สวัสดีค่ะ 
.
วันนี้จะมาขอแชร์ประสบการณ์ที่รู้สึกไม่ค่อยประทับใจจากการเข้ารับการรักษาตัวจากการติดโควิดค่ะ (ปกติ ไม่ตั้งกระทู้เลย ตามอ่านอย่างเดียว แต่ครั้งนี้ ต้องขอยืม account เพื่อน มาขอตั้งกระทู้กันเลยทีเดียว)
.
จริงๆ เข้ารับการรักษาและออกจาก รพ.มาตั้งแต่ 10/09/64 แล้วนะคะ แต่เพิ่งจะคิดว่า บางทีน่าจะมาเล่าให้ฟังในนี้ เผื่อมันจะสามารถสร้าง impact ไปถึง หลายๆ คน ที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ เพราะการกระทำของ รพ. ไม่น่ารักจริงๆ เหมือนอยากจะฉวยโอกาสชาร์ตให้เต็มที่ไปเลย และเราเชื่อว่า ไม่ได้มีแค่เราที่เจอแบบนี้ คนไข้คนอื่นๆ ก็น่าจะเจอด้วยเหมือนกัน  
.
เราเข้ารับการรักษาจาก รพ.เอกชน เพราะติดเชื้อโควิดค่ะ เข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 31/08/2564 และคุณหมอให้ออกจาก รพ. วันที่ 10/09/2564
ก่อนเข้า รพ. เท่าที่ถามๆ ดู เดาๆ ว่า คชจ. สำหรับพวก mild symptoms (ตัวเองไม่มีอาการหนัก ตอนไปตรวจ คือ ไม่ค่อยได้กลิ่น แล้วก็มีอาการเหมือนหวัดแต่รับรสมาเริ่มเพี้ยนหลังจากได้เข้า รพ. แล้ว) ก็อยู่ประมาณ แสนปลายๆ – 2.5 แสน (ของอีกคนที่ถามมาได้รักษาใน รพ เอกชนเหมือนกัน ก็ตกประมาณ 2 แสนนิดๆ)
.
ถึงตาตัวเองก็ต้องเข้า รพ. เห็น คชจ. 3 แสนเล็กๆ เอาจริงๆ ตอนนั้น ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเชื่อว่าประกันสุขภาพ 2 ฉบับ ที่ตัวเองทำไว้ เอาอยู่ (และก็เอาอยู่จริงๆ นะคะ ส่วนตัวได้จ่ายส่วนต่างประมาณ 700 บาท จากยอดทั้งหมด) จนได้มานั่งดูรายละเอียด คชจ. ที่ชาร์ตเข้ามา ค่ายาหลักพัน ค่าหมอ หลักหมื่น ค่าห้อง และ ค่าชุด PPE กับ N95 หลักแสน (ค่าชุด PPE จะมี ชุด PPE หน้ากาก N95 ชุดคลุมสีฟ้าๆ ที่ใส่ทับชุด PPE อีกที และ ซองคลุมเท้า)
.
ราคาที่ชาร์ตมาทั้งเซตตกประมาณเกือบ 1200 บาท แต่ที่น่าจกใจ คือ รพ คิดมา 139 ชุด!!! เฉลี่ย 10 วันที่เข้ารับการรักษา คือ คิดวันละประมาณ 13-14 ชุด แถม ยังมีการคิด คชจ ในการวัดความดัน (1650) กับ คชจ ในการวัดค่า O2 ในเลือดด้วยนะ (2,200) ซึ่ง ปกติ เวลาพาลูกไปฉีดวัคซีน เค้าก็วัดกันนะ แต่ไม่เคยเห็นมีคิด คชจ ในบิล แต่พอนอน รพ คิดด้วยอ่ะ
.
ตลอดเวลาที่อยู่ รพ. 10 วัน มี พยบ 1 คน มาวัดความดันและค่าออกซิเจน วันละ 1 ครั้ง (อีก 1 ครั้ง วัดเอง ส่งให้ดูทางไลน์) สรุปว่าเจอกัน 10 ครั้ง / พนง.ทำความสะอาด 1 คน (ที่ไม่ได้เข้ามาทำความสะอาด) คอยมาเก็บขยะ วันเว้นวัน (รวมเจอกัน 4 ครั้ง รอบสุดท้าย ไม่เข้ามา คงกะว่าเข้ามาหลังจากที่ออกจาก รพ แล้ว) ก็นับไปว่า 5 ครั้ง ก็ได้ / แล้วก็เจอ คนเจาะเลือด คนที่ทำหน้าที่ Xray วันเว้นวัน (ชุดนี้ 3 คน) 5 ครั้ง ก็รวมเป็น 15 ชุด ถ้านับแค่นี้ คือ พวกชุด PPE นี่ จะใช้ประมาณ 30 ชุด เท่านั้น (สำหรับทั้ง 10 วันนะ) และแน่นอนว่า เค้าไม่ได้ใช้ 1 ชุด ต่อ คนป่วย 1 คน อาจจะเป็น 1 ชุด ต่อทั้งวอร์ด ไปเลย การที่มาชาร์ตเราคนเดียว 139 ชุด นี่ก็ทำให้เรารู้สึกว่า รพ. คิด คชจ เว่อร์ไปมาก ถ้าในชั้นของเรา มี 20 ห้อง (ไม่รู้ว่าจริงๆ มีกี่ห้อง แต่ที่แน่ๆ 15 ห้องนี่มีแน่นอน เพราะตัวเองอยู่ห้อง 15) ถ้าทุกคนถูกคิดคนละ 10 ชุด/วัน นี่คือ ได้ค่าชุดวันละ 200 ชุด แล้วนะ และนี่แค่ชั้นเดียว!!! ซึ่งพอมาคิดแบบนี้ ก็รู้สึกว่า รพ. คิด คชจ แบบนี้ไม่ถูกต้องเลย
.
พอเห็นแบบนี้ ก็เลยทำอีเมล์ส่งไปที่ รพ. 2 ครั้ง ในวันที่ 16/09/64 และ 22/09/64 (ทั้ง 2 ครั้ง รพ ไม่มีอีเมล์ตอบรับใดๆ มาเลยว่าได้รับเรื่องแล้ว แต่เราก็โทรติดตามจาก call center ทุกครั้งที่ส่งเมล์ และได้รับการยืนยันว่า ได้รับอีเมล์ทั้ง 2 ฉบับ และได้ส่งเรื่องต่อให้การเงินของ รพ ตรวจสอบแล้ว) จนวันที่ 09/10/64 เราเข้าไปที่การเงินเองเพื่อไปสอบถาม การเงินกลับบอกว่า ไม่ได้รับเมล์ส่งต่อจากส่วนกลางเลย แต่ก็รับเรื่องไว้ โดยจะส่งต่อไปที่วอร์ดที่ดูแลเรา เพราะ คชจ. ทางไว้วอร์ดเป็นคนแจ้ง ส่วนการเงินมีหน้าที่คิดตามจำนวนที่แจ้งมาเท่านั้น แต่สุดท้ายก็เงียบมาจนวันนี้ 
.
ส่วนตัวที่คิดว่าอยากให้มีการตรวจสอบเพราะ ถึงแม้ว่าประกันจะรับผิดชอบทั้งหมดให้เราก็ตาม แต่ถ้าคิดอีกมุม ถ้าเราไม่มีประกัน คชจ นี้ เราเองที่ต้องจ่าย และส่วนหนึ่งจะถูกส่งไปเบิกกับรัฐบาล หรือประกันสังคม การที่มีประกัน หรือ มีเจ้าภาพ (รัฐบาล หรือประกันสังคม) จ่ายค่ารักษาให้ ไม่ได้แปลว่า รพ. อยากจะชาร์ตเท่าไหร่ก็ได้ ทุกอย่างมันควรต้องสมเหตุสมผลมากกว่า ถ้าชาร์ตค่าห้องแพง อันนี้ ไม่ตำหนิเลย เพราะแต่ละ รพ. มีราคาค่าห้องชัดเจน ผู้ป่วยเลือกเองว่าจะไปที่ไหน แต่การมาชาร์ตค่าชุด จากจำนวนชุดที่เหมือนนั่งเทียนเขียนแบบนี้ มันน่าเกลียดจริงๆ ค่ะ นี่เล่าให้เพื่อนๆ ฟัง บางคนถึงกับบอกว่า ถ้าป่วยจะขอโบกมือลา รพ. นี้ ไปเลย
.