เด็กสองภาษา เป็นไปได้จริงๆ นะคะ

สวัสดีค่ะ คุณแม่น้องนีน่านะคะ ปกติจะเข้า pantip มาอ่านกระทู้ต่างๆ เรื่อยๆ ค่ะ วันนี้อยากจะมาแชร์ เรื่องเด็กสองภาษานะคะ

จริงๆ อยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้นานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาส และคิดว่าหลายๆ ท่านก็น่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว แต่วันนี้ถือว่านำอีกหนึ่งตัวอย่างที่ใช้วิธี OPOL มาเล่าสู่กันฟังแล้วกันนะคะ

OPOL หรือ One Parent One Language เป็นวิธีการที่ผู้ปกครองหนึ่งคนพูดหนึ่งภาษากับลูกสม่ำเสมออย่างเคร่งครัดนะคะ

จบแล้วค่ะ หลักการง่ายๆ แค่นี้เอง ยิ้ม

ถ้าให้ขยายความเพิ่มเติมก็คือ ครอบครัวของเรา ตกลงให้คุณพ่อคุยกับลูกตั้งแต่เกิด (ตั้งแต่อยู่ในท้อง) ตะกุกตะกักก็พูดไป สำเนียงไม่ดีก็พูดไป จนคุณพ่อคล่อง และไม่เขินอาย ใช่ค่ะ! ทำจนเคยชิน ไม่เขินเวลาออกไปไหนมาไหนแล้วมีคนทัก เคยมีเด็กที่มาเล่นใกล้ๆ กันได้ยินพ่อลูกคุยกัน แล้วมาถามแม่ว่า พ่อเป็นคนสิงคโปร์หรือเปล่า ด้วยค่ะ 55

อ้อ..ก่อนที่น้องจะพูดได้ คุณแม่ให้น้องได้เรียนรู้ Baby Sign ด้วยนะคะ

Baby Sign Language คือ การทำมือเป็นสัญลักษณ์หรือท่าทางต่างๆ แทนการใช้เสียงพูด เพื่อให้สื่อสารกับลูกน้อยได้ง่ายขึ้น เนื่องจากทารกยังไม่สามารถสื่อสารออกมาเป็นคำพูดได้ค่ะ

ที่เราให้ลูกน้อยได้เรียนรู้ภาษามือ  ไม่ถึงกับครบทุกคำ แต่อย่างน้อยคำง่ายๆ ก็สามารถสื่อสารกันได้ก่อนที่เค้าจะพูดได้ เช่น milk drink eat mama papa grandma grandpa rainbow และสีต่างๆ ให้เรียนเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษค่ะ สมัยนั้นซื้อ CD มาเปิดให้ดูวันละนิดๆ หน่อยๆ เนื้อหานั้นมีทำนองดนตรีสำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ดูยังสนุกไปด้วยเลยค่ะ

จากนั้นครอบครัวเราก็ดำเนินชีวิตตามปกติมาเรื่อยๆ น้องมีดูยูทูปบ้างเล็กๆ น้อยๆ พอเข้าโรงเรียน (3 ขวบ) เราก็เลือกให้เรียนแบบ EP ค่ะ น้องมีความสุขมาก ชอบพูดคุยกับ Teacher (ในขณะที่เพื่อนๆ เพิ่งมาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษจริงจัง) การเรียนรู้ของน้องเป็นไปตามธรรมชาติ ทำให้พัฒนาการด้านภาษาอังกฤษเป็นไปอย่างง่ายดาย

พอถึงช่วงประถม เราเลือกให้น้องได้เรียนรู้ความเป็นไทยด้วยการให้เรียนโรงเรียนสาธิต ที่มี Teacher สอน 4 วัน วันละ 1 คาบ ส่วนอีก 1 วันที่ไปโรงเรียน ทางโรงเรียนจัดครูคนไทย สำหรับสอน grammar ให้ค่ะ

เราให้ลูกได้เรียนรู้ระบบ phonics มากขึ้น จากโรงเรียนสอนพิเศษค่ะ จริงๆ ที่โรงเรียนมีสอนอยู่แล้ว (ทั้งอนุบาลและประถม) แต่พอดีได้คูปองทดลองเรียนมาค่ะ น้องชอบมาก ขอเรียนต่อเรื่อยๆ จนจบหลักสูตรการอ่านของสถาบันนั้นค่ะ (เรียนตั้งแต่ 4-8 ขวบ)

วันนี้ก็ผ่านมา 10 ปีกว่าแล้วค่ะ จากวันที่ได้ลองระบบ OPOL ตามหนังสือ “เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้” ลูกก็ยังคงพูดคุยภาษาอังกฤษกับคุณพ่อ พูดคุยภาษาไทยกับคุณแม่อยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือดูยูทูป ดูหนังภาคภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องอ่านซับค่ะ



สุดท้ายนี้ เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านในการพูดคุยกับลูกเป็นภาษาอังกฤษนะคะ

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการพูดคุย สอบถาม ก็พิมพ์ที่ช่องแสดงความคิดเห็น ของ pantip นี้ได้เลยนะคะ ตามที่ได้บอกไว้ตอนต้น คุณแม่เข้ามาอ่านเรื่อยๆ ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่