ครั้งแรก
ณ ร้านขายสัตว์เลี้ยง สวนจตุจักร “ปุยนุ่น” ลูกแมวขาวมณีที่มีตาซ้ายสีฟ้า ตาขวาสีเหลือง ขนสีขาวสั้นทั้งตัว ถูกเด็กหญิง “ฟ้าใส” อายุ 12 ขวบอุ้มอย่างทนุถนอมเดินออกมาและพาไปขึ้นรถยนตร์ส่วนตัวกับพ่อแม่เพื่อที่จะเดินทางกลับบ้าน
ปุยนุ่ยเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของฟ้าใส เธอรบเร้าพ่อกับแม่ว่าอยากจะเลี้ยงแมวสักตัวไว้เป็นเพื่อนมาหลายปี และช่วงนี้พ่อกับแม่ของเธอคิดว่าพร้อมแล้วด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ฟ้าใสควรจะได้ในสิ่งที่ปรารถนามานานสักที
พ่อกับแม่ประเมินว่าฟ้าใสโตพอจะพูดรู้เรื่องแล้ว จะสามารถทำตามกฎระเบียบกติกาได้ จึงบอกกับเธอว่า เวลาเล่นกับแมวต้องระวังโดนกัดและข่วน ฟ้าใสต้องทำความสะอาดทรายแมวเองทุกวัน ตักสิ่งขับถ่ายของมันใส่ถุงไปทิ้ง รวมทั้งให้อาหารแมวและเปลี่ยนน้ำด้วย
ปุยนุ่นถูกเลี้ยงด้วยระบบปิด คือไม่ให้ออกนอกบ้าน ต้องอยู่ในบ้านเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ดูว่ามันมีความสุขดี
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่เดือน ปุยนุ่นเริ่มเป็นสาวและมีอาการชอบคลอเคลีย บางครั้งชอบนั่งร้องเหมียว ๆ ที่หน้าต่างบ้านเหมือนว่ามันอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก
และแล้ววันหนึ่ง ปุยนุ่นก็ได้แอบใช้จมูกดันประตู และสามารถออกจากบ้านเองได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
ฟ้าใสเสียใจมากที่แมวของตนหายออกจากบ้านไป เธอออกตามหาไปทั่วหมู่บ้านแต่ก็ไม่พบ ฟ้าใสร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนักจนกระทั่งหลับไปในคืนนั้น
วันต่อมาฟ้าใสได้นำประกาศแมวหายรูปปุยนุ่นไปติดตามเสาไฟฟ้าในหมู่บ้านและซอยใกล้เคียง
เธอรอคอยวันแล้ววันเล่า ปุยนุ่นก็ไม่กลับมา พ่อกับแม่จึงปลอบฟ้าใสและให้กำลังใจว่าเดี๋ยวมันก็จะกลับมา
เพื่อนบ้านแนะนำเธอว่า ความเชื่อแต่โบราณบอกว่าให้คุยกับแมวจรแถวบ้านและวานให้มันไปบอกแมวของเราให้กลับบ้าน
ฟ้าใสจึงมองหาแมวจรและบอกกับแมวตัวผู้สีส้มตัวหนึ่งว่าให้ช่วยไปตามปุยนุ่นกลับบ้านหน่อย
ผ่านไปสามเดือน ในตอนเช้ามืดขณะที่ฟ้าใสกำลังนอนหลับอยู่ เธอได้ยินเสียงลูกแมวร้องแง้ว ๆ อยู่ตรงระเบียงหน้าห้องนอน
ฟ้าใสจึงตื่นรีบลุกขึ้นไปดู เป็นปุยนุ่นและลูก ๆ ของมันนั่นเอง มันกลับมาแล้ว เธอรู้สึกดีใจมาก รีบไปเรียกพ่อกับแม่มาดู
มีลูกแมวทั้งหมดสองตัว ตัวหนึ่งเหมือนแม่คือขนสีขาวทั้งตัว ตาสีฟ้าและเหลือง ส่วนอีกตัวหนึ่งมีขนสีส้ม
จบ.
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง...ครั้งแรก
ปุยนุ่ยเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของฟ้าใส เธอรบเร้าพ่อกับแม่ว่าอยากจะเลี้ยงแมวสักตัวไว้เป็นเพื่อนมาหลายปี และช่วงนี้พ่อกับแม่ของเธอคิดว่าพร้อมแล้วด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ฟ้าใสควรจะได้ในสิ่งที่ปรารถนามานานสักที
พ่อกับแม่ประเมินว่าฟ้าใสโตพอจะพูดรู้เรื่องแล้ว จะสามารถทำตามกฎระเบียบกติกาได้ จึงบอกกับเธอว่า เวลาเล่นกับแมวต้องระวังโดนกัดและข่วน ฟ้าใสต้องทำความสะอาดทรายแมวเองทุกวัน ตักสิ่งขับถ่ายของมันใส่ถุงไปทิ้ง รวมทั้งให้อาหารแมวและเปลี่ยนน้ำด้วย
ปุยนุ่นถูกเลี้ยงด้วยระบบปิด คือไม่ให้ออกนอกบ้าน ต้องอยู่ในบ้านเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ดูว่ามันมีความสุขดี
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่เดือน ปุยนุ่นเริ่มเป็นสาวและมีอาการชอบคลอเคลีย บางครั้งชอบนั่งร้องเหมียว ๆ ที่หน้าต่างบ้านเหมือนว่ามันอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก
และแล้ววันหนึ่ง ปุยนุ่นก็ได้แอบใช้จมูกดันประตู และสามารถออกจากบ้านเองได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
ฟ้าใสเสียใจมากที่แมวของตนหายออกจากบ้านไป เธอออกตามหาไปทั่วหมู่บ้านแต่ก็ไม่พบ ฟ้าใสร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนักจนกระทั่งหลับไปในคืนนั้น
วันต่อมาฟ้าใสได้นำประกาศแมวหายรูปปุยนุ่นไปติดตามเสาไฟฟ้าในหมู่บ้านและซอยใกล้เคียง
เธอรอคอยวันแล้ววันเล่า ปุยนุ่นก็ไม่กลับมา พ่อกับแม่จึงปลอบฟ้าใสและให้กำลังใจว่าเดี๋ยวมันก็จะกลับมา
เพื่อนบ้านแนะนำเธอว่า ความเชื่อแต่โบราณบอกว่าให้คุยกับแมวจรแถวบ้านและวานให้มันไปบอกแมวของเราให้กลับบ้าน
ฟ้าใสจึงมองหาแมวจรและบอกกับแมวตัวผู้สีส้มตัวหนึ่งว่าให้ช่วยไปตามปุยนุ่นกลับบ้านหน่อย
ผ่านไปสามเดือน ในตอนเช้ามืดขณะที่ฟ้าใสกำลังนอนหลับอยู่ เธอได้ยินเสียงลูกแมวร้องแง้ว ๆ อยู่ตรงระเบียงหน้าห้องนอน
ฟ้าใสจึงตื่นรีบลุกขึ้นไปดู เป็นปุยนุ่นและลูก ๆ ของมันนั่นเอง มันกลับมาแล้ว เธอรู้สึกดีใจมาก รีบไปเรียกพ่อกับแม่มาดู
มีลูกแมวทั้งหมดสองตัว ตัวหนึ่งเหมือนแม่คือขนสีขาวทั้งตัว ตาสีฟ้าและเหลือง ส่วนอีกตัวหนึ่งมีขนสีส้ม
จบ.
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ