"วีซ่า" ชี้คนไทยเที่ยวไปเกร็งไป เกินครึ่งขอเดินทางในประเทศ
https://www.thairath.co.th/business/economics/2234526
วีซ่าเผยคนไทยมากกว่าครึ่งเลือกเที่ยวในประเทศยาวไปถึงปีหน้า โดยยังระมัดระวังและเที่ยวในที่คุ้นเคย และ 2 ใน 5 เผยต้องการหลีกเลี่ยงแหล่งที่มีคนรวมตัวหนาแน่น ขณะที่ 23% วางแผนเที่ยวเมืองนอก อยากไปญี่ปุ่นมากที่สุดตามด้วยจีน ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ แคนาดา และฝรั่งเศส ด้านสมาคมโรงแรมเผยยอดจองห้องกระเตื้องแต่ไม่มากแค่ 10-20%
นาย
สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า วีซ่าได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค พบว่า มากกว่าครึ่งของผู้ทำแบบสำรวจชาวไทย หรือ 51% มีแนวโน้มจะเลือกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศต่อไปจนถึงปีหน้า (2565) ขณะที่ 23% วางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างแดน โดยจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่อยากเดินทางไปมากที่สุดคือประเทศญี่ปุ่น ตามด้วยจีน ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ แคนาดา และฝรั่งเศส
“เป็นที่ชัดเจนว่าผู้คนยังคงระมัดระวังตัว โดยเฉพาะในเรื่องการเดินทาง ซึ่งชัดเจนว่าพวกเขาเลือกความปลอดภัยและความคุ้นเคยในสถานที่ที่จะไป ผู้ประกอบการในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย ควรให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือต่างชาติ โดยควรสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยในทุกมิติ รวมถึงวิธีการชำระเงิน โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโรค การชำระเงินแบบไร้สัมผัสเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด”
ส่วนนักท่องเที่ยวทั้งเอเชียแปซิฟิกเองก็เริ่มปรับเข้าสู่โหมดการท่องเที่ยวในรูปแบบที่แตกต่างไปจากช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยมากกว่าครึ่ง หรือ 53% เลือกที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้น เพื่อจองที่พักที่มีการรับรองในด้านความปลอดภัยและคุณภาพ ขณะที่ 44% กำลังวางแผนที่จะพกบัตรต่างๆมากขึ้นเพื่อใช้จ่ายแบบไร้การสัมผัส (Contactless) แทนการชำระด้วยเงินสด และ 2 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบถาม กำลังวางแผนเดินทางโดยหลีกเลี่ยงแหล่งที่มีคนรวมตัวหนาแน่น “การใช้ชีวิตแบบไร้เงินสดไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกสบายอีกต่อไป แต่ยังเป็นเรื่องของความมั่นใจ ปลอดภัย และฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองว่าการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศอย่างไร”
ด้านนาง
มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว 63 ประเทศไม่ถูกกักตัว ทำให้ตอนนี้ยอดจองห้องพักก็กลับมาเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงกับฟื้นกลับมาได้ในทันที ซึ่งล่าสุดอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศได้เพิ่มมาอยู่ที่ประมาณ 10-20% เท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นคนไทย แต่เชื่อว่าต่างชาติจะเริ่มเข้ามาเห็นได้ชัดในช่วงเดือน ม.ค.เป็นต้นไป ส่วนปัญหาอุปสรรคส่วนใหญ่คือการเพิ่มเงื่อนไขพนักงานต้องฉีดวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่า 70% หรือ SHA Plus เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา
ด้านนาง
ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ขณะนี้ร้านอาหารสามารถเปิดถึง 5 ทุ่มได้อยู่แล้ว แต่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง 3 ทุ่ม และเฉพาะร้านที่ได้รับมาตรฐาน SHA เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ร้านที่ยังไม่มีมาตรฐานดังกล่าว ตอนนี้ได้ประสานไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เร่งอนุมัติการประเมินร้านอาหารเพื่อให้ได้รับมาตรฐาน SHA เร็วขึ้น เหลือ 3 วัน จากเดิม 7 วัน โดยสำหรับมาตรการต่างๆนั้น พล.ต.อ.
อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร แจ้งว่าจะมีพิจารณาทบทวนทุก 2 สัปดาห์.
นครศรีธรรมราช คนติดเชื้อรายใหม่ยังพุ่งสูง วัดเผยยังหนัก เผาศพโควิดฟรีแล้วกว่า 100 ราย
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6712409
วัดบุญนารอบ เผาศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แล้ว 103 ราย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจากญาติ ขณะยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
วันที่ 3 พ.ย. 64 ที่วัดบุญนารอบ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่มูลนิธิไต้เต๊กเซี่ยงตึ๊ง นำรถ 2 แถวมาดัดแปลงติดตั้งม่านพลาสติกป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อ เป็นรถขนส่งศพผู้ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ส่งยังเมรุวัด เนื่องจากรถกู้ภัยหลายคันต้องเข้าซ่อมบำรุงเนื่องจากทำงานหนักขนย้ายผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องทุกวัน ในขณะที่บรรยากาศในวัดเป็นไปอย่างโศกเศร้า
สำหรับวัดบุญนารอบ ได้รับดำเนินการฌาปนกิจศพผู้ป่วยโควิด-19 ที่เสียชีวิตโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย มีพระมหาบวร ปวรธมฺโม เจ้าอาวาส ดำเนินการเผาศพไปแล้วจำนวน 105 ราย จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 209 ราย มีการทำพิธีทางศาสนาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ส่วนสถานการณ์ล่าสุด พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 462 ราย ยอดสะสม 32,471 ราย รักษาหายแล้ว 21,495 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 209 ราย
ขณะที่นาย
ไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด นำมาหารือเร่องข้อมูลตัวเลขผู้ป่วยที่สูงทุกวัน แต่หากดูข้อมูลเชิงวิชาการเปรียบเทียบจากจำนวนประชากรในระดับเดียวกัน อยู่ลำดับที่ 32 ของประเทศ ส่วนเรื่องการเปิดเรียนแบบ On-site ไม่มีสถานศึกษาใดแจ้งความประสงค์ว่าพร้อมสำหรับเปิดเรียน และทางคณะกรรมการฯ ได้ประสานงานเพื่อให้สถานศึกษาประเมินความพร้อมและกำหนดมาตรการแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญไว้ 9 อำเภอนำร่อง รับการเปิดเมือง โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วยระยะที่ 1 กำหนดวันเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว ในวันที่ 1 ธ.ค. 64 ประกอบด้วย 4 อำเภอคือ อำเภอขนอม สิชล ลานสกา และอำเภอเมือง และระยะที่ 2 กำหนดเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว ในวันที่ 16ธ.ค. 64 ประกอบด้วย 5 อำเภอ คือ อำเภอท่าศาลา ปากพนัง นบพิตำ ทุ่งสง และอำเภอพรหมคีรี
มีการนำมาตรฐานของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้มาปรับใช้กับพื้นที่ ตามความเหมาะสม และได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จัดทำแผนเผชิญเหตุกรณีนักท่องเที่ยว ติดเชื้อโควิด-19 และมอบหมายให้ 9 อำเภอนำร่องเปิดการท่องเที่ยว ประสานภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เตรียมแนวทางการดำเนินงานตามบริบทแต่ละพื้นที่ เน้นการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาด้วย
พรรคฝ่ายค้าน ยันยื่นอภิปรายทั่วไปเร็วที่สุด
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_225307/
“ชลน่าน”คุยหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ยันยื่นอภิปรายทั่วไปเร็วที่สุด ยึดกลไกสภาร่วมกันแก้ไขให้ประชาชน
นายแพทย์
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงการประชุมหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านวันนี้ ว่า มีประเด็นหารือแนวทางการทำงานในสภาเป็นหลัก ซึ่งจะเน้นรายละเอียดการเตรียมยื่นญัตติอภิปรายเป็นการทั่วไปต่อรัฐบาล ในเรื่องการแก้ปัญหาวิกฤติต่างๆที่ผ่านมาแต่จะมีการหารืออย่างละเอียดอีกครั้ง แต่จากการรับฟังความเห็นเบื้องต้น ปัญหาหนักสุดคือ วิกฤติเศรษฐกิจ และ โควิด-19 ด้านสุขภาพรวมไปถึงสิทธิเสรีภาพความเป็นประชาธิปไตย และการละเมิดสิทธิอย่างไม่เป็นธรรม
โดยคาดว่าการยื่นญัตติ จะเป็นภายในสมัยประชุมนี้แน่นอน เพราะถือว่าเป็นไปตามกรอบที่หนึ่งสมัย จะยื่นได้ 1 ครั้ง และจะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุดซึ่งหลังจากรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็เน้นดูเรื่องดังกล่าวเป็นหลัก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ และกลไกของรัฐสภา ก็ต้องร่วมกันแก้ไขให้ประชาชน
JNY : "วีซ่า"ชี้คนไทยเที่ยวไปเกร็งไป│นครศรีธรรมราช ติดเชื้อใหม่ยังพุ่ง│ยันยื่นอภิปรายทั่วไปเร็วที่สุด│โควิดลาวนิวไฮ
https://www.thairath.co.th/business/economics/2234526
วีซ่าเผยคนไทยมากกว่าครึ่งเลือกเที่ยวในประเทศยาวไปถึงปีหน้า โดยยังระมัดระวังและเที่ยวในที่คุ้นเคย และ 2 ใน 5 เผยต้องการหลีกเลี่ยงแหล่งที่มีคนรวมตัวหนาแน่น ขณะที่ 23% วางแผนเที่ยวเมืองนอก อยากไปญี่ปุ่นมากที่สุดตามด้วยจีน ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ แคนาดา และฝรั่งเศส ด้านสมาคมโรงแรมเผยยอดจองห้องกระเตื้องแต่ไม่มากแค่ 10-20%
นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า วีซ่าได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค พบว่า มากกว่าครึ่งของผู้ทำแบบสำรวจชาวไทย หรือ 51% มีแนวโน้มจะเลือกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศต่อไปจนถึงปีหน้า (2565) ขณะที่ 23% วางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างแดน โดยจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่อยากเดินทางไปมากที่สุดคือประเทศญี่ปุ่น ตามด้วยจีน ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ แคนาดา และฝรั่งเศส
“เป็นที่ชัดเจนว่าผู้คนยังคงระมัดระวังตัว โดยเฉพาะในเรื่องการเดินทาง ซึ่งชัดเจนว่าพวกเขาเลือกความปลอดภัยและความคุ้นเคยในสถานที่ที่จะไป ผู้ประกอบการในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย ควรให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือต่างชาติ โดยควรสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยในทุกมิติ รวมถึงวิธีการชำระเงิน โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโรค การชำระเงินแบบไร้สัมผัสเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด”
ส่วนนักท่องเที่ยวทั้งเอเชียแปซิฟิกเองก็เริ่มปรับเข้าสู่โหมดการท่องเที่ยวในรูปแบบที่แตกต่างไปจากช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยมากกว่าครึ่ง หรือ 53% เลือกที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้น เพื่อจองที่พักที่มีการรับรองในด้านความปลอดภัยและคุณภาพ ขณะที่ 44% กำลังวางแผนที่จะพกบัตรต่างๆมากขึ้นเพื่อใช้จ่ายแบบไร้การสัมผัส (Contactless) แทนการชำระด้วยเงินสด และ 2 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบถาม กำลังวางแผนเดินทางโดยหลีกเลี่ยงแหล่งที่มีคนรวมตัวหนาแน่น “การใช้ชีวิตแบบไร้เงินสดไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกสบายอีกต่อไป แต่ยังเป็นเรื่องของความมั่นใจ ปลอดภัย และฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองว่าการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศอย่างไร”
ด้านนางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว 63 ประเทศไม่ถูกกักตัว ทำให้ตอนนี้ยอดจองห้องพักก็กลับมาเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงกับฟื้นกลับมาได้ในทันที ซึ่งล่าสุดอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศได้เพิ่มมาอยู่ที่ประมาณ 10-20% เท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นคนไทย แต่เชื่อว่าต่างชาติจะเริ่มเข้ามาเห็นได้ชัดในช่วงเดือน ม.ค.เป็นต้นไป ส่วนปัญหาอุปสรรคส่วนใหญ่คือการเพิ่มเงื่อนไขพนักงานต้องฉีดวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่า 70% หรือ SHA Plus เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา
ด้านนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ขณะนี้ร้านอาหารสามารถเปิดถึง 5 ทุ่มได้อยู่แล้ว แต่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง 3 ทุ่ม และเฉพาะร้านที่ได้รับมาตรฐาน SHA เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ร้านที่ยังไม่มีมาตรฐานดังกล่าว ตอนนี้ได้ประสานไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เร่งอนุมัติการประเมินร้านอาหารเพื่อให้ได้รับมาตรฐาน SHA เร็วขึ้น เหลือ 3 วัน จากเดิม 7 วัน โดยสำหรับมาตรการต่างๆนั้น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร แจ้งว่าจะมีพิจารณาทบทวนทุก 2 สัปดาห์.
นครศรีธรรมราช คนติดเชื้อรายใหม่ยังพุ่งสูง วัดเผยยังหนัก เผาศพโควิดฟรีแล้วกว่า 100 ราย
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6712409
วัดบุญนารอบ เผาศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แล้ว 103 ราย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจากญาติ ขณะยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
วันที่ 3 พ.ย. 64 ที่วัดบุญนารอบ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่มูลนิธิไต้เต๊กเซี่ยงตึ๊ง นำรถ 2 แถวมาดัดแปลงติดตั้งม่านพลาสติกป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อ เป็นรถขนส่งศพผู้ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ส่งยังเมรุวัด เนื่องจากรถกู้ภัยหลายคันต้องเข้าซ่อมบำรุงเนื่องจากทำงานหนักขนย้ายผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องทุกวัน ในขณะที่บรรยากาศในวัดเป็นไปอย่างโศกเศร้า
สำหรับวัดบุญนารอบ ได้รับดำเนินการฌาปนกิจศพผู้ป่วยโควิด-19 ที่เสียชีวิตโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย มีพระมหาบวร ปวรธมฺโม เจ้าอาวาส ดำเนินการเผาศพไปแล้วจำนวน 105 ราย จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 209 ราย มีการทำพิธีทางศาสนาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ส่วนสถานการณ์ล่าสุด พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 462 ราย ยอดสะสม 32,471 ราย รักษาหายแล้ว 21,495 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 209 ราย
ขณะที่นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด นำมาหารือเร่องข้อมูลตัวเลขผู้ป่วยที่สูงทุกวัน แต่หากดูข้อมูลเชิงวิชาการเปรียบเทียบจากจำนวนประชากรในระดับเดียวกัน อยู่ลำดับที่ 32 ของประเทศ ส่วนเรื่องการเปิดเรียนแบบ On-site ไม่มีสถานศึกษาใดแจ้งความประสงค์ว่าพร้อมสำหรับเปิดเรียน และทางคณะกรรมการฯ ได้ประสานงานเพื่อให้สถานศึกษาประเมินความพร้อมและกำหนดมาตรการแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญไว้ 9 อำเภอนำร่อง รับการเปิดเมือง โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วยระยะที่ 1 กำหนดวันเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว ในวันที่ 1 ธ.ค. 64 ประกอบด้วย 4 อำเภอคือ อำเภอขนอม สิชล ลานสกา และอำเภอเมือง และระยะที่ 2 กำหนดเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว ในวันที่ 16ธ.ค. 64 ประกอบด้วย 5 อำเภอ คือ อำเภอท่าศาลา ปากพนัง นบพิตำ ทุ่งสง และอำเภอพรหมคีรี
มีการนำมาตรฐานของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้มาปรับใช้กับพื้นที่ ตามความเหมาะสม และได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จัดทำแผนเผชิญเหตุกรณีนักท่องเที่ยว ติดเชื้อโควิด-19 และมอบหมายให้ 9 อำเภอนำร่องเปิดการท่องเที่ยว ประสานภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เตรียมแนวทางการดำเนินงานตามบริบทแต่ละพื้นที่ เน้นการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาด้วย
พรรคฝ่ายค้าน ยันยื่นอภิปรายทั่วไปเร็วที่สุด
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_225307/
“ชลน่าน”คุยหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ยันยื่นอภิปรายทั่วไปเร็วที่สุด ยึดกลไกสภาร่วมกันแก้ไขให้ประชาชน
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงการประชุมหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านวันนี้ ว่า มีประเด็นหารือแนวทางการทำงานในสภาเป็นหลัก ซึ่งจะเน้นรายละเอียดการเตรียมยื่นญัตติอภิปรายเป็นการทั่วไปต่อรัฐบาล ในเรื่องการแก้ปัญหาวิกฤติต่างๆที่ผ่านมาแต่จะมีการหารืออย่างละเอียดอีกครั้ง แต่จากการรับฟังความเห็นเบื้องต้น ปัญหาหนักสุดคือ วิกฤติเศรษฐกิจ และ โควิด-19 ด้านสุขภาพรวมไปถึงสิทธิเสรีภาพความเป็นประชาธิปไตย และการละเมิดสิทธิอย่างไม่เป็นธรรม
โดยคาดว่าการยื่นญัตติ จะเป็นภายในสมัยประชุมนี้แน่นอน เพราะถือว่าเป็นไปตามกรอบที่หนึ่งสมัย จะยื่นได้ 1 ครั้ง และจะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุดซึ่งหลังจากรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็เน้นดูเรื่องดังกล่าวเป็นหลัก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ และกลไกของรัฐสภา ก็ต้องร่วมกันแก้ไขให้ประชาชน