สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ถ้าคนเดียวพูดเราไม่สะดุดอะไร
มันแปลกตรงพูดกันหลายคนนี่แหละ
และคนพูดท่าทางสนิทด้วย
ขออนุญาตถามก่อนว่าคนพูดนี่มาจากฝั่งแฟนรึเปล่า
อาจเป็นไปได้ว่าคุณน่ะมีความสุขดี อยู่กับสิ่งแวดล้อมคุ้น ๆ
แต่แฟนคุณเค้าเคยไปบ่นกับทางเค้ารึเปล่า
ว่าอึดอัดที่ต้องอยู่รวมกับพ่อแม่คุณ หรือเพื่อนสนิทแถวบ้านเยอะ
ไปมาหาสู่ตลอด ไม่เป็นส่วนตัวรึเปล่า
ไม่ใช่ไร ญาติ ๆ เพื่อน ๆ เรามีเยอะแยะที่อยู่บ้านพ่อแม่ยันแก่
ไม่เห็นมีใครโดนทักทำนองนี้เลย มีแต่คนอิจฉา
มันแปลกตรงพูดกันหลายคนนี่แหละ
และคนพูดท่าทางสนิทด้วย
ขออนุญาตถามก่อนว่าคนพูดนี่มาจากฝั่งแฟนรึเปล่า
อาจเป็นไปได้ว่าคุณน่ะมีความสุขดี อยู่กับสิ่งแวดล้อมคุ้น ๆ
แต่แฟนคุณเค้าเคยไปบ่นกับทางเค้ารึเปล่า
ว่าอึดอัดที่ต้องอยู่รวมกับพ่อแม่คุณ หรือเพื่อนสนิทแถวบ้านเยอะ
ไปมาหาสู่ตลอด ไม่เป็นส่วนตัวรึเปล่า
ไม่ใช่ไร ญาติ ๆ เพื่อน ๆ เรามีเยอะแยะที่อยู่บ้านพ่อแม่ยันแก่
ไม่เห็นมีใครโดนทักทำนองนี้เลย มีแต่คนอิจฉา
ความคิดเห็นที่ 3
จำกัดความก่อนนะครับว่า Loser คืออะไร?
คือคนที่ยอมรับความพ่ายแพ้ ในสิ่งใดที่เห็นสมควรจะต้องมี
ซึ่ง บางคน ไปเหมารวมเอาว่า
การทำงานเงินเดือนเยอะ มีทรัพย์สินเยอะๆ เป็นมหาเศรษฐี คือดีที่สุด
แต่สิ่งอื่นใดนั้นนั่นเป็นเพียง ความหลงงมงายเป็นเรื่องของส่วนบุคคล
คำตอบง่ายๆ ว่าเราจะประสบความสำเร็จแล้ว ไม่ใช่มากจากปากคนอื่นๆที่ เขาชี้นิ้วสั่ง ชี้นำให้คุณเป็น
เพราะท้ายที่สุดแล้ว
“ความพอดีพอใจที่คุณมีนั่นแหละ” ที่จะตอบได้ว่า เรามีความสุขแล้วหรือไม่?
ไม่ใช่จะบอกว่า จะไม่ต้องพยายามอะไรเลยนะครับ
เราก็พยายามที่สุดแล้ว ตั้งใจเรียน ทำงาน สร้างครอบครัวให้ดีที่สุดแล้ว
ส่วนคนอื่นๆ จะเข้ามาถากถางชี้นำเราว่า เราต้องมีอย่างนู้นนะ มีอย่างนี้นะ หรือมีเทียบเท่าที่เค้ามีนะ นั่นใช่เรื่องของคุณไหม?
ถ้าหากคุณมีความสุขดี ครอบครัวอบอุ่นดี รายได้มีไม่ขัดสน มีหนี้สินบ้าง แต่ก็ไม่เคยหมุนเงินไม่ทันเงินขาดมือ
คุณจะไปเรียกร้องหา The Winner หาพระแสงอะไร?
บางคนน่ะ รวยเป็นร้อยล้าน พันล้าน ทรัพย์สินมากมาย แต่มีแต่เรื่องวุ่นวายหาความสุขไม่เจอเสียที
คนมีเงิน มีทรัพย์สินเยอะ ไม่ได้แปลว่า มีความสุขเยอะ
หากคุณคิดได้ว่า “เนี่ยแหละคือความสุขที่แท้จริงของคุณแล้ว”
เสียงแจ้วๆๆๆ จากผีสางนางไม้ที่ไหน ใยจะสำคัญไปกว่า ความสุขที่เราประสบอยู่
วันนี้คุณถามตัวเองก่อน มีความสุขแล้วหรือยัง (อาจจะมีความทุกข์บางครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสุขหายไปหมด)
ถ้าหากคุณมีความสุขดีแล้ว ก็จบ คุณก็ The Winner แล้ว โอเคนะครับ 👌🏻
เสียงที่ดังที่สุดในหูเรา คือตัวเรา หาใช่ใครอื่นไม่ ตามนั้น
ปล.หากว่าคุณไม่คิดจะต้องการมีบ้าน มีทรัพย์สินมากมาย อย่างใครๆเขา
คุณเอาเงินส่วนนั้นมาดูแลสุขภาพดีกว่า มีทรัพย์สินมาก แต่โรคร้ายกล้ำกราย หรือจะสู้ มีความสุขดีจะตาย แถมได้สุขภาพที่ดี ถึงมีน้อยกว่าใครๆ แต่ฉันน่ะไม่เคย Admit โรงบาลบ่อยๆ ใครกันแน่แหละ ที่จะ Winner จริงไหม?
คือคนที่ยอมรับความพ่ายแพ้ ในสิ่งใดที่เห็นสมควรจะต้องมี
ซึ่ง บางคน ไปเหมารวมเอาว่า
การทำงานเงินเดือนเยอะ มีทรัพย์สินเยอะๆ เป็นมหาเศรษฐี คือดีที่สุด
แต่สิ่งอื่นใดนั้นนั่นเป็นเพียง ความหลงงมงายเป็นเรื่องของส่วนบุคคล
คำตอบง่ายๆ ว่าเราจะประสบความสำเร็จแล้ว ไม่ใช่มากจากปากคนอื่นๆที่ เขาชี้นิ้วสั่ง ชี้นำให้คุณเป็น
เพราะท้ายที่สุดแล้ว
“ความพอดีพอใจที่คุณมีนั่นแหละ” ที่จะตอบได้ว่า เรามีความสุขแล้วหรือไม่?
ไม่ใช่จะบอกว่า จะไม่ต้องพยายามอะไรเลยนะครับ
เราก็พยายามที่สุดแล้ว ตั้งใจเรียน ทำงาน สร้างครอบครัวให้ดีที่สุดแล้ว
ส่วนคนอื่นๆ จะเข้ามาถากถางชี้นำเราว่า เราต้องมีอย่างนู้นนะ มีอย่างนี้นะ หรือมีเทียบเท่าที่เค้ามีนะ นั่นใช่เรื่องของคุณไหม?
ถ้าหากคุณมีความสุขดี ครอบครัวอบอุ่นดี รายได้มีไม่ขัดสน มีหนี้สินบ้าง แต่ก็ไม่เคยหมุนเงินไม่ทันเงินขาดมือ
คุณจะไปเรียกร้องหา The Winner หาพระแสงอะไร?
บางคนน่ะ รวยเป็นร้อยล้าน พันล้าน ทรัพย์สินมากมาย แต่มีแต่เรื่องวุ่นวายหาความสุขไม่เจอเสียที
คนมีเงิน มีทรัพย์สินเยอะ ไม่ได้แปลว่า มีความสุขเยอะ
หากคุณคิดได้ว่า “เนี่ยแหละคือความสุขที่แท้จริงของคุณแล้ว”
เสียงแจ้วๆๆๆ จากผีสางนางไม้ที่ไหน ใยจะสำคัญไปกว่า ความสุขที่เราประสบอยู่
วันนี้คุณถามตัวเองก่อน มีความสุขแล้วหรือยัง (อาจจะมีความทุกข์บางครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสุขหายไปหมด)
ถ้าหากคุณมีความสุขดีแล้ว ก็จบ คุณก็ The Winner แล้ว โอเคนะครับ 👌🏻
เสียงที่ดังที่สุดในหูเรา คือตัวเรา หาใช่ใครอื่นไม่ ตามนั้น
ปล.หากว่าคุณไม่คิดจะต้องการมีบ้าน มีทรัพย์สินมากมาย อย่างใครๆเขา
คุณเอาเงินส่วนนั้นมาดูแลสุขภาพดีกว่า มีทรัพย์สินมาก แต่โรคร้ายกล้ำกราย หรือจะสู้ มีความสุขดีจะตาย แถมได้สุขภาพที่ดี ถึงมีน้อยกว่าใครๆ แต่ฉันน่ะไม่เคย Admit โรงบาลบ่อยๆ ใครกันแน่แหละ ที่จะ Winner จริงไหม?
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าคุณมีเงินของตัวเอง อยู่บ้านพ่อแม่ดูแลท่าน รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของคุณกับภรรยาโดยไม่ได้พึ่งพาพ่อแม่ ใครจะพูดอะไรก็ไม่ต้องสนใจค่ะ คุณไม่ได้มาเกาะพ่อแม่กิน ไม่ได้ใาเบียดเบียนท่าน ภรรยาก็ไม่อึดอัด ไม่เห็นจะเป็น loser ตรงไหน
ดีออก เอาเงินไว้ซ่อมบ้าน ไว้เพื่ออนาคตได้อีก
ดีออก เอาเงินไว้ซ่อมบ้าน ไว้เพื่ออนาคตได้อีก
แสดงความคิดเห็น
การที่อยู่บ้านเดิมของพ่อแม่สร้างไว้ ไม่อยากซื้อบ้าน คอนโด นี่ถือว่า Loser หรือครับ
เอาจริงๆก็คืออยู่กันฉันผัวเมียนั่นแหละ แค่ไม่ได้แต่ง ไม่ได้มีลูก
สมบัติของตัวเองก็มีแค่รถญี่ปุ่น1คันที่ยังผ่อนอยู่
แฟนก็ไม่เคยกดดันอะไร พ่อแม่ก็ไม่ได้บอกแกออกไปซะ กลับดีด้วยซ้ำที่อยู่ด้วยกัน
เอาจริงบ้านหลังนี้ก็คือบ้านย่า ย่าเสียก็กลายเป็นของพ่อ และ อนาคตมันก็คือบ้านของผมนั่นแหละ
ผมจะไปดิ้นรนทำไมเรื่องบ้าน
แต่ในชีวิตนี้ ผมเคยมีคนพูดกับผม 4-5 คน
เรื่อง อายุเริ่มมี ควรไปหาที่อยู่ใหม่ อยู่กับแฟน
ผมเคยมีคนพูดกับผมลักษณะว่าถ้าไม่มีบ้านของตัวเองคือ Loser ด้วยซ้ำ
ผมก็เอ๊ะ ขนาดนั้นเชียว
ลองมาคิดดูนะครับ
ซื้อบ้าน ในยุคปัจจุบัน 3ล้านอย่างต่ำ
3ล้านนี่คืออยู่นอกเมืองนู่นนนน ลาดปลาดุก ไทรน้อย หรือพุทธมณฑล สาย 3 4 5
ในขณะที่บ้านผมอยู่ฝั่งธน แต่ กลางเมือง ปากซอยมีรถไฟฟ้าพึ่งขึ้นไม่นาน (แต่ก็ขึ้นเป็นๆปีแล้ว) ลงรถไฟฟ้าเดินเข้าซอยไม่ลึกก็ถึงบ้านแล้วไม่ต้องนั่งวินด้วยซ้ำ แถวบ้านมีตลาดนัดตอนเย็น เช่น ตลาดนัดวัดหนัง ตลาดบางขุนศรี
ไป บางขุนนนท์ วังหลัง หรือ ไปตลาดพลู วงเวียนใหญ่ก็ไม่ไกล
ไปห้างนั่งรถ10นาทีถึงแมคโคร , 20 นาทีถึงเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ,20นาที เดอะ มอลล์ท่าพระ
ไปสยาม 40 นาที
และ ตอนนี้นั่งรถไฟฟ้าไปฝั่งพระนครสบาย ผมนั่งMRT ไปลงวัดมังกรซื้อของกินประจำ
สมมุติว่าผมอยากหาที่อยู่ใหม่
อยากได้ในเมืองใช่มั้ย 3-5ล้าน ก็คงเป้นคอนโด ก็เป็นห้องชุดสองห้อง ห้องน้ำห้องนึง
แต่ถ้าเอาบ้านเป็นหลัง พื้นที่เท่าบ้านผม คงสัก 8ล้าน+ แถมทำเลคงไม่ดีเท่าบ้านผมหรอก
แล้วบ้านแล้วคอนโด กว่าผ่อนหมด คือ แก่ แล้วถ้าผมซื้อบ้าน บ้านหลังนี้ถ้าพ่อแม่ผมตายหมดล่ะ
ขายเหรอ แล้วไปอยู่นอกเมืองเนี่ยนะ
ผมว่ามีบ้านอยู่ก็ดีถมแล้ว ประชากรกว่า70%ของประเทศนี้ไม่มีสินทรัพย์อสังหาของตัวเองด้วยซ้ำ
เช่าบ้านอยู่จนตาย ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานก็ยังไม่ได้ครอบครองอสังหาสักแปลงด้วยซ้ำ
ในขณะที่ราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในทุกๆปี แต่รายได้คนในประเทศก็ยังค่าแรงขั้นต่ำไม่ต่างจากเมื่อ10ปีที่แล้ว
ผมไม่เข้าใจว่า บางทีสิ่งที่มีอยู่ก็ดีแล้ว
ไม่เห็นต้องดิ้นรนขนาดนั้น ดิ้นรนไปใช่ว่าจะดีเท่าที่เดิมรึปล่าว
ผมไม่เข้าใจบางคนมองว่าเราไม่คิดอยากมีบ้าน หรือ คอนโด
ไม่อยากย้ายไปไหน ถึงมองว่าเราไม่ก้าวหน้า บางคนว่าเรา Loser ด้วยซ้ำ ที่เราไม่อยากไปไหน
อีกอย่างผมติดถิ่นฐานด้วย ผมมีเพื่อนในซอยนี้
ผู้หลักผู้ใหญ่ในซอยรู้จักหมดตั้งแต่ลุงสามล้อ จนไปถึงแม่ค้าผัดไทย
นั่นสิ จะต้องดิ้นรนไปทำไม