หลังจากองค์กรยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ Porsche Bugatti และ Rimac ได้ประกาศความร่วมมือในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจมากว่า 4 เดือน ด้วยการเริ่มต้นโครงการควบรวมกิจการอันน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของโลก ทำให้เหล่าบรรดาผู้นำในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ก็สามารถบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ได้สำเร็จ โดยองค์กรพันธมิตรทางธุรกิจ Bugatti Rimac มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Sveta Nedelja ประเทศโครเอเชีย
Bugatti Rimac แบ่งสัดส่วนการถือครองหุ้นเป็น 2 ส่วน โดยมี Porsche AG ถือครองกรรมสิทธิ์ถือหุ้น 45 เปอร์เซ็นต์ และ Rimac Group ถือครองกรรมสิทธิ์ถือหุ้นที่เหลืออีก 55 เปอร์เซ็นต์ สำหรับในส่วนงานบริหารด้าน Rimac Automobili มอบหมายให้ Mate Rimac ผู้ก่อตั้งบริษัท Rimac Automobili และนักสร้างสรรค์รถพลังงานไฟฟ้า hypercar เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร โดยทาง Porsche AG ได้ส่ง 2 ผู้บริหารหลักคือ Oliver Blume ประธานกรรมการบริหาร พร้อมทั้ง Lutz Meschke รองประธานบริหารและสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้กำกับดูแลส่วนงานการเงินมาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารภายในของ Bugatti Rimac ภายใต้วัตถุประสงค์ของการร่วมทุนระหว่าง Bugatti และ Rimac Automobili และทั้ง 2 บริษัทจะยังคงดำเนินงานอย่างมีอิสระภายใต้แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ของตนเองต่อไปและใช้สายการผลิตรวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายจากโรงงานในเมือง Zagreb ประเทศโครเอเชีย และเมือง Molsheim ประเทศฝรั่งเศสเช่นเดิม
Oliver Blume กล่าวถึง Stephan Winkelmann อดีตประธานกรรมการบริหารของ Bugatti ว่า “การควบรวมกิจการครั้งนี้ คือทางออกที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง การทำงานร่วมกันส่งผลให้เราสามารถสร้างบริษัทรถยนต์ที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ เราประสบความสำเร็จมาแล้วในการสรรสร้างคุณค่าให้แก่ Bugatti แบรนด์ที่เต็มไปด้วยเกียรติประวัติ และความเป็นมาอันยาวนาน ด้วยการนำเสนอแนวทางให้องค์กรมุ่งหน้าไปสู่อนาคต Bugatti คือแบบอย่างของความมีเสน่ห์ และความน่าหลงใหลสำหรับวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ สำหรับ Rimac คือตัวแทนของนักพัฒนาที่มาพร้อมความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค เราต้องขอขอบคุณ Stephan Winkelmann สำหรับผลงานสุดพิเศษของเขาที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยปัจจุบันเขาได้ลงจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา และเข้าไปนั่งเป็นประธานบริหารของ Lamborghini”
นอกจาก Mate Rimac แล้ว ทีมผู้บริหารชุดใหม่ประกอบด้วย Christophe Piochon อดีต Production Manager และ Co-Managing Director ของ Bugatti Automobiles โดย Christophe Piochon จะรับตำแหน่ง Chief Operating Officer ของบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ และ Larissa Fleischer จะรับตำแหน่ง Chief Financial Officer ทั้งนี้เธอเพิ่งได้รับตำแหน่ง Director of Controlling ของปอร์เช่ในด้าน digitalisation และหน่วยงานพัฒนาธุรกิจใหม่อีกด้วย และผู้บริหารคนสุดท้ายของทีมคือ Emilio Scervo อดีต Chief Engineer ของ McLaren จะเข้ามารับตำแหน่ง Chief Technology Officer
Lutz Meschke กล่าวว่า “ด้านสายการผลิตจะสามารถดำเนินการต่อเนื่องได้อย่างมั่นคงภายในโรงงาน Molsheim และ Alsace ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่านักพัฒนารู้จักกันดีถึงความเป็นเลิศด้านการออกแบบและความสมบูรณ์แบบ ตลอดจนการรังสรรค์งานฝีมือชั้นครู ซึ่งผมมั่นใจในประสบการณ์ ความชำนาญการ การสรรสร้างนวัตกรรม และการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารของเราทุกคน โครงการนี้ คือโครงการในฝันของผม และผมจะทุ่มเทอย่างเต็มกำลังและความสามารถที่มี ผมมองเห็นถึงสิ่งดีๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับกิจการภายในของปอร์เช่ การควบรวมกิจการมักรู้จักกันดีในชื่อของ Operation Rush ซึ่งปอร์เช่มีหุ้นส่วนอยู่ใน Rimac แล้วตั้งแต่ปี 2018 และขยายขอบเขตการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องนับแต่นั้นมา กลยุทธ์ห่วงโซ่การลงทุนของเราเริ่มต้นจากข้อเสนอที่ดีเยี่ยม จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่หลายหน่วยงานจนกำลังจะประสบความสำเร็จในไม่ช้านี้ สำหรับภารกิจสุดท้ายของเราคือ การเอาชนะอุปสรรค์ในการจัดระเบียบองค์กร ซึ่งณะนี้ทีมงานใน Zagreb, Molsheim, Wolfsburg และ Stuttgart ทำงานกันอย่างหนัก เพื่อนำพาบริษัทใหม่ก้าวไปสู่อนาคตที่สดใส”
Mate Rimac ประธานกรรมการบริหารของ Rimac กล่าวว่า “การมาถึงของบริษัทร่วมทุน Bugatti Rimac นับเป็นอีกก้าวอันยิ่งใหญ่สำหรับผม ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่สามารถบรรลุข้อตกลงในการร่วมมือครั้งใหม่นี้ได้ โดยไม่สงสัยในสิ่งที่ จะเกิดขึ้น ทั้งความสำเร็จ การบุกเบิกพัฒนา และบทบาทหน้าที่ใหม่อันน่าตื่นเต้นของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง การร่วมมือกันระหว่าง Rimac และ Bugatti เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ในการที่ได้ทำงานร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เหมาะสม สำหรับผมแล้ว Rimac เป็นองค์กรที่ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว คล่องแคล่ว และเต็มเปี่ยมไปด้วยทักษะด้านรถพลังงานไฟฟ้าที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยมรดกทางยานยนต์ นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมงานฝีมืออันล้ำค่าจาก Bugatti เพื่อให้ได้ เตรียมติดตามในอภิมหาโครงการเหนือระดับที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต”
Bugatti Rimac มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Sveta Nedelja ไม่ไกลจากเมือง Zagreb บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร ใช้งบประมาณไปถึง 200 ล้านยูโร เพื่อเป็นอาคารสำนักงานสำหรับวิจัยและพัฒนาของบริษัท โดยสำนักงานแห่งใหม่นี้จะถูกกำหนดให้เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการในปี 2023 พร้อมบุคลากรอีกกว่า 2,500 คน
สำหรับยนตรกรรมของ Bugatti ทุกรุ่น จะยังคงเดินหน้าขึ้นสายการผลิตในโรงงาน Molsheim เช่นเดิม บริษัทร่วมทุน Bugatti Rimac จะเริ่มดำเนินงานด้วยพนักงานจำนวนประมาณ 435 คน โดย 300 คนจะปฏิบัติงานที่เมือง Zagreb และอีก 135 คนปฏิบัติงานที่เมือง Molsheim โดยบุคลากรและตำแหน่งงานถูกจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการสร้างความแข็งแกร่ง รวมไปถึงความน่าสนใจให้แก่แบรนด์ Bugatti และ Rimac
Bugatti และ Rimac Automobili ผนึกกำลังร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ
Bugatti Rimac แบ่งสัดส่วนการถือครองหุ้นเป็น 2 ส่วน โดยมี Porsche AG ถือครองกรรมสิทธิ์ถือหุ้น 45 เปอร์เซ็นต์ และ Rimac Group ถือครองกรรมสิทธิ์ถือหุ้นที่เหลืออีก 55 เปอร์เซ็นต์ สำหรับในส่วนงานบริหารด้าน Rimac Automobili มอบหมายให้ Mate Rimac ผู้ก่อตั้งบริษัท Rimac Automobili และนักสร้างสรรค์รถพลังงานไฟฟ้า hypercar เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร โดยทาง Porsche AG ได้ส่ง 2 ผู้บริหารหลักคือ Oliver Blume ประธานกรรมการบริหาร พร้อมทั้ง Lutz Meschke รองประธานบริหารและสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้กำกับดูแลส่วนงานการเงินมาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารภายในของ Bugatti Rimac ภายใต้วัตถุประสงค์ของการร่วมทุนระหว่าง Bugatti และ Rimac Automobili และทั้ง 2 บริษัทจะยังคงดำเนินงานอย่างมีอิสระภายใต้แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ของตนเองต่อไปและใช้สายการผลิตรวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายจากโรงงานในเมือง Zagreb ประเทศโครเอเชีย และเมือง Molsheim ประเทศฝรั่งเศสเช่นเดิม
Oliver Blume กล่าวถึง Stephan Winkelmann อดีตประธานกรรมการบริหารของ Bugatti ว่า “การควบรวมกิจการครั้งนี้ คือทางออกที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง การทำงานร่วมกันส่งผลให้เราสามารถสร้างบริษัทรถยนต์ที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ เราประสบความสำเร็จมาแล้วในการสรรสร้างคุณค่าให้แก่ Bugatti แบรนด์ที่เต็มไปด้วยเกียรติประวัติ และความเป็นมาอันยาวนาน ด้วยการนำเสนอแนวทางให้องค์กรมุ่งหน้าไปสู่อนาคต Bugatti คือแบบอย่างของความมีเสน่ห์ และความน่าหลงใหลสำหรับวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ สำหรับ Rimac คือตัวแทนของนักพัฒนาที่มาพร้อมความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค เราต้องขอขอบคุณ Stephan Winkelmann สำหรับผลงานสุดพิเศษของเขาที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยปัจจุบันเขาได้ลงจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา และเข้าไปนั่งเป็นประธานบริหารของ Lamborghini”
นอกจาก Mate Rimac แล้ว ทีมผู้บริหารชุดใหม่ประกอบด้วย Christophe Piochon อดีต Production Manager และ Co-Managing Director ของ Bugatti Automobiles โดย Christophe Piochon จะรับตำแหน่ง Chief Operating Officer ของบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ และ Larissa Fleischer จะรับตำแหน่ง Chief Financial Officer ทั้งนี้เธอเพิ่งได้รับตำแหน่ง Director of Controlling ของปอร์เช่ในด้าน digitalisation และหน่วยงานพัฒนาธุรกิจใหม่อีกด้วย และผู้บริหารคนสุดท้ายของทีมคือ Emilio Scervo อดีต Chief Engineer ของ McLaren จะเข้ามารับตำแหน่ง Chief Technology Officer
Lutz Meschke กล่าวว่า “ด้านสายการผลิตจะสามารถดำเนินการต่อเนื่องได้อย่างมั่นคงภายในโรงงาน Molsheim และ Alsace ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่านักพัฒนารู้จักกันดีถึงความเป็นเลิศด้านการออกแบบและความสมบูรณ์แบบ ตลอดจนการรังสรรค์งานฝีมือชั้นครู ซึ่งผมมั่นใจในประสบการณ์ ความชำนาญการ การสรรสร้างนวัตกรรม และการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารของเราทุกคน โครงการนี้ คือโครงการในฝันของผม และผมจะทุ่มเทอย่างเต็มกำลังและความสามารถที่มี ผมมองเห็นถึงสิ่งดีๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับกิจการภายในของปอร์เช่ การควบรวมกิจการมักรู้จักกันดีในชื่อของ Operation Rush ซึ่งปอร์เช่มีหุ้นส่วนอยู่ใน Rimac แล้วตั้งแต่ปี 2018 และขยายขอบเขตการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องนับแต่นั้นมา กลยุทธ์ห่วงโซ่การลงทุนของเราเริ่มต้นจากข้อเสนอที่ดีเยี่ยม จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่หลายหน่วยงานจนกำลังจะประสบความสำเร็จในไม่ช้านี้ สำหรับภารกิจสุดท้ายของเราคือ การเอาชนะอุปสรรค์ในการจัดระเบียบองค์กร ซึ่งณะนี้ทีมงานใน Zagreb, Molsheim, Wolfsburg และ Stuttgart ทำงานกันอย่างหนัก เพื่อนำพาบริษัทใหม่ก้าวไปสู่อนาคตที่สดใส”
Mate Rimac ประธานกรรมการบริหารของ Rimac กล่าวว่า “การมาถึงของบริษัทร่วมทุน Bugatti Rimac นับเป็นอีกก้าวอันยิ่งใหญ่สำหรับผม ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่สามารถบรรลุข้อตกลงในการร่วมมือครั้งใหม่นี้ได้ โดยไม่สงสัยในสิ่งที่ จะเกิดขึ้น ทั้งความสำเร็จ การบุกเบิกพัฒนา และบทบาทหน้าที่ใหม่อันน่าตื่นเต้นของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง การร่วมมือกันระหว่าง Rimac และ Bugatti เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ในการที่ได้ทำงานร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เหมาะสม สำหรับผมแล้ว Rimac เป็นองค์กรที่ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว คล่องแคล่ว และเต็มเปี่ยมไปด้วยทักษะด้านรถพลังงานไฟฟ้าที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยมรดกทางยานยนต์ นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมงานฝีมืออันล้ำค่าจาก Bugatti เพื่อให้ได้ เตรียมติดตามในอภิมหาโครงการเหนือระดับที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต”
Bugatti Rimac มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Sveta Nedelja ไม่ไกลจากเมือง Zagreb บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร ใช้งบประมาณไปถึง 200 ล้านยูโร เพื่อเป็นอาคารสำนักงานสำหรับวิจัยและพัฒนาของบริษัท โดยสำนักงานแห่งใหม่นี้จะถูกกำหนดให้เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการในปี 2023 พร้อมบุคลากรอีกกว่า 2,500 คน
สำหรับยนตรกรรมของ Bugatti ทุกรุ่น จะยังคงเดินหน้าขึ้นสายการผลิตในโรงงาน Molsheim เช่นเดิม บริษัทร่วมทุน Bugatti Rimac จะเริ่มดำเนินงานด้วยพนักงานจำนวนประมาณ 435 คน โดย 300 คนจะปฏิบัติงานที่เมือง Zagreb และอีก 135 คนปฏิบัติงานที่เมือง Molsheim โดยบุคลากรและตำแหน่งงานถูกจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการสร้างความแข็งแกร่ง รวมไปถึงความน่าสนใจให้แก่แบรนด์ Bugatti และ Rimac