ผมรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีปมด้อยตั้งแต่เด็ก และรู้สึกว่าตัวเองเจอเรื่องแย่ๆ มากมายเกี่ยวกับมนุษย์สัมพันธ์ของผม ปัจจุบันนั้นผมมีคนที่เชื่อใจ วางใจ ไว้ใจ สนิทใจอยู่คนเดียว แต่ที่แปลกคือคนนั้นไม่ใช่แม้กระทั่งครอบครัว เพื่อน แต่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่รู้จัก เขานั้นเป็นคนทำให้ผมรู้สึกอยากที่จะพยายามใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จ ให้เก่ง ให้ดี แต่นอกจากเขาแล้วผมก็รู้สึกไม่มีใครเลย แม้ในก่อนหน้านี้ที่ผมไม่ได้อยู่เดียว แต่ผมก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยว ผมรู้สึกเหมือนพวกเขาไม่ได้เข้าใจผม หรือคิดที่จะเข้าใจจริงๆ ถึงเขาจะรักผม อยากช่วยเหลือผม เป็นห่วงผม แต่สุดท้ายมันจบลงที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ ผิดหวัง ซ้ำๆ และไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น และก็อาจจะทำให้พวกเขาเองนั้นก็รู้สึกแย่ด้วย จนกระทั่งตอนนี้ผมรู้สึกอยากอยู่คนเดียวและไม่อยากจะสนิทใจกับใครอีก ผมรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วมันก็จะวนมาจบแบบแย่ๆ เป็นเหตุการณ์ซ้ำๆ เหมือนเดิม บางครั้งผมก็เชื่อว่าถ้าเวรกรรมมีจริง บางทีชีวิตที่ผมเจอแต่เรื่องแบบนี้ก็อาจเป็นเพราะผมเคยแกล้งคนอื่นเมื่อตอนที่ผมยังเด็กมากๆ ประมาณ ป.3 เพราะผมชอบไปล้อเขาเรื่องหน้าตา ชีวิตผมตั้งแต่เด็กเลยมักจะเจอแต่เรื่อง ถูกแกล้ง ถูกขโมยของ ถูกล้อ ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตาของผม หรือท่าทางเอ๋อๆ ของผม ไหนจะตอนที่ผมเพิ่งเริ่มมาใส่แว่นเมื่อตอน ป.4 จนกระทั่งผมขึ้น มัธยม 1 มันก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีการโดนทำร้ายร่างกาย โดนเหยียดว่าผมนั้นดูเหมือนผู้หญิง โดนล่วงละเมิดทางเพศ มันอาจไม่ได้ถึงอันตรายถึงเข้า รพ แต่ผมก็โดนแบบนี้มาตลอดจนขึ้น ม.4
ซึ่งตอนนั้นผมก็เป็นคนเงียบๆ ไม่คุยกับใคร มักจะอยู่คนเดียว ตอนนั้นผมรู้สึกหมดความมั่นใจในชีวิต และไม่มีความสุขเลยในแต่ละวันที่มาเรียน เพื่อนที่ผมเคยรู้จักมาทั้งตั้งแต่ ม.1 จนขึ้น ม.4 ก็มักจะเป็นเพื่อนที่คอยแกล้งผมแม้ในตอนแรกที่ผมย้ายมาทุกคนนั้นเหมือนอยากจะเป็นเพื่อนกับผมแต่สุดท้ายผมกลับไม่มีกลุ่มเพื่อนที่ผมสนิทสักกลุ่ม ตอนที่เพื่อนพาเข้ากลุ่มสุดท้ายผมก็มักจะกลายเป็นคนที่โดนแกล้ง หรือโดนเอามาเล่นเป็นตัวตลก มองผมเป็นเด็ก ปญอ
แม้แต่เด็กผู้หญิงก็ยังล้อผมและทำผมเป็นตัวตลก อาจารย์ที่เห็นผมเข้ามาใหม่ๆ ที่เหมือนเคยเอ็นดูผม ก็ไม่ได้สนใจอะไรผมเลย แม้จะสังเกตเห็นว่าสภาพผมนั้นแตกต่างไปจากตอนที่เข้ามาใหม่ขนาดไหนเรียกมาถามแต่สุดท้ายก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้ผม สภาพผมหลังเข้ามาเรียนตั้งแต่ ม1 สภาพผมเปลี่ยนไปมากจริงๆ จากแต่ก่อนที่ผมนั้นยังเคยดูสดใสอยู่บ้าง มันไม่เหลือเลยสภาพผมในตอนนั้นเลย (ผมลองเอาภาพถ่ายมาเทียบดู) ทั้งโทรม ทั้งผอม หลังจากขึ้น ม.4 การกลั่นแกล้งก็ลดลงแต่ตอนนั้นผมก็กลายเป็นเด็กเงียบไปแล้ว ไม่มีใครเดินด้วยกับผมตอนพัก ไปกินข้าวพักเที่ยงกับผม แต่จะมีช่วงหนึ่งที่ผมนั้นจะไม่ต้องอยู่คนเดียวคือตอนที่อยู่ในห้องเรียนโดยเฉพาะวิชาหนึ่งเกือบทุกคนนั้นมักจะเดินมาหาผม คุยกับผม เรียกผม แต่สุดท้ายผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วนั้นพวกเขาแค่มาคุยกับผมเพื่อขอให้ช่วยเรื่องงาน การบ้านของพวกเขา แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะผมก็รู้สึกดีที่มีคนคอยคุยด้วย มีคนต้องการให้ช่วย ลึกๆ ผมก็อยากให้พวกเขาเห็นผมเป็นเพื่อนสนิท ผมมักจะคอยช่วยเรื่องการบ้านให้เขา เขามีอะไรที่อยากให้ช่วย ถ้าช่วยได้ผมก็จะช่วย ถึงขนาดที่เขามีแผลผมยังพกพลาสเตอร์กับยาเอามาให้ที่ รร จนท้ายที่สุดผมก็รู้สึกเหมือนผมนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับพวกเขาแล้ว ผมไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่ผมรู้สึกเหมือนโดนหักหลักจากเหตุการณ์หลายๆ อย่าง เช่น เรื่องไปเที่ยวพวกเขาไปเที่ยวห้างใกล้ๆ รร ด้วยกันแต่ไม่ชวนผม ผมชวนไปที่ไหนก็ไม่ไป ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครอวยพรวันเกิดให้ผม งานกลุ่มการบ้านทำไปทำมาสุดท้ายกลายเป้นผมทำคนเดียว นินทาผมกับเพื่อนคนอื่นๆ เอาเปรียบผม ซึ่งหลังจากนั้นจนจบ ม6 ผมก็ได้เจอเรื่องแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนจบ แต่ก็ยังดีที่ผมเหลือเพื่อนที่สนิทจริงๆ มาคนหนึ่ง แต่เขาก็กลับกลายเป็นคนที่ผมไม่อยากรู้จักอีกในปัจจุบันเมื่อเขายืมเงินแต่ไม่ยอมคืนตามที่สัญญา หลังจากขึ้นมหาลัยช่วงนั้นผมก็ได้ไปลองทำงานที่หนึ่งจากที่มีพี่คนหนึ่งที่รู้จักชวนไปทำ แต่สุดท้ายก็รู้ว่ามันเป็นเหมือนงานแชร์ลูกโซ่ และก็โดนหลอกให้ซื้อของ ชีวิตในมหาลัยของผมนั้นก็ไม่ต่างจากตอน ม.ปลาย เพื่อนที่ผมคบที่หวังว่าเขาจะเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ บ้างเขาก็ยังทำเหมือนเดิม เรื่องงานก็มักจะโดนปล่อยให้ทำคนเดียว มีแต่เพื่อนที่เข้าหาเพราะประโยชน์ สัญญาไม่เป็นสัญญา ทิ้งผมบ้าง เอาผมไปนินทาเป็นเรื่องตลกบ้าง แม้ว่าพวกเขามักจะบอกว่า มีอะไรให้ช่วยบอกแต่ก็ช่วยแบบผ่านๆ มีปัญหาอะไรบอกได้คุยด้วยได้สุดท้ายก็มักจะเป็นผมที่คุยอยู่ผ่านเดียว พักผ่อนบ้างนอนได้แล้วแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรที่จะทำให้ผมได้ผักผ่อนเลย รุ่นพี่ที่ผมเคยรู้จักในตอนปี 1 ที่เป็นพี่เทค สุดท้ายก็ไม่ได้มาคุย หรือมาสนิทอะไรกับผมเลย แม้ตอนแรกเราต่างก็ซื้อของขวัญให้กันมากมาย คุยด้วยกัน ไปเที่ยวกัน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนคนไม่รู้จัก ครอบครัวของผม พี่ของผมก็ไม่ได้สนใจอะไรผมเลยคุยแต่กับเพื่อนของเขา แม่ของผมเวลาคุยกับผมก็มักจะหยาบคายและพูดจาเหยียดผม เช่น ควาย ปัญญาอ่อน รำคาญ ไปทำงานที่ไหนได้วะ ทำแบบนี้โดนไล่ออกแน่ พ่อของผมที่เมื่อผมพูดเรื่องสิ่งที่ผมอยากจะทำต่อก็มักจะพูดแต่เรื่องให้ผมไปเรียนต่อ ป.โท เวลาที่ผมมีปัญหาก็ไม่ฟังผมให้ผมไปหาวิธีเอาเอง เวลาที่อธิบายอะไรก็ไม่เคยยอมรับหรือเข้าใจมีแต่พยายามให้ทำตามที่สั่งเท่านั้น ทั้งที่แต่ก่อนทุกคนในครอบครัวผมนั้นเคยเป็นคนหนึ่งที่ผมสนิทใจ สบายใจ ไว้ใจ เชื่อใจ มีความสุขเวลาอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว ผมควรจะแก้ปัญหายังไงต่อไปดี
ผมควรจะทำอย่างไรกับตัวของผมดี ?
ซึ่งตอนนั้นผมก็เป็นคนเงียบๆ ไม่คุยกับใคร มักจะอยู่คนเดียว ตอนนั้นผมรู้สึกหมดความมั่นใจในชีวิต และไม่มีความสุขเลยในแต่ละวันที่มาเรียน เพื่อนที่ผมเคยรู้จักมาทั้งตั้งแต่ ม.1 จนขึ้น ม.4 ก็มักจะเป็นเพื่อนที่คอยแกล้งผมแม้ในตอนแรกที่ผมย้ายมาทุกคนนั้นเหมือนอยากจะเป็นเพื่อนกับผมแต่สุดท้ายผมกลับไม่มีกลุ่มเพื่อนที่ผมสนิทสักกลุ่ม ตอนที่เพื่อนพาเข้ากลุ่มสุดท้ายผมก็มักจะกลายเป็นคนที่โดนแกล้ง หรือโดนเอามาเล่นเป็นตัวตลก มองผมเป็นเด็ก ปญอ
แม้แต่เด็กผู้หญิงก็ยังล้อผมและทำผมเป็นตัวตลก อาจารย์ที่เห็นผมเข้ามาใหม่ๆ ที่เหมือนเคยเอ็นดูผม ก็ไม่ได้สนใจอะไรผมเลย แม้จะสังเกตเห็นว่าสภาพผมนั้นแตกต่างไปจากตอนที่เข้ามาใหม่ขนาดไหนเรียกมาถามแต่สุดท้ายก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้ผม สภาพผมหลังเข้ามาเรียนตั้งแต่ ม1 สภาพผมเปลี่ยนไปมากจริงๆ จากแต่ก่อนที่ผมนั้นยังเคยดูสดใสอยู่บ้าง มันไม่เหลือเลยสภาพผมในตอนนั้นเลย (ผมลองเอาภาพถ่ายมาเทียบดู) ทั้งโทรม ทั้งผอม หลังจากขึ้น ม.4 การกลั่นแกล้งก็ลดลงแต่ตอนนั้นผมก็กลายเป็นเด็กเงียบไปแล้ว ไม่มีใครเดินด้วยกับผมตอนพัก ไปกินข้าวพักเที่ยงกับผม แต่จะมีช่วงหนึ่งที่ผมนั้นจะไม่ต้องอยู่คนเดียวคือตอนที่อยู่ในห้องเรียนโดยเฉพาะวิชาหนึ่งเกือบทุกคนนั้นมักจะเดินมาหาผม คุยกับผม เรียกผม แต่สุดท้ายผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วนั้นพวกเขาแค่มาคุยกับผมเพื่อขอให้ช่วยเรื่องงาน การบ้านของพวกเขา แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะผมก็รู้สึกดีที่มีคนคอยคุยด้วย มีคนต้องการให้ช่วย ลึกๆ ผมก็อยากให้พวกเขาเห็นผมเป็นเพื่อนสนิท ผมมักจะคอยช่วยเรื่องการบ้านให้เขา เขามีอะไรที่อยากให้ช่วย ถ้าช่วยได้ผมก็จะช่วย ถึงขนาดที่เขามีแผลผมยังพกพลาสเตอร์กับยาเอามาให้ที่ รร จนท้ายที่สุดผมก็รู้สึกเหมือนผมนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับพวกเขาแล้ว ผมไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่ผมรู้สึกเหมือนโดนหักหลักจากเหตุการณ์หลายๆ อย่าง เช่น เรื่องไปเที่ยวพวกเขาไปเที่ยวห้างใกล้ๆ รร ด้วยกันแต่ไม่ชวนผม ผมชวนไปที่ไหนก็ไม่ไป ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครอวยพรวันเกิดให้ผม งานกลุ่มการบ้านทำไปทำมาสุดท้ายกลายเป้นผมทำคนเดียว นินทาผมกับเพื่อนคนอื่นๆ เอาเปรียบผม ซึ่งหลังจากนั้นจนจบ ม6 ผมก็ได้เจอเรื่องแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนจบ แต่ก็ยังดีที่ผมเหลือเพื่อนที่สนิทจริงๆ มาคนหนึ่ง แต่เขาก็กลับกลายเป็นคนที่ผมไม่อยากรู้จักอีกในปัจจุบันเมื่อเขายืมเงินแต่ไม่ยอมคืนตามที่สัญญา หลังจากขึ้นมหาลัยช่วงนั้นผมก็ได้ไปลองทำงานที่หนึ่งจากที่มีพี่คนหนึ่งที่รู้จักชวนไปทำ แต่สุดท้ายก็รู้ว่ามันเป็นเหมือนงานแชร์ลูกโซ่ และก็โดนหลอกให้ซื้อของ ชีวิตในมหาลัยของผมนั้นก็ไม่ต่างจากตอน ม.ปลาย เพื่อนที่ผมคบที่หวังว่าเขาจะเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ บ้างเขาก็ยังทำเหมือนเดิม เรื่องงานก็มักจะโดนปล่อยให้ทำคนเดียว มีแต่เพื่อนที่เข้าหาเพราะประโยชน์ สัญญาไม่เป็นสัญญา ทิ้งผมบ้าง เอาผมไปนินทาเป็นเรื่องตลกบ้าง แม้ว่าพวกเขามักจะบอกว่า มีอะไรให้ช่วยบอกแต่ก็ช่วยแบบผ่านๆ มีปัญหาอะไรบอกได้คุยด้วยได้สุดท้ายก็มักจะเป็นผมที่คุยอยู่ผ่านเดียว พักผ่อนบ้างนอนได้แล้วแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรที่จะทำให้ผมได้ผักผ่อนเลย รุ่นพี่ที่ผมเคยรู้จักในตอนปี 1 ที่เป็นพี่เทค สุดท้ายก็ไม่ได้มาคุย หรือมาสนิทอะไรกับผมเลย แม้ตอนแรกเราต่างก็ซื้อของขวัญให้กันมากมาย คุยด้วยกัน ไปเที่ยวกัน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนคนไม่รู้จัก ครอบครัวของผม พี่ของผมก็ไม่ได้สนใจอะไรผมเลยคุยแต่กับเพื่อนของเขา แม่ของผมเวลาคุยกับผมก็มักจะหยาบคายและพูดจาเหยียดผม เช่น ควาย ปัญญาอ่อน รำคาญ ไปทำงานที่ไหนได้วะ ทำแบบนี้โดนไล่ออกแน่ พ่อของผมที่เมื่อผมพูดเรื่องสิ่งที่ผมอยากจะทำต่อก็มักจะพูดแต่เรื่องให้ผมไปเรียนต่อ ป.โท เวลาที่ผมมีปัญหาก็ไม่ฟังผมให้ผมไปหาวิธีเอาเอง เวลาที่อธิบายอะไรก็ไม่เคยยอมรับหรือเข้าใจมีแต่พยายามให้ทำตามที่สั่งเท่านั้น ทั้งที่แต่ก่อนทุกคนในครอบครัวผมนั้นเคยเป็นคนหนึ่งที่ผมสนิทใจ สบายใจ ไว้ใจ เชื่อใจ มีความสุขเวลาอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว ผมควรจะแก้ปัญหายังไงต่อไปดี