ทริปท่องเที่ยวที่เราออกเดินทางจาก โยโกฮาม่า รอนแรมไปหลายที่หลายวัน เพิ่งมาถึงเมืองเก่าที่มีชื่อเสียงในภาคกลางของญี่ปุ่น ที่นี่คือเมือง NARA
มีสถานที่ท่องเที่ยว หลายแห่ง แต่คณะเรามีโอกาส แวะเพียง 2 แห่ง ที่แรกเราได้แวะ โบสถ์พุทธ อายุเก่าแก่คงเป็นร้อยๆปีขึ้นไป ได้นมัสการไหว้หลวงพ่อโต ที่คนท้องถิ่นเรียก Dai Busu เหมือนเราเรียกพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆในไทยเราเกือบทุกองค์ว่า หลวงพ่อโต ยังไม่ลืมคือเป็น พระพุทธรูปนั่งห้ามญาติ (จำแม่นก็ท่านั่งห้ามญาตินั่นเอง) ต่างจากปางห้ามญาติของบ้านเรา ที่ " ยืน ยกมือห้ามญาติ " ทัวร์พาเราไปต่อที่สวนกวาง น่าจะอยู่กลางเมือง นารา นั่นเอง ได้ดูฝูงกวางดาวที่เชื่องกับคนมาก ได้ถ่ายรูปกันพักใหญ่ เราแวะกิน lunch กันที่เมืองนารา ก็อาหารแบบญี่ปุ่นเช่นเคย ไม่พิสดารโดดเด่นที่จะเล่า หลังจากนั้นก็เดินทางต่อ ไม่น่าจะนานมากเราก็เข้า KYOTO เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นที่จัดว่าเป็นเมืองพี่ของ NARA เกียวโตสมัยนั้น ค่อนข้างเงียบ ไม่คึกคัก แค่ย่านธุรกิจก็ทันสมัยกว่าเมือง นาราหน่อย ทัวร์จัดให้เราได้เดินดูแค่ถนนเดียว เป็นย่านตัดเย็บชุด กิโมโน ทั้งตลอดความยาวของถนนนั้น มีแต่ร้านขาย กิโมโน ให้เช่ากิโมโน และกิโมโน สำหรับทุกชนชั้น หญิง ชาย เด็กฯ ตอนนั้น กิโมโนสวยๆ ราคาเกิน แสนเยน ขึ้นไปก็มีแขวนโชว์ขายแล้ว ( ถึงวันนี้ก็เกือบ 50 กว่าปีผ่านไปแล้วครับ ) ของผมซื้อ ยูกะตะ กิโมโน หนาปานกลาง ราคาน่าจะแค่ พันกว่าเยน ปัจุบันเข้าหน้าหนาว ก็ยังเอาออกมาใส่ให้นึกถึง ว่านี่ไงที่ระลึกจากเมืองเกียวโต ครึ้มใจเล่นๆยังงั้นละครับ ผ้าเขาทนทานดี จากนั้นทัวร์รวบรัดจับนั่งรถพาชมรอบๆ ชี้ดูนกดูไม้ไปตามเรื่องตามราวว่าพาทัวร์ทั่วเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นแล้วนะ แล้วก็พาพวกเราดิ่งลงภาคกลางตอนล่างจนถึงเมือง OSAKA ในช่วงเย็นวันเดียวกันนั่นเอง ไก๊ด์เล่าระหว่างทางว่า ขณะนั้นไม่ว่าเราจะไปมุมใดของเมือง โอซาก้า จะเห็นแต่การก่อสร้าง ไปทั่วทั้งเมือง ได้ความว่ากำลังสร้าง new town เพื่อเตรียมรับ งานใหญ่ระดับนานาชาติ 1970 มั้ง คืองาน EXPO OSAKA ผมคงจำไม่ผิดครับ สรุปว่าแวะ โอซาก้า กินแห้ว คงไม่ได้เที่ยว ตามที่ทัวร์ออกตัว ไว้เนิ่นๆก่อนเข้าพักใน โรงแรมกลางเมือง โอซาก้า
พี่เลี้ยงของเราที่ประกบกันมาตั้งแต่ โยโกฮาม่า ฟังเสียงจากรุ่นพี่ๆในคณะของเรา ซึ่งได้ยินกิติศัพย์มาล่วงหน้าแล้วว่า โอซาก้า น่ะเป็นเมืองท่องเที่ยวบรรเทิงสุดๆ (ขณะนั้นนะครับ) พี่วุฒิชัยกับพี่อีกคนที่จบ โตเกียวยู. ที่เป็นพี่เลี้ยงคณะเรา ทนรับฟังคำอุทธรณ์ รบให้พาออกเที่ยวไม่ไหว สองพี่เลี้ยงจึงอาสา พาออกตะลุยราตรี หลัง dinner เสร็จ เข้าแถวขึ้น Takuzi แท๊กคืซี่ ก็รถแท็กซี่ นั่นละครับ อยู่ญี่ปุ่นก็ต้องออกเสียงทับศัพท์แบบญี่ปุ่น จึงจะสื่อสารตรงกัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าปัจจุบันคนญี่ปุ่นยังจะออกเสียงคำทับศัพท์แบบเดิมอยู่อีกหรือเปล่า 50 กว่าปีก่อน beautiful ก็ บิวติ้ฮูล Hotel ก็ โฮเทรุ ฯลฯ สนุกดีครับ
เราขึ้น แท๊กคืซี่ คันเล็กนั่งได้แค่ 4 คน สตาร์ทที่ 90 เยน ส่วนคันใหญ่นั่งได้ 5 คน ก็เริ่มที่ 100 เยน น่าจะหมดเนื้อที่ เขาเตือนแล้ว เล่าต่อครั้งหน้าครับ bye
เล่าต่อ : แวะเที่ยวเมือง NARA เมืองเก่าตอนกลางของญี่ปุ่น
มีสถานที่ท่องเที่ยว หลายแห่ง แต่คณะเรามีโอกาส แวะเพียง 2 แห่ง ที่แรกเราได้แวะ โบสถ์พุทธ อายุเก่าแก่คงเป็นร้อยๆปีขึ้นไป ได้นมัสการไหว้หลวงพ่อโต ที่คนท้องถิ่นเรียก Dai Busu เหมือนเราเรียกพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆในไทยเราเกือบทุกองค์ว่า หลวงพ่อโต ยังไม่ลืมคือเป็น พระพุทธรูปนั่งห้ามญาติ (จำแม่นก็ท่านั่งห้ามญาตินั่นเอง) ต่างจากปางห้ามญาติของบ้านเรา ที่ " ยืน ยกมือห้ามญาติ " ทัวร์พาเราไปต่อที่สวนกวาง น่าจะอยู่กลางเมือง นารา นั่นเอง ได้ดูฝูงกวางดาวที่เชื่องกับคนมาก ได้ถ่ายรูปกันพักใหญ่ เราแวะกิน lunch กันที่เมืองนารา ก็อาหารแบบญี่ปุ่นเช่นเคย ไม่พิสดารโดดเด่นที่จะเล่า หลังจากนั้นก็เดินทางต่อ ไม่น่าจะนานมากเราก็เข้า KYOTO เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นที่จัดว่าเป็นเมืองพี่ของ NARA เกียวโตสมัยนั้น ค่อนข้างเงียบ ไม่คึกคัก แค่ย่านธุรกิจก็ทันสมัยกว่าเมือง นาราหน่อย ทัวร์จัดให้เราได้เดินดูแค่ถนนเดียว เป็นย่านตัดเย็บชุด กิโมโน ทั้งตลอดความยาวของถนนนั้น มีแต่ร้านขาย กิโมโน ให้เช่ากิโมโน และกิโมโน สำหรับทุกชนชั้น หญิง ชาย เด็กฯ ตอนนั้น กิโมโนสวยๆ ราคาเกิน แสนเยน ขึ้นไปก็มีแขวนโชว์ขายแล้ว ( ถึงวันนี้ก็เกือบ 50 กว่าปีผ่านไปแล้วครับ ) ของผมซื้อ ยูกะตะ กิโมโน หนาปานกลาง ราคาน่าจะแค่ พันกว่าเยน ปัจุบันเข้าหน้าหนาว ก็ยังเอาออกมาใส่ให้นึกถึง ว่านี่ไงที่ระลึกจากเมืองเกียวโต ครึ้มใจเล่นๆยังงั้นละครับ ผ้าเขาทนทานดี จากนั้นทัวร์รวบรัดจับนั่งรถพาชมรอบๆ ชี้ดูนกดูไม้ไปตามเรื่องตามราวว่าพาทัวร์ทั่วเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นแล้วนะ แล้วก็พาพวกเราดิ่งลงภาคกลางตอนล่างจนถึงเมือง OSAKA ในช่วงเย็นวันเดียวกันนั่นเอง ไก๊ด์เล่าระหว่างทางว่า ขณะนั้นไม่ว่าเราจะไปมุมใดของเมือง โอซาก้า จะเห็นแต่การก่อสร้าง ไปทั่วทั้งเมือง ได้ความว่ากำลังสร้าง new town เพื่อเตรียมรับ งานใหญ่ระดับนานาชาติ 1970 มั้ง คืองาน EXPO OSAKA ผมคงจำไม่ผิดครับ สรุปว่าแวะ โอซาก้า กินแห้ว คงไม่ได้เที่ยว ตามที่ทัวร์ออกตัว ไว้เนิ่นๆก่อนเข้าพักใน โรงแรมกลางเมือง โอซาก้า
พี่เลี้ยงของเราที่ประกบกันมาตั้งแต่ โยโกฮาม่า ฟังเสียงจากรุ่นพี่ๆในคณะของเรา ซึ่งได้ยินกิติศัพย์มาล่วงหน้าแล้วว่า โอซาก้า น่ะเป็นเมืองท่องเที่ยวบรรเทิงสุดๆ (ขณะนั้นนะครับ) พี่วุฒิชัยกับพี่อีกคนที่จบ โตเกียวยู. ที่เป็นพี่เลี้ยงคณะเรา ทนรับฟังคำอุทธรณ์ รบให้พาออกเที่ยวไม่ไหว สองพี่เลี้ยงจึงอาสา พาออกตะลุยราตรี หลัง dinner เสร็จ เข้าแถวขึ้น Takuzi แท๊กคืซี่ ก็รถแท็กซี่ นั่นละครับ อยู่ญี่ปุ่นก็ต้องออกเสียงทับศัพท์แบบญี่ปุ่น จึงจะสื่อสารตรงกัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าปัจจุบันคนญี่ปุ่นยังจะออกเสียงคำทับศัพท์แบบเดิมอยู่อีกหรือเปล่า 50 กว่าปีก่อน beautiful ก็ บิวติ้ฮูล Hotel ก็ โฮเทรุ ฯลฯ สนุกดีครับ
เราขึ้น แท๊กคืซี่ คันเล็กนั่งได้แค่ 4 คน สตาร์ทที่ 90 เยน ส่วนคันใหญ่นั่งได้ 5 คน ก็เริ่มที่ 100 เยน น่าจะหมดเนื้อที่ เขาเตือนแล้ว เล่าต่อครั้งหน้าครับ bye