแช่เป็นอาทิตย์และเป็นเดือนมาขับออกไปในที่สุด แต่ป้ายนั้นกลับสร้างความไม่พอใจให้ชาวห้องชุดอย่างมาก โปรดติดตามเหตุระทึก
ดิฉันจ้างช่างมาช่วยตัดต้นไม้ที่รุกล้ำเข้ามาที่ถนนแล้ว แต่มีดินไหลออกมากินพื้นที่ถนนด้วย ดิฉันได้เคยโทรปรึกษาสน.ใกล้บ้านแล้ว ตอนแรกตำรวจมองว่าปัญหาจอดรถเป็นเรื่องธรรมดา เป็นทุกถนนทุกซอยในกรุงเทพฯ เลยไม่ค่อยสนใจ แต่เสนอให้จอดแบบฟันฉลาม ซึ่งแน่นอนรถก็ยังมาจอดแบบเดิม ผ่านมาซักพักก็โทรไปปรึกษาอีก ตำรวจก็เห็นใจดิฉันบ้าง เลยแนะนำให้หารถคันเล็กไปจอดตรงแนวเลี้ยว หรือให้หาอะไรไปวางกั้นเป็นแนวเลี้ยวไว้
ดิฉันปรึกษาแฟนก็เลยเลือกแบริเออร์ใส่น้ำมาวาง 2 อันบริเวณทางเข้าออก เพราะปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายกับรถที่ขับไปมา ก็ยังถูกจับดันไปมาตลอด จนวันหนึ่งดิฉันเพิ่งเติมน้ำเข้าไปเพิ่มน้ำหนัก กลับมาเจอรถคันหนึ่งยังมาดันแบริเออร์ออกไป เลยถือโอกาสเปิดประเด็นเรื่องจอดรถขึ้นมาเพื่อให้ชาวห้องชุดได้มารับฟังความเดือดร้อนของคนอื่นบ้าง ดิฉันโทรเรียกให้ตำรวจมาเป็นตัวกลางและเป็นพยาน มากัน2นาย เจ้าของรถก็ออกมาโวยวายตะโกนด่าว่าดิฉันโรคจิต เห็นแก่ตัว ใหญ่มาจากไหน พวกเขาอยู่กันมาก่อนนานแล้ว เคยจอดแล้วทำไมถึงจอดไม่ได้ บริเวณหน้าบ้านดิฉันจอดรถได้ถึง 2 คันและต้องการจะจอดต่อไป บอกให้ตำรวจยกแบริเออร์ออกไป (ถนนส่วนบุคคลทางราชการเข้ามายุ่งไม่ได้) โมโหไม่พอใจที่ได้รับกระดาษติดหน้ารถเตือนของดิฉัน
และยังมาว่าดิฉันขับรถไม่เก่งเอง
(เจ้าของรถเรียกพวกมาอีกเป็น 10 คน มาที่หน้าบ้านดิฉัน)
ใครอยากฟังเรื่องต่อ มาคอมเมนต์หน่อยนะคะ
つづく
บ้านอยู่ซอยนี้ต้องขับรถให้เก่งค่าาาาา (เหตุเกิดจากโควิด Stay home)
ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในกรุงเทพฯมีการก่อสร้างท่อระบายน้ำ รถไฟฟ้าหลายจุด รวมทั้งแถวบ้านดิฉันด้วย ใช้เวลาเดินทางไปกลับรวม 4 ชั่วโมงไม่ไหว เลยกั้นห้องที่บ้านทำเป็นห้องทำงานเล็กๆและรับงานพอหาเลี้ยงชีพได้ ไม่ต้องฝ่ารถติดทุกวัน
ช่วงโควิดก็เอารถมาขับไปติดต่องานข้างนอกตามหน่วยงานราชการและเอกชน เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการใช้รถสาธารณะเหมือนหลายๆคนในกรุงเทพฯ เมื่อต้องเลี้ยวรถออกจากที่จอดรถซึ่งเป็นโค้งหักศอก จึงทำให้ตีโค้งถนนที่เหลืออยู่นั้นค่อนข้างลำบาก ประกอบกับฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่า เมื่อฝนตกก็ทำให้ต้นไม้ขึ้นหนาแน่น หน้าดินก็ตกลงมากินพื้นที่ถนนไปอีกประมาณ 50 ซ.ม. สร้างความลำบากให้ดิฉันที่ต้องเลี้ยวเข้าออกบ้านเป็นประจำ
ยิ่งรถกระบะ รถตู้ คันใหญ่มาจอดตรงจุดหักเลี้ยวก็ต้องถอยหลายรอบ เพราะไหนจะต้องรอรถและมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านไปมาอีก จึงต้องเสียเวลาหยุดรอให้เขาไปก่อน คืนหนึ่งมีรถคันหนึ่งพยายามจะมาหาที่จอดให้ได้ ก็มาจอดขวางประตูเข้าบ้านดิฉันเพื่อผลักรถเบียดหาที่จอด ดิฉันต้องจอดรออยู่ปากซอยซักพัก เมื่อทนไม่ไหวต้องลงรถลงมาถามว่าจะใช้เวลาอีกนานไหม เขาถึงได้ขับออกไป รถบางคันไม่ได้ใส่เกียร์ว่าง เวลารถตู้บริษัทแฟนมาจะเข้าออกบ้านไม่ได้เลย เข็นไม่ได้ ติดต่อใครไม่ได้ ติดกระดาษถามเบอร์ก็ไม่ให้ ทิ้งเบอร์โทรให้ก็ไม่โทรกลับ
บางครั้งก็มีรถติดสัญญานกันโขมยมาจอดเป็นเดือน เสียงดังสนั่นตอนยามวิกาลแม้เพียงลมพัด ดิฉันต้องเป็นยามจำเป็น ตื่นมาเปิดไฟดูให้ ติดกระดาษหน้ารถเตือนก็แล้ว ก็ยังมาจอดแต่ขยับออกไปหน่อย จนวันหนึ่งกลับมาเจอเจ้าของรถเข้าพอดี ว่าจะเข้าไปถามเสียหน่อย ขาหยุดกึก พี่เขาน่าจะสักทั้งแขนขาพ้นชายเสื้อออกมา หัวเกรียน หน้ามีกราม
ดิฉันเลยรีบเดินเข้ามาในบ้าน เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวดีกว่า ถ้าจะหัวแตกก็ขอให้เดินสะดุดล้มเพราะความซุ่มซ่ามหรืองุ่มง่ามเองตอนแก่ดีกว่า ดิฉันเลยยืนอยู่ริมรั้วจ้องหน้าพี่เขานิ่งๆอยู่แบบนั้น ส่งกระแสจิตไปโดยไม่ได้พูดอะไร พี่เขารู้ตัวและชักสีหน้าเล็กน้อย วันรุ่งขึ้นก็ไม่เห็นมาจอดอีกเลย
มีรถที่ติดสัญญานกันโขมยมาจอดถัดไปอีกอยู่บ้าง ถ้าทนไม่ไหวก็ขับรถหนีออกจากบ้านไป เพราะเดินไปแจ้งนิติฯของห้องชุดแล้ว แต่เสียงก็ยังไม่เงียบ (เพิ่งได้ความว่าคนที่รับเรื่องเป็นช่างซ่อม ไม่ค่อยรู้เรื่องและทำอะไรให้ไม่ได้ เลยคิดไปเองว่านิติฯคงจะพึ่งพาอะไรไม่ได้)
เนื่องจากฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่า จึงมีรถเก่าและซากรถมาจอดทิ้งอยู่เนืองๆ ช่วงโควิดที่ผ่านมาทำให้อยู่บ้านทุกวัน เห็นรถเก่าๆมาจอดทิ้งก็ไม่สบายใจ จะเรียกเทศกิจมายกไปก็เห็นใจกลัวลุงๆเสียค่าปรับ ก็เลยทำป้ายไปติดไว้ว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นเส้นทางเดินรถมิใช่ที่จอดรถฯ ก็ได้ผลทำให้รถ 3 คันที่มาจอดแช่เป็นอาทิตย์และเป็นเดือนมาขับออกไปในที่สุด แต่ป้ายนั้นกลับสร้างความไม่พอใจให้ชาวห้องชุดอย่างมาก โปรดติดตามเหตุระทึก
ดิฉันจ้างช่างมาช่วยตัดต้นไม้ที่รุกล้ำเข้ามาที่ถนนแล้ว แต่มีดินไหลออกมากินพื้นที่ถนนด้วย ดิฉันได้เคยโทรปรึกษาสน.ใกล้บ้านแล้ว ตอนแรกตำรวจมองว่าปัญหาจอดรถเป็นเรื่องธรรมดา เป็นทุกถนนทุกซอยในกรุงเทพฯ เลยไม่ค่อยสนใจ แต่เสนอให้จอดแบบฟันฉลาม ซึ่งแน่นอนรถก็ยังมาจอดแบบเดิม ผ่านมาซักพักก็โทรไปปรึกษาอีก ตำรวจก็เห็นใจดิฉันบ้าง เลยแนะนำให้หารถคันเล็กไปจอดตรงแนวเลี้ยว หรือให้หาอะไรไปวางกั้นเป็นแนวเลี้ยวไว้
ดิฉันปรึกษาแฟนก็เลยเลือกแบริเออร์ใส่น้ำมาวาง 2 อันบริเวณทางเข้าออก เพราะปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายกับรถที่ขับไปมา ก็ยังถูกจับดันไปมาตลอด จนวันหนึ่งดิฉันเพิ่งเติมน้ำเข้าไปเพิ่มน้ำหนัก กลับมาเจอรถคันหนึ่งยังมาดันแบริเออร์ออกไป เลยถือโอกาสเปิดประเด็นเรื่องจอดรถขึ้นมาเพื่อให้ชาวห้องชุดได้มารับฟังความเดือดร้อนของคนอื่นบ้าง ดิฉันโทรเรียกให้ตำรวจมาเป็นตัวกลางและเป็นพยาน มากัน2นาย เจ้าของรถก็ออกมาโวยวายตะโกนด่าว่าดิฉันโรคจิต เห็นแก่ตัว ใหญ่มาจากไหน พวกเขาอยู่กันมาก่อนนานแล้ว เคยจอดแล้วทำไมถึงจอดไม่ได้ บริเวณหน้าบ้านดิฉันจอดรถได้ถึง 2 คันและต้องการจะจอดต่อไป บอกให้ตำรวจยกแบริเออร์ออกไป (ถนนส่วนบุคคลทางราชการเข้ามายุ่งไม่ได้) โมโหไม่พอใจที่ได้รับกระดาษติดหน้ารถเตือนของดิฉัน
และยังมาว่าดิฉันขับรถไม่เก่งเอง
(เจ้าของรถเรียกพวกมาอีกเป็น 10 คน มาที่หน้าบ้านดิฉัน)
ใครอยากฟังเรื่องต่อ มาคอมเมนต์หน่อยนะคะ
つづく