หลังจากที่ได้แชร์เรื่องราวการไปพบจิตแพทย์เมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่แล้วไปในรอบก่อน พี่โอ๋ได้เห็นข้อความในคอมเม้นที่เหมือนจะมีหลายๆ ท่านที่มีอาการคล้ายๆ กับพี่โอ๋ แต่การได้เข้าพบจิตแพทย์อาจมี ปสก ที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงบางท่านที่ต้องการให้พี่โอ๋ช่วยแชร์คำถามที่จิตแพทย์ใช้ในการถามเพื่อเข้าถึงปัญหาของพี่โอ๋ ดังนั้น วันนี้พี่โอ๋จะมาแชร์เท่าที่ยังพอจำได้นะคะ
คำถามที่คุณหมอใช้ไม่มีแบบแผนที่เป็นแพทเทิร์นตายตัวนะคะ เนื่องจากว่าปมหรือ ปสก ในวัยเด็กของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ระดับความรุนแรงต่อสภาพจิตใจ หรือระดับของการกระทบกระเทือนในเหตุการณ์เดียวกัน สามารถกระทบกระเทือนจิตใจได้ต่างระดับในแต่ละบุคคล ดังนั้น คำถามที่พี่โอ๋จะแชร์นี้ ไม่สามารถนำไปใช้แล้วได้ผลกับทุกๆ คนนะคะ ขอชี้แจงข้อนี้ก่อน
อย่างที่เล่าไปในกระทู้ก่อนหน้านี้ (หากใครเพิ่งเข้ามาอ่าน กระทู้ก่อนหน้าอยู่ในลิ้งค์นี้นะคะ
https://ppantip.com/topic/41053821 )
เริ่มแรกที่ไปพบคุณหมอ พี่โอ๋เข้าใจว่าเกิดจากเรื่องชีวิตคู่ หรือเกี่ยวกับคุณสามี การถามคำถามของคุณหมอ คือคำถามแบบเหมือนเพื่อนถามกันว่า "How are you? สบายดีไหม มีอาการเป็นอย่างไร" แล้วพี่โอ๋ก็เล่าอาการไปว่าไม่เคยตะคอกหรือตะหวาดคนแปลกหน้ามาก่อนในชีวิต แต่ตอนนี้ชั้นได้ทำสิ่งนี้ลงไป และรู้สึกได้ว่า ตัวเองมีความโกรธอยู่ภายใน แต่ไม่รู้ว่าโกรธเรื่องไหน หรือโกรธอะไร" แล้วต่อจากนั้นคุณหมอก็ถามอีก 2-3 คำถาม ประมาณว่า จำได้ไหมว่า คำพูดหรือการกระทำอะไรของคนแปลกหน้าเหล่านั้น ที่ทำให้ความโกรธของเรามันพุ่งขึ้นมา พี่โอ๋ก็ตอบว่า ไม่มีเลย เค้าแค่โทรมาถามเพื่อทบทวนที่อยู่ของเราก่อนที่จะมาส่งของให้ที่บ้านเท่านั้นเอง แล้วระหว่างนั้นคุณหมอก็เรื่องระหว่างพี่โอ๋กับสามี ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งระหว่างที่พี่โอ๋เล่าให้คุณหมอฟังในช่วงนี้ น้ำตาพี่โอ๋ก็เริ่มไหล เริ่มร้องไห้ต่อหน้าคุณหมอผ่าน Zoom ในช่วงเวลานี้เองที่คุณหมอบอกให้พี่โอ๋เอามือขวายกขึ้นมาวางทาบที่อกด้านซ้ายในตำแหน่งของหัวใจแล้วให้หลับตาลง แล้วคุณหมอก็ถามว่า เห็นอะไรในหัวบ้าง ซึ่งตอนนี้เองคือตอนที่พี่โอ๋ได้เล่าไปว่า พี่โอ๋เห็นภาพตัวเองในวัยเด็ก ซึ่งน่าจะไม่เกิน 5 ขวบมั้ง ภาพนี้ของตัวเองมันผุดขึ้นมาเองในหัวในห้วงเวลาตอนนั้น
ดังนั้นคุณหมอจึงคาดการณ์ว่านี่คือสิ่งที่มาจากในวัยเด็ก แล้วก็ตามต่อด้วยคำถามว่า "เกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานั้น เล่าให้หมอฟังหน่อย" ที่แรกพี่โอ๋ยังงงๆ อยู่เลย ว่ามีอะไรเกิดขึ้นช่วงเวลานั้นหว่า??? นึกไม่ออกด้วยซ้ำ เพราะมันไกลมากเลยจากอายุตอนนี้ 555 คุณหมอก็แสนดี ค่อยๆ ป้อนคำถามประมาณว่า "เป็นช่วงประมาณอายุเท่าไหร่, ตอนนั้นอยู่กับใคร" แล้วเลยทำให้นึกขึ้นมาได้ถึงเหตุการณ์ที่เราถูกทิ้งไว้ที่บ้านตากับยายตั้งแต่เล็กๆ
แล้วพอนึกได้ก็เล่าออกมาพร้อมน้ำตาไหลพรากเลยคราวนี้ ร้องแบบตัวโยนเลย ยิ่งเล่าก็ยิ่งร้อง จนพอพี่โอ๋เริ่มสงบคุณหมอจึงได้สรุปเหตุการณ์จากที่พี่โอ๋เล่าให้เค้าฟังตอนต้นว่า มีปัญหากับสามี ซึ่งปัญหาจากกระทำดังกล่าวของเค้านั้นมันไปสะกิดแผลในใจซึ่งเป็นปมในวัยเด็กอันเกี่ยวกับความรู้สึกถูกทอดทิ้งของพี่โอ๋ให้มันปะทุขึ้นมา ประเด็นคือมันมิได้เกิดจากการกระทำจากคุณสามีเพียงแค่ครั้ง สองครั้ง แต่มันเหมือนมันสะกิดกันมาสักพักแล้ว ซึ่งพี่โอ๋คงจะสะกดความโกรธเอาไว้ได้ แต่พอนานเข้าแล้วมาบวกกับการที่ได้คุยทางไกลกับพ่อกับแม่ตัวเองเมื่อเดือนก่อนหน้า เนื่องจากคุณพ่อพี่โอ๋ได้เข้า รพ ไปรักษาตัวจากโรคงูสวัด แล้วมีบทสนทนาบางอย่างภายในครอบครัวที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้ความโกรธมันเพิ่มเท่าทวีคูณจนปะทุออกมานั่นเอง
ซึ่งพอคุณหมอสรุป พี่โอ๋ก็ว่ามันสมเหตุสมผลอยู่มากจริงๆ นั่นแหละ จึงได้เห็นด้วยเช่นกัน แล้วหลังจากนั้น คุณหมอก็บอกให้พี่โอ๋ เอามือทั้งสองข้างโอบกอดตัวเองไว้ หลับตาลง แล้วนึกถึงภาพเด็กคนนั้นอีกหน แล้วคุณหมอก็ถามพี่โอ๋ว่า "มีอะไรอยากบอกเด็กคนนี้ไหม" ซึ่งตอนแรกพี่โอ๋ก็พูดว่า "ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วดีเสมอนะ" แต่คุณหมอก็บอกว่า "ยังไม่ดีพอ" กอดตัวยูให้แน่นๆ อีกทีสิ แล้วพูดกับเค้าใหม่อีกหน คราวนี้พี่โอ๋ อยู่ๆ มีคำพูดหลุดออกมาเองจากปากว่า " I am here" แล้วตอนนั้นเองที่คุณหมอร้อง "โอ้โห้" เลย คือเหมือนคุณหมอน่าจะชอบสิ่งที่พี่โอ๋พูด เพราะตอนก่อนจบการสนทนา คุณหมอย้ำให้พี่โอ๋กอดตัวเองบ่อยๆ พร้อมกับพูดกับเด็กน้อยคนนั้นเสมอๆ ว่า " I am here" นะ คุณหมอย้ำทุกครั้งที่ได้พบกัน
ณ ตอนนี้เอง พี่โอ๋ได้พบคุณหมอมาได้ 3 ครั้งแล้ว ในทุกๆ วัน เพิ่งมาหยุดเมื่อศุกร์ที่ผ่านมานี้เอง เนื่องจากเกิดพายุลมที่เมลเบิร์นเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ต้นไม้ล้มในหลายๆ พื้นที่ และหลายๆ พื้นที่ก็เกิดความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า และสัญญาณอินเตอร์เน็ต ซึ่งบ้านคุณหมอก็อยู่ในพื้นที่นั้นด้วย เลยต้องเลื่อนไปคุยกับคุณหมอครั้งที่ 4 ในวันศุกร์หน้านั่นเองค่ะ
ซึ่งในช่วงระหว่างนี้ ที่ทำการบำบัดกับคุณหมอนั้น นอกเหนือจากที่ต้องกอดตัวเองบ่อยๆ แล้วพี่โอ๋ก็ต้องหางานอดิเรกหรือกิจกรรมใดๆ ก็ได้ที่จะทำให้เราผ่อนคลายและมีความสบายใจ ก็อย่างแรกที่พี่โอ๋เริ่มทำก็คือการทำหรีดแขวนประดับบ้าน หรือแขวนไว้ที่ประตูบ้านตามฤดูกาล แล้วก็หัดทำพวกอาหาร ของหวาน หรือเครื่องดื่มต่างๆ แบบที่แม่บ้านฝรั่งเค้าทำกัน คือเน้นทำแบบที่สีสวยๆ เพราะพี่โอ๋เป็นคนชอบสีสัน ถ้าเล่นกับของที่มีสีสัน อารมณ์น่าดี (อันนี้พี่โอ๋คิดเองนะ 555) คือเอาง่ายๆ ก็คือทำอะไรแล้วสบายใจ พี่โอ๋ก็เลือกทำอันนั้นอ่ะคะ
ส่วนอีก 2 อย่างที่พี่โอ๋ทำแล้วรู้สึกว่าสงบทั้งใจและหัวสมอง นั่นคือ การวาดรูป และการทำวีดีโอ ค่ะ คือตอนทำทั้งสองอย่างนี้ พี่โอ๋รุ้สึกได้ถึงความเงียบ ความสงบ คือรู้สึกได้เลยว่า เหมือนตัวเองหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลย เพราะไม่ได้ยินเสียงอะไรรอบข้างเลย รวมถึงไม่มีความคิดฟุ้งซ่านใดๆ สามารถผ่านเข้ามาในความคิดช่วงระหว่างการทำวีดีโอ หรือการวาดรูปแต่อย่างใดเลย (ตอนทำวีดีโอที่ว่านี้หมายถึงทั้งการถ่ายทำ การเขียนสคริป จนกระทั่งถึงการตัดต่อวีดีโอเลยนะคะ คือมันเงียบมาก สงบจนลืมทำกับข้าวให้คุณสามีก็มีในบางวันด้วย 555)
สามารถเข้าดูคลิปผลงานช่วงระหว่างการบำบัดรักษาตัวของพี่โอ๋ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ
คลิปทำน้ำสตรอเบอร์รี่-เลมอนเนด + เล่าเรื่องราวการให้อภัย
https://youtu.be/SwFEdyMeunw
คลิปทำข้าวเหนียวมะม่วง นำส่งช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดในเมืองที่พี่โอ๋อยู่ในรัฐวิคตอเรีย + พร้อมเล่าถึงการให้ที่เราคนไทยถูกสอนมาตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งบอกเลยว่าภูมิใจมากที่ได้มีส่วนช่วยเหลือพลเมืองของประเทศนี้ เพราะเค้าได้ให้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิดฟรีแก่พี่โอ๋ ทั้งที่พี่โอ๋ยังไม่เคยได้จ่ายภาษีให้กับประเทศนี้เลย
https://youtu.be/I9u0nTAjeAU
และคลิปทำหรีดดอกไม้ตกแต่งบ้าน ซึ่งเป็นคลิปแรกที่พี่โอ๋เริ่มทำหลังได้เค้ารับการบำบัดจากจิตแพทย์นั่นเองค่ะ
https://youtu.be/sJeMMoFX8Ws
มาถึงตรงนี้แล้ว พี่โอ๋ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คนที่กำลังเผชิญกับปัญหาแบบเดียวกัน และถึงแม้บางท่านอาจจะมิได้ประสบพบเจอกับปัญหาแบบเดียวกับพี่โอ๋ แต่หากท่านใดได้มีความทุกข์ใดๆ พี่โอ๋ก็ขอเป็นกำลังใจให้เช่นเดียวกันนะคะ ลองเอาสองมือของเราโอบกอดตัวเองกันดูนะคะ มันอาจดูเหลือเชื่อจากสิ่งที่พี่โอ๋เล่า แต่หากคุณได้เข้าถึงกับความรู้สึกของตัวเองอันได้แล้ว คุณจะรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกในทุกๆ ครั้งที่คุณได้โอบกอดตัวเองค่ะ
ขอขอบคุณทุกคนที่ได้อ่านมาจนจบถึงตรงนี้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
น้ำสตรอเบอร์รี่ เลโมเนดค่ะ
https://youtu.be/SwFEdyMeunw
ส่งอาหารไทยและทำข้าวเหนียวมะม่วง ส่งตรงถึงบ้านผู้ป่วยโควิดเพื่อช่วยเหลือกันในรัฐวิคตอเรียค่ะ
https://youtu.be/I9u0nTAjeAU
หรีดแต่บ้าน หรือประตูตามฤดูกาล หลังการทำบำบัดครั้งที่ 1 ค่ะ
https://youtu.be/sJeMMoFX8Ws
แชร์ ปสก พบจิตแพทย์ในออสเตรเลีย หลังมีอาการวีนเหวี่ยงและฉุนเฉียวง่าย ภาคต่อ (EP. 2)
คำถามที่คุณหมอใช้ไม่มีแบบแผนที่เป็นแพทเทิร์นตายตัวนะคะ เนื่องจากว่าปมหรือ ปสก ในวัยเด็กของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ระดับความรุนแรงต่อสภาพจิตใจ หรือระดับของการกระทบกระเทือนในเหตุการณ์เดียวกัน สามารถกระทบกระเทือนจิตใจได้ต่างระดับในแต่ละบุคคล ดังนั้น คำถามที่พี่โอ๋จะแชร์นี้ ไม่สามารถนำไปใช้แล้วได้ผลกับทุกๆ คนนะคะ ขอชี้แจงข้อนี้ก่อน
อย่างที่เล่าไปในกระทู้ก่อนหน้านี้ (หากใครเพิ่งเข้ามาอ่าน กระทู้ก่อนหน้าอยู่ในลิ้งค์นี้นะคะ https://ppantip.com/topic/41053821 )
เริ่มแรกที่ไปพบคุณหมอ พี่โอ๋เข้าใจว่าเกิดจากเรื่องชีวิตคู่ หรือเกี่ยวกับคุณสามี การถามคำถามของคุณหมอ คือคำถามแบบเหมือนเพื่อนถามกันว่า "How are you? สบายดีไหม มีอาการเป็นอย่างไร" แล้วพี่โอ๋ก็เล่าอาการไปว่าไม่เคยตะคอกหรือตะหวาดคนแปลกหน้ามาก่อนในชีวิต แต่ตอนนี้ชั้นได้ทำสิ่งนี้ลงไป และรู้สึกได้ว่า ตัวเองมีความโกรธอยู่ภายใน แต่ไม่รู้ว่าโกรธเรื่องไหน หรือโกรธอะไร" แล้วต่อจากนั้นคุณหมอก็ถามอีก 2-3 คำถาม ประมาณว่า จำได้ไหมว่า คำพูดหรือการกระทำอะไรของคนแปลกหน้าเหล่านั้น ที่ทำให้ความโกรธของเรามันพุ่งขึ้นมา พี่โอ๋ก็ตอบว่า ไม่มีเลย เค้าแค่โทรมาถามเพื่อทบทวนที่อยู่ของเราก่อนที่จะมาส่งของให้ที่บ้านเท่านั้นเอง แล้วระหว่างนั้นคุณหมอก็เรื่องระหว่างพี่โอ๋กับสามี ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งระหว่างที่พี่โอ๋เล่าให้คุณหมอฟังในช่วงนี้ น้ำตาพี่โอ๋ก็เริ่มไหล เริ่มร้องไห้ต่อหน้าคุณหมอผ่าน Zoom ในช่วงเวลานี้เองที่คุณหมอบอกให้พี่โอ๋เอามือขวายกขึ้นมาวางทาบที่อกด้านซ้ายในตำแหน่งของหัวใจแล้วให้หลับตาลง แล้วคุณหมอก็ถามว่า เห็นอะไรในหัวบ้าง ซึ่งตอนนี้เองคือตอนที่พี่โอ๋ได้เล่าไปว่า พี่โอ๋เห็นภาพตัวเองในวัยเด็ก ซึ่งน่าจะไม่เกิน 5 ขวบมั้ง ภาพนี้ของตัวเองมันผุดขึ้นมาเองในหัวในห้วงเวลาตอนนั้น
ดังนั้นคุณหมอจึงคาดการณ์ว่านี่คือสิ่งที่มาจากในวัยเด็ก แล้วก็ตามต่อด้วยคำถามว่า "เกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานั้น เล่าให้หมอฟังหน่อย" ที่แรกพี่โอ๋ยังงงๆ อยู่เลย ว่ามีอะไรเกิดขึ้นช่วงเวลานั้นหว่า??? นึกไม่ออกด้วยซ้ำ เพราะมันไกลมากเลยจากอายุตอนนี้ 555 คุณหมอก็แสนดี ค่อยๆ ป้อนคำถามประมาณว่า "เป็นช่วงประมาณอายุเท่าไหร่, ตอนนั้นอยู่กับใคร" แล้วเลยทำให้นึกขึ้นมาได้ถึงเหตุการณ์ที่เราถูกทิ้งไว้ที่บ้านตากับยายตั้งแต่เล็กๆ
แล้วพอนึกได้ก็เล่าออกมาพร้อมน้ำตาไหลพรากเลยคราวนี้ ร้องแบบตัวโยนเลย ยิ่งเล่าก็ยิ่งร้อง จนพอพี่โอ๋เริ่มสงบคุณหมอจึงได้สรุปเหตุการณ์จากที่พี่โอ๋เล่าให้เค้าฟังตอนต้นว่า มีปัญหากับสามี ซึ่งปัญหาจากกระทำดังกล่าวของเค้านั้นมันไปสะกิดแผลในใจซึ่งเป็นปมในวัยเด็กอันเกี่ยวกับความรู้สึกถูกทอดทิ้งของพี่โอ๋ให้มันปะทุขึ้นมา ประเด็นคือมันมิได้เกิดจากการกระทำจากคุณสามีเพียงแค่ครั้ง สองครั้ง แต่มันเหมือนมันสะกิดกันมาสักพักแล้ว ซึ่งพี่โอ๋คงจะสะกดความโกรธเอาไว้ได้ แต่พอนานเข้าแล้วมาบวกกับการที่ได้คุยทางไกลกับพ่อกับแม่ตัวเองเมื่อเดือนก่อนหน้า เนื่องจากคุณพ่อพี่โอ๋ได้เข้า รพ ไปรักษาตัวจากโรคงูสวัด แล้วมีบทสนทนาบางอย่างภายในครอบครัวที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้ความโกรธมันเพิ่มเท่าทวีคูณจนปะทุออกมานั่นเอง
ซึ่งพอคุณหมอสรุป พี่โอ๋ก็ว่ามันสมเหตุสมผลอยู่มากจริงๆ นั่นแหละ จึงได้เห็นด้วยเช่นกัน แล้วหลังจากนั้น คุณหมอก็บอกให้พี่โอ๋ เอามือทั้งสองข้างโอบกอดตัวเองไว้ หลับตาลง แล้วนึกถึงภาพเด็กคนนั้นอีกหน แล้วคุณหมอก็ถามพี่โอ๋ว่า "มีอะไรอยากบอกเด็กคนนี้ไหม" ซึ่งตอนแรกพี่โอ๋ก็พูดว่า "ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วดีเสมอนะ" แต่คุณหมอก็บอกว่า "ยังไม่ดีพอ" กอดตัวยูให้แน่นๆ อีกทีสิ แล้วพูดกับเค้าใหม่อีกหน คราวนี้พี่โอ๋ อยู่ๆ มีคำพูดหลุดออกมาเองจากปากว่า " I am here" แล้วตอนนั้นเองที่คุณหมอร้อง "โอ้โห้" เลย คือเหมือนคุณหมอน่าจะชอบสิ่งที่พี่โอ๋พูด เพราะตอนก่อนจบการสนทนา คุณหมอย้ำให้พี่โอ๋กอดตัวเองบ่อยๆ พร้อมกับพูดกับเด็กน้อยคนนั้นเสมอๆ ว่า " I am here" นะ คุณหมอย้ำทุกครั้งที่ได้พบกัน
ณ ตอนนี้เอง พี่โอ๋ได้พบคุณหมอมาได้ 3 ครั้งแล้ว ในทุกๆ วัน เพิ่งมาหยุดเมื่อศุกร์ที่ผ่านมานี้เอง เนื่องจากเกิดพายุลมที่เมลเบิร์นเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ต้นไม้ล้มในหลายๆ พื้นที่ และหลายๆ พื้นที่ก็เกิดความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า และสัญญาณอินเตอร์เน็ต ซึ่งบ้านคุณหมอก็อยู่ในพื้นที่นั้นด้วย เลยต้องเลื่อนไปคุยกับคุณหมอครั้งที่ 4 ในวันศุกร์หน้านั่นเองค่ะ
ซึ่งในช่วงระหว่างนี้ ที่ทำการบำบัดกับคุณหมอนั้น นอกเหนือจากที่ต้องกอดตัวเองบ่อยๆ แล้วพี่โอ๋ก็ต้องหางานอดิเรกหรือกิจกรรมใดๆ ก็ได้ที่จะทำให้เราผ่อนคลายและมีความสบายใจ ก็อย่างแรกที่พี่โอ๋เริ่มทำก็คือการทำหรีดแขวนประดับบ้าน หรือแขวนไว้ที่ประตูบ้านตามฤดูกาล แล้วก็หัดทำพวกอาหาร ของหวาน หรือเครื่องดื่มต่างๆ แบบที่แม่บ้านฝรั่งเค้าทำกัน คือเน้นทำแบบที่สีสวยๆ เพราะพี่โอ๋เป็นคนชอบสีสัน ถ้าเล่นกับของที่มีสีสัน อารมณ์น่าดี (อันนี้พี่โอ๋คิดเองนะ 555) คือเอาง่ายๆ ก็คือทำอะไรแล้วสบายใจ พี่โอ๋ก็เลือกทำอันนั้นอ่ะคะ
ส่วนอีก 2 อย่างที่พี่โอ๋ทำแล้วรู้สึกว่าสงบทั้งใจและหัวสมอง นั่นคือ การวาดรูป และการทำวีดีโอ ค่ะ คือตอนทำทั้งสองอย่างนี้ พี่โอ๋รุ้สึกได้ถึงความเงียบ ความสงบ คือรู้สึกได้เลยว่า เหมือนตัวเองหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลย เพราะไม่ได้ยินเสียงอะไรรอบข้างเลย รวมถึงไม่มีความคิดฟุ้งซ่านใดๆ สามารถผ่านเข้ามาในความคิดช่วงระหว่างการทำวีดีโอ หรือการวาดรูปแต่อย่างใดเลย (ตอนทำวีดีโอที่ว่านี้หมายถึงทั้งการถ่ายทำ การเขียนสคริป จนกระทั่งถึงการตัดต่อวีดีโอเลยนะคะ คือมันเงียบมาก สงบจนลืมทำกับข้าวให้คุณสามีก็มีในบางวันด้วย 555)
สามารถเข้าดูคลิปผลงานช่วงระหว่างการบำบัดรักษาตัวของพี่โอ๋ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ
คลิปทำน้ำสตรอเบอร์รี่-เลมอนเนด + เล่าเรื่องราวการให้อภัย https://youtu.be/SwFEdyMeunw
คลิปทำข้าวเหนียวมะม่วง นำส่งช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดในเมืองที่พี่โอ๋อยู่ในรัฐวิคตอเรีย + พร้อมเล่าถึงการให้ที่เราคนไทยถูกสอนมาตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งบอกเลยว่าภูมิใจมากที่ได้มีส่วนช่วยเหลือพลเมืองของประเทศนี้ เพราะเค้าได้ให้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิดฟรีแก่พี่โอ๋ ทั้งที่พี่โอ๋ยังไม่เคยได้จ่ายภาษีให้กับประเทศนี้เลย https://youtu.be/I9u0nTAjeAU
และคลิปทำหรีดดอกไม้ตกแต่งบ้าน ซึ่งเป็นคลิปแรกที่พี่โอ๋เริ่มทำหลังได้เค้ารับการบำบัดจากจิตแพทย์นั่นเองค่ะ https://youtu.be/sJeMMoFX8Ws
มาถึงตรงนี้แล้ว พี่โอ๋ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คนที่กำลังเผชิญกับปัญหาแบบเดียวกัน และถึงแม้บางท่านอาจจะมิได้ประสบพบเจอกับปัญหาแบบเดียวกับพี่โอ๋ แต่หากท่านใดได้มีความทุกข์ใดๆ พี่โอ๋ก็ขอเป็นกำลังใจให้เช่นเดียวกันนะคะ ลองเอาสองมือของเราโอบกอดตัวเองกันดูนะคะ มันอาจดูเหลือเชื่อจากสิ่งที่พี่โอ๋เล่า แต่หากคุณได้เข้าถึงกับความรู้สึกของตัวเองอันได้แล้ว คุณจะรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกในทุกๆ ครั้งที่คุณได้โอบกอดตัวเองค่ะ
ขอขอบคุณทุกคนที่ได้อ่านมาจนจบถึงตรงนี้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
น้ำสตรอเบอร์รี่ เลโมเนดค่ะ https://youtu.be/SwFEdyMeunw
ส่งอาหารไทยและทำข้าวเหนียวมะม่วง ส่งตรงถึงบ้านผู้ป่วยโควิดเพื่อช่วยเหลือกันในรัฐวิคตอเรียค่ะ https://youtu.be/I9u0nTAjeAU
หรีดแต่บ้าน หรือประตูตามฤดูกาล หลังการทำบำบัดครั้งที่ 1 ค่ะ https://youtu.be/sJeMMoFX8Ws