ใครดูไลฟ์ของน้องแก้วล่าสุดน้องจะอธิบายเรื่องกิจกรรมของวงที่ตอนนี้ดูเงียบๆว่า เมมเบอร์เองก็ไม่เข้าใจ แต่พอได้ฟังคำอธิบายจากฝ่ายบริหารก็พอจะยอมรับได้ ส่วนฝ่ายโอตะมีทั้งฝ่ายคนกลัวเมมเบอร์ติดโควิค แล้วเป็นข่าวดัง จะทำวงมีผลเสีย และ คนที่ต้องการให้วง active มากกว่านี้
ส่วนตัวอยากให้วงกล้าเสี่ยงทำกิจกรรมอย่างเธียเตอร์นำร่องไปก่อนเลย แต่เรากำหนดเองไม่ได้.
ถ้าใครตามวงมาแต่ต้นๆ จะรู้ว่าวงเลือกบริหารแบบตั้งรับ มากกว่าเล่นรุก จะมีก็แค่ตอนที่อู่ฟู่ ช่วงหลังคุกกี้ดังเท่านั้นที่ กล้าลงทุนเพิ่มทั้งรับรุ่นที่ 2 ไวขึ้น และเปิดวง CGM48 (ไม่นับเธียเตอร์ที่อาศัยเงินโอตะบัตรดำ) อาจจะรวมถึงซื้อหอพักเป็นของตัวเองด้วย ดังนั้นตอนนี้ อฟช ฝั่ง กทม. น่าจะใช้แผน "Park the Bus" ตามภาษาฟุตบอล คือ อุดเต็มตัว ไม่ได้ก็อย่างเสียประตู คือ ไม่เลี้ยงกระแสจากการออกไปงานนอก(ลงทุนเอง) ถ้าจะไปก็ต้องมีคนจ้าง และ ทำ content online เลี้ยงกระแสไปแทนก่อน(เพราะเจ็บตัวน้อยสุด) คิดว่าแผนบุกน่ะมี(รวมถึงงานที่ค้างไว้ด้วย) แต่กะรอใช้เมื่อชัวร์มากกว่า.
ยิ่งได้ฟังเหตุผลจากไลฟ์น้องแก้ว นี่ผมว่าชัดเลย กล่าวคือ ตั้งรับรอดูคลื่นลม เพราะไม่อยากจะลงทุนทำแล้วไม่ได้ดังหวัง อีกอย่างคือ มองตลาดโอตะขาเปย์ของวงทั้ง BNK48 และ CGM48 คือ คนกลุ่มเดียวกัน เมื่อปล่อยวงน้องออกของเลยไม่อยากเอาวงพี่ไปแชร์ตลาด เดี๋ยวยอดไม่ตามเป้า เพราะ สภาพการเงินของเล่าโอตะน่าจะมีจำกัด.
สุดท้าย แม้รู้สึกไม่โอเคกับการทำงานเชิงรับของ อฟช แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าสิ่งที่เขาคิด หรือ เราคิดอะไรมันจะดีกับวงมากกว่ากัน เวลาจะมีบทสรุปให้พวกเราเอง เมื่อมันถึงเวลานั้น ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น วงจะออกหมัดเข้าเป้าได้ตามแผนนะ.
สิ่งที่น้องแก้ว บอกในไลฟ์ก็ประมาณนี้ ก็ขอบคุณน้องด้วยที่มาแชร์ข้อมูลในวงให้พวกเราพอเข้าใจกันมากขึ้น.
Credit by Youtube channel : FKz48
ฟังเหตุผลจากไลฟ์น้องแก้ว เรื่องกิจกรรมของวง กทม ที่ไม่ค่อยออกของสักเท่าไรในตอนนี้แล้ว ก็พอเข้าใจ(ได้บ้าง).
ส่วนตัวอยากให้วงกล้าเสี่ยงทำกิจกรรมอย่างเธียเตอร์นำร่องไปก่อนเลย แต่เรากำหนดเองไม่ได้.
ถ้าใครตามวงมาแต่ต้นๆ จะรู้ว่าวงเลือกบริหารแบบตั้งรับ มากกว่าเล่นรุก จะมีก็แค่ตอนที่อู่ฟู่ ช่วงหลังคุกกี้ดังเท่านั้นที่ กล้าลงทุนเพิ่มทั้งรับรุ่นที่ 2 ไวขึ้น และเปิดวง CGM48 (ไม่นับเธียเตอร์ที่อาศัยเงินโอตะบัตรดำ) อาจจะรวมถึงซื้อหอพักเป็นของตัวเองด้วย ดังนั้นตอนนี้ อฟช ฝั่ง กทม. น่าจะใช้แผน "Park the Bus" ตามภาษาฟุตบอล คือ อุดเต็มตัว ไม่ได้ก็อย่างเสียประตู คือ ไม่เลี้ยงกระแสจากการออกไปงานนอก(ลงทุนเอง) ถ้าจะไปก็ต้องมีคนจ้าง และ ทำ content online เลี้ยงกระแสไปแทนก่อน(เพราะเจ็บตัวน้อยสุด) คิดว่าแผนบุกน่ะมี(รวมถึงงานที่ค้างไว้ด้วย) แต่กะรอใช้เมื่อชัวร์มากกว่า.
ยิ่งได้ฟังเหตุผลจากไลฟ์น้องแก้ว นี่ผมว่าชัดเลย กล่าวคือ ตั้งรับรอดูคลื่นลม เพราะไม่อยากจะลงทุนทำแล้วไม่ได้ดังหวัง อีกอย่างคือ มองตลาดโอตะขาเปย์ของวงทั้ง BNK48 และ CGM48 คือ คนกลุ่มเดียวกัน เมื่อปล่อยวงน้องออกของเลยไม่อยากเอาวงพี่ไปแชร์ตลาด เดี๋ยวยอดไม่ตามเป้า เพราะ สภาพการเงินของเล่าโอตะน่าจะมีจำกัด.
สุดท้าย แม้รู้สึกไม่โอเคกับการทำงานเชิงรับของ อฟช แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าสิ่งที่เขาคิด หรือ เราคิดอะไรมันจะดีกับวงมากกว่ากัน เวลาจะมีบทสรุปให้พวกเราเอง เมื่อมันถึงเวลานั้น ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น วงจะออกหมัดเข้าเป้าได้ตามแผนนะ.
สิ่งที่น้องแก้ว บอกในไลฟ์ก็ประมาณนี้ ก็ขอบคุณน้องด้วยที่มาแชร์ข้อมูลในวงให้พวกเราพอเข้าใจกันมากขึ้น.
Credit by Youtube channel : FKz48