ไฮคิว : คู่ตบฟ้าประทาน เป็นอนิเมะอีกเรื่องที่ดูจบแล้วรู้สึกว่าจะต้องเขียนบันทึกความทรงจำเอาไว้ เพราะเต็มไปด้วยความอิ่มเอมในใจ เราใช้เวลาดู4ซีซั่นภายในสิบกว่าวัน ดูจบแล้วใจมันฟูจนไม่อยากหาอะไรดูต่อเลยช่วงนี้ รู้สึกเหมือนชีวิตโดนเติมเต็มจากอะไรบางอย่างที่อธิบายออกมาเป็นตัวอักษรยากมากๆ
พอดูจบแล้วก็กดมังงะใน meb ต่อเลยทันที เสียดายที่ฉบับนิยายของสยามอินเตอร์หมดไปแล้วด้วยบางเล่ม เลยกดเท่าที่มีในเว็บมาก่อน
มีหลายประเด็นมากๆที่อยากพูดถึงในไฮคิว ระหว่างที่ดูมันพรั่งพรูเยอะมากจนนึกไม่ออกว่าจะจับใจความแล้วเขียนความรู้สึกออกมายังไงให้หมดดี ความรู้สึกตลอดระยะเวลาดูอนิเมะเรื่องนี้ รู้สึกได้ถึงพลังงานบวกที่ส่งออกมาโอบกอดคนดูแบบเรา ส่วนตัวเรารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเหมือนให้พื้นที่ปลอดภัยสำหรับคนที่ไม่ได้เก่งหรือโดดเด่นในงานที่เรากำลังทำ
จุดสำคัญในเรื่องนี้มักพูดถึง คือ การทำงานเป็นทีม แต่ละคนคอยเป็นฟันเฟืองซึ่งกันและกัน เพื่อให้ทีมเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ เลยส่งผลให้บรรยากาศในเรื่องดีมากๆ โอบกอดและให้พื้นที่สำหรับทุกตัวละครและเราก็เชื่อมากว่าสิ่งนี้สามารถส่งผลถึงคนดูได้ เพราะจะต้องมีสักตัวละครในเรื่องนี้ที่เรารู้สึกว่าคล้ายกับตัวเราเหลือเกิน เลยไม่ใช่เรื่องยากที่ทำให้ไฮคิวตราตรึงในใจคนดูได้เยอะขนาดนี้
อีกสิ่งที่ดูในใจฟูสำหรับในเรื่องนี้คือความน่ารักของแต่ละตัวละคร การชื่นชมกันเองภายในทีม และชื่นชมในความเก่งของคู่แข่งอย่างบริสุทธิ์ใจ ทำให้การดูเรื่องนี้เยียวยาจิตใจเราเป็นอย่างมาก
ช่วงท้ายๆของซีซั่นที่ 4 ที่โค้ชอุไคบอกว่าเราไม่ได้ต้องการสร้างปาฎิหาริย์ ตอนดูแล้วเรารู้สึกอินมาก มันอาจจะฟังดูเรียบง่ายและไม่เร้าใจแบบสูตรสำเร็จของการประสบความสำเร็จ แต่มันคือการทำสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ขณะนั้นให้ดีกว่าที่เป็น แม้สเกลของเป้าหมายมันไม่ได้ใหญ่ แต่มันก็เป็นก้าวที่มั่นคงให้เราเดินไปข้างหน้า และการที่บอกว่า เราไม่ได้ต้องการสร้างปาฎิหาริย์มันใจดีกับคนดูแบบเรามากเลย เพราะตอนนี้สื่อต่างๆที่เราได้ดู มีแต่ที่ต้องบอกให้เราต้องเร็วต้องพุ่งไปข้างหน้า จนบางครั้งมันดูใหญ่จนเราก็รู้สึกกลัวกับคำพูดหึกเหิมในรูปแบบนั้นจนรู้สึกว่ามันกำลังกดทับเรา ถ้าเราไม่สามารถพุ่งไปข้างหน้าเร็วแบบคนอื่นได้
ณ ช่วงเวลาที่เราเขียนนี้ทั้งวิกฤตจากโควิด และสถานการณ์บ้านเมือง รวมถึงความกังวลต่างๆในชีวิตการที่ได้มาเจอไฮคิวแล้วรู้สึกขอบคุณตัวเองมากๆที่กดดู แล้วขอบคุณที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเหมือนเป็นเสี้ยวนึงในชีวิตที่ช่วยให้กำลังใจแล้วดึงเราขึ้นมาจากบรรยากาศที่ขุ่นมัวรอบตัวมันมีผลกับการใช้ชีวิตจริงๆจนรู้สึกว่าตัวเราตัวเราพูดเกินจริงไปรึป่าวนะ แต่มันก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ไฮคิว : โอบกอดหัวใจคนดูด้วยความจริงใจ
ไฮคิว : คู่ตบฟ้าประทาน เป็นอนิเมะอีกเรื่องที่ดูจบแล้วรู้สึกว่าจะต้องเขียนบันทึกความทรงจำเอาไว้ เพราะเต็มไปด้วยความอิ่มเอมในใจ เราใช้เวลาดู4ซีซั่นภายในสิบกว่าวัน ดูจบแล้วใจมันฟูจนไม่อยากหาอะไรดูต่อเลยช่วงนี้ รู้สึกเหมือนชีวิตโดนเติมเต็มจากอะไรบางอย่างที่อธิบายออกมาเป็นตัวอักษรยากมากๆ
พอดูจบแล้วก็กดมังงะใน meb ต่อเลยทันที เสียดายที่ฉบับนิยายของสยามอินเตอร์หมดไปแล้วด้วยบางเล่ม เลยกดเท่าที่มีในเว็บมาก่อน
มีหลายประเด็นมากๆที่อยากพูดถึงในไฮคิว ระหว่างที่ดูมันพรั่งพรูเยอะมากจนนึกไม่ออกว่าจะจับใจความแล้วเขียนความรู้สึกออกมายังไงให้หมดดี ความรู้สึกตลอดระยะเวลาดูอนิเมะเรื่องนี้ รู้สึกได้ถึงพลังงานบวกที่ส่งออกมาโอบกอดคนดูแบบเรา ส่วนตัวเรารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเหมือนให้พื้นที่ปลอดภัยสำหรับคนที่ไม่ได้เก่งหรือโดดเด่นในงานที่เรากำลังทำ
อีกสิ่งที่ดูในใจฟูสำหรับในเรื่องนี้คือความน่ารักของแต่ละตัวละคร การชื่นชมกันเองภายในทีม และชื่นชมในความเก่งของคู่แข่งอย่างบริสุทธิ์ใจ ทำให้การดูเรื่องนี้เยียวยาจิตใจเราเป็นอย่างมาก
ช่วงท้ายๆของซีซั่นที่ 4 ที่โค้ชอุไคบอกว่าเราไม่ได้ต้องการสร้างปาฎิหาริย์ ตอนดูแล้วเรารู้สึกอินมาก มันอาจจะฟังดูเรียบง่ายและไม่เร้าใจแบบสูตรสำเร็จของการประสบความสำเร็จ แต่มันคือการทำสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ขณะนั้นให้ดีกว่าที่เป็น แม้สเกลของเป้าหมายมันไม่ได้ใหญ่ แต่มันก็เป็นก้าวที่มั่นคงให้เราเดินไปข้างหน้า และการที่บอกว่า เราไม่ได้ต้องการสร้างปาฎิหาริย์มันใจดีกับคนดูแบบเรามากเลย เพราะตอนนี้สื่อต่างๆที่เราได้ดู มีแต่ที่ต้องบอกให้เราต้องเร็วต้องพุ่งไปข้างหน้า จนบางครั้งมันดูใหญ่จนเราก็รู้สึกกลัวกับคำพูดหึกเหิมในรูปแบบนั้นจนรู้สึกว่ามันกำลังกดทับเรา ถ้าเราไม่สามารถพุ่งไปข้างหน้าเร็วแบบคนอื่นได้