ท่ามกลางความตึงเครียดตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเรื่องจีนประกาศกร้าวจะรวมไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งให้ได้ หรือเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐไปชนวัตถุลึกลับใต้ทะเล ไปจนถึงการรวมกลุ่มพันธมิตรต่างๆ เพื่อกดดันจีนทั้ง AUKUS และ The Quad แต่เมื่อประธานาธิบดี Biden ได้ประกาศจะปกป้องไต้หวันอย่างสุดความสามารถ การโต้กลับของจีนก็ได้เริ่มขึ้น
---------
Biden จะสู้เพื่อไต้หวันอันขัดแย้งกับแห่งความคลุมเครือ
ในวันพฤหัสที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Joe Biden แห่งดินแดนเสรีภาพได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าอเมริกาได้ให้คำมั่นว่าจะเข้ามาช่วยเหลือไต้หวันเพื่อป้องกันการโจมตีของประเทศจีน ซึ่งขัดกับนโยบายจีนเดียว (One China) ของประเทศจีนอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังตรงข้ามกับจุดยืนของอเมริกาที่มีมานานคือกลยุทธคลุมเครือ (Policy of Deliberate Ambiguity หรือ Strategic Ambiguity) ครับ
กลยุทธคลุมเครือคือแนวทางที่ทางรัฐบาลของอเมริกาใช้เพื่อดำเนินนโยบายการต่างประเทศครับ โดยเป้าหมายหลักของนโยบายนี้คือการแสดงออกให้มันคลุมเครือตามชื่อนโยบายเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงใดๆ ที่อาจทำให้อเมริกาตกที่นั่งลำบากครับ เช่น จะเข้าไปช่วยอเมริกาก็จะทำแบบอ้อมๆ ครับ ซึ่งมีข้อเสียคือบางประเทศอาจตีความผิดว่าอเมริกาต้องการอะไร ทำให้สุดท้ายก็นำมาสู่การขัดแย้งนั่นเอง ซึ่งเมื่อมาเทียบกับนโยบายคลุมเครือกับการประกาศของ Biden แทบจะต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะหากดำเนินนโยบายแบบเดิมๆ คงจะเป็นแนวการซ้อมรบร่วมกับประเทศในภูมิภาค หรือส่งเรือดำน้ำหรือเรือรบไปแถวนั้นเพื่อช่วยไต้หวันแบบอ้อมๆ แต่ครั้งนี้อเมริกาประกาศช่วยไต้หวันตรงๆ ขนาดนี้ เป็นการนำอเมริกาเข้าไปปะทะกับจีนแบบตรงๆ ไม่มีกั๊กชนิดที่ว่าไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้เลยครับ
---------
เตรียมลุยกับนโยบายจีนเดียวแบบสุดซอย
ในทางกลับกันนอกจากสวนทางกับนโยบายของตนเองแล้ว ยังจะจัดหนักขัดแย้งกับนโยบายจีนเดียวของจีนแบบเต็มรูปแบบครับ โดยนโยบายจีนเดียวนั้นหมายถึงการที่ทางการจีนต้องการให้นานาประเทศยอมรับและให้การรับรองว่าการปกครองของประเทศจีนรวมส่วนที่มีปัญหา เช่น ไต้หวัน มีรัฐบาลที่ชอบธรรมแค่รัฐบาลของจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ซึ่งทางรัฐบาลอเมริกาก็ยอมรับและติดต่อสื่อสารกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่อย่างเสมอมาครับ
อย่างไรก็เป็นที่ทราบกันดีว่าแม้ทางการจีนจะให้การยอมรับนโยบายจีนเดียว แต่ทางพญาอินทรีย์ก็ยังมีความร่วมมือ “อย่างไม่เป็นทางการ” กับไต้หวันอย่างเสมอมา โดยเฉพาะการค้าอาวุธยุทธโทปกรณ์ให้กับไต้หวันอย่างโจ๋งแจ้งครับ แม้ทางจีนจะเห็นการกระทำดังกล่าวแต่ก็ต้องอดทนเพราะเรื่องความสัมพันธ์และคำว่าไม่เป็นทางการครับ ดังนั้นการที่คุณ Biden ออกโรงมาปกป้องไต้หวันขนาดนี้เป็นการหยามหน้าทางจีนเป็นอย่างมากครับ
---------
การแถลงการณ์เพิ่มเติมของทางอเมริกาและการโต้ของทางจีน
หลังจากที่ทางประธานาธิบดี Biden ได้แถลงการณ์ ทางทำเนียบขาวได้มีแถลงการณ์เพื่อจะชี้แจงว่าทางประธานาธิบดีหาได้มีความคิดสุดซอยแบบนั้น จริงๆ ทางอเมริกายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งนโยบายเกี่ยวกับทางจีนและไต้หวันครับ โดยทางการอเมริกาแจ้งว่าแนวทางดังกล่าวมาจากข้อกฎหมายว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์กับไต้หวันครับ ทำให้ทางอเมริกาต้องช่วยสนับสนุนการปกป้องตนเองของไต้หวันให้มากที่สุดครับ
แต่ทางการจีนก็ได้มีมาตรการณ์ตอบโต้ทันที โดยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศได้แถลงขอให้อเมริกาอย่าพยายามส่งสัญญาณผิดๆ แบบนี้ให้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวัน นอกจากนี้ยังร้องขอให้สหรัฐยึดถือในนโยบายจีนเดียวต่อไป นอกจากการเตือนทางแถลงการณ์แล้ว ทางเรือรบของจีนและรัสเซียได้ร่วมกันลาดตระเวนมหาสมุทรแปซิฟิกอย่างเข้มแข็งด้วยครับ
โดยทางรัสเซียแจ้งว่าการร่วมกันตรวจตรามหาสมุทรครั้งนี้ทำให้ความสำคัญทางทหารและทางการทูตของมหาอำนาจมังกรและหมีขาวใกล้ชิดกันมากขึ้นครับ โดยทางรัสเซียได้ออกมาแจ้งเพิ่มเติมอีกว่าการลดตระเวนครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงของน่านนำนี้ครับ โดยธงชาติของทั้ง 2 ประเทศได้ปลิวไสวไปทั่วทั้งน่านน้ำกันเลยทีเดียว
---------
อนาคตของน่านน้ำแปซิฟิกภายใต้ความขัดแย้งของมหาอำนาจ
คงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมีความขัดแย้งกันในระดับประเทศย่อมอาจเกิดการลุกลามบานปลายไปในระดับนานาชาติได้ไม่ยาก ทางคุณ Biden ก็มีความพยายามที่จะแก้ข่าวของตนโดนแจ้งว่าการประกาศไปเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสร้างความขัดแย้งกับกองทัพจีน แต่เขาแค่กังวลว่าทุกอย่างมันจะถูกปั่นให้สายเกินแก้
ทาง Biden ยังย้ำอีกว่าทางจีน รัสเซีย และอีกหลายประเทศทั่วทั้งโลกทราบดีว่าสหรัฐมีกองทัพอันเกรียงไกรแค่ไหน เราไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย แต่เรากังวลว่าถ้าสถานการณ์ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้พวกเขาจะถลำลึกจนทำในสิ่งที่ผิดพลาด ซึ่งทาง Biden พยายามชี้ว่าเขาไม่ต้องการทำสงครามเย็นกับจีน แต่เขาต้องการให้ทางจีนรู้ว่าอเมริกาจะไม่ถอย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นการย้ำจุดยืนที่มองว่าอเมริกายิ่งใหญ่จนคนอื่นต้องเกรงใจ และพูดกลายๆ ว่าจีนและไต้หวันอยู่กันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว จีนอย่าได้ทำอะไรที่เกินเลยไปกว่านั้น
ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้นขัดกับสิ่งที่ประธานาธิบดี Xi Jinping เคยกล่าวไว้ว่าจะรวมชาติไต้หวันให้ได้ และเหมือนที่ทางคุณ Wang Wenbin ได้กล่าวไว้ว่าจะไม่มีผู้ใดจะมาหยามหมิ่นความตั้งใจ ปณิธาน และความสามารถของชาวจีนที่จะปกป้องความเป็นหนึ่งเดียวของชาติได้ครับ ซึ่งนั่นหมายถึงทางการจีนพร้อมจะลุยกับภัยอันตรายที่เข้ามายั่วยุหรือเยาะเย้ยเสถียรภาพและเกียรติภูมิของชาติโดยไม่เสียดายชีวิตครับ
เมื่อ 2 ชาติมหาอำนาจและพรรคพวกจะมาเผชิญหน้ากันโดยมีไต้หวันเป็นชนวน คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าทางกำลังรบทั้งทางเศรษฐกิจ ทางการเงิน และทางทหารของแต่ละฝั่งใครจะแน่แค่ไหน เพราะทั้ง 2 ฝั่งเองนอกจากความยิ่งใหญ่ของตนเองแล้ว ยังมีรอยแผลทั้งทางฝั่งอเมริกาเองก็มีปัญหาอย่างมากเรื่องการถอนทัพออกจากอัฟกานิสถานและนโยบายต่างชาติอย่าง AUKUS ที่สร้างความบาดหมางกับฝรั่งเศส ในขณะที่ทางจีนก็มีปัญหาฟองสบู่ของอสังหาริมทรัพย์ แนวเขตแดนกับเพื่อนบ้าน และการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมในชาติครับ
ขอฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง
https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ
https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
Ref:
https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3153409/us-officials-walk-back-bidens-remarks-taiwan-say-strategic
Ref:
https://edition.cnn.com/2021/10/21/politics/taiwan-china-biden-town-hall/index.html
Ref:
https://en.wikipedia.org/wiki/Policy_of_deliberate_ambiguity
Ref:
https://www.bbc.com/news/world-asia-china-38285354
Ref:
https://www.reuters.com/world/russian-chinese-warships-hold-first-joint-patrols-pacific-2021-10-23/
เดือดทะลุองศา!!! เมื่ออเมริกาพร้อมจะงัดกับจีนด้วยชนวนของไต้หวัน
ท่ามกลางความตึงเครียดตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเรื่องจีนประกาศกร้าวจะรวมไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งให้ได้ หรือเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐไปชนวัตถุลึกลับใต้ทะเล ไปจนถึงการรวมกลุ่มพันธมิตรต่างๆ เพื่อกดดันจีนทั้ง AUKUS และ The Quad แต่เมื่อประธานาธิบดี Biden ได้ประกาศจะปกป้องไต้หวันอย่างสุดความสามารถ การโต้กลับของจีนก็ได้เริ่มขึ้น
---------
Biden จะสู้เพื่อไต้หวันอันขัดแย้งกับแห่งความคลุมเครือ
ในวันพฤหัสที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Joe Biden แห่งดินแดนเสรีภาพได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าอเมริกาได้ให้คำมั่นว่าจะเข้ามาช่วยเหลือไต้หวันเพื่อป้องกันการโจมตีของประเทศจีน ซึ่งขัดกับนโยบายจีนเดียว (One China) ของประเทศจีนอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังตรงข้ามกับจุดยืนของอเมริกาที่มีมานานคือกลยุทธคลุมเครือ (Policy of Deliberate Ambiguity หรือ Strategic Ambiguity) ครับ
กลยุทธคลุมเครือคือแนวทางที่ทางรัฐบาลของอเมริกาใช้เพื่อดำเนินนโยบายการต่างประเทศครับ โดยเป้าหมายหลักของนโยบายนี้คือการแสดงออกให้มันคลุมเครือตามชื่อนโยบายเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงใดๆ ที่อาจทำให้อเมริกาตกที่นั่งลำบากครับ เช่น จะเข้าไปช่วยอเมริกาก็จะทำแบบอ้อมๆ ครับ ซึ่งมีข้อเสียคือบางประเทศอาจตีความผิดว่าอเมริกาต้องการอะไร ทำให้สุดท้ายก็นำมาสู่การขัดแย้งนั่นเอง ซึ่งเมื่อมาเทียบกับนโยบายคลุมเครือกับการประกาศของ Biden แทบจะต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะหากดำเนินนโยบายแบบเดิมๆ คงจะเป็นแนวการซ้อมรบร่วมกับประเทศในภูมิภาค หรือส่งเรือดำน้ำหรือเรือรบไปแถวนั้นเพื่อช่วยไต้หวันแบบอ้อมๆ แต่ครั้งนี้อเมริกาประกาศช่วยไต้หวันตรงๆ ขนาดนี้ เป็นการนำอเมริกาเข้าไปปะทะกับจีนแบบตรงๆ ไม่มีกั๊กชนิดที่ว่าไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้เลยครับ
---------
เตรียมลุยกับนโยบายจีนเดียวแบบสุดซอย
ในทางกลับกันนอกจากสวนทางกับนโยบายของตนเองแล้ว ยังจะจัดหนักขัดแย้งกับนโยบายจีนเดียวของจีนแบบเต็มรูปแบบครับ โดยนโยบายจีนเดียวนั้นหมายถึงการที่ทางการจีนต้องการให้นานาประเทศยอมรับและให้การรับรองว่าการปกครองของประเทศจีนรวมส่วนที่มีปัญหา เช่น ไต้หวัน มีรัฐบาลที่ชอบธรรมแค่รัฐบาลของจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ซึ่งทางรัฐบาลอเมริกาก็ยอมรับและติดต่อสื่อสารกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่อย่างเสมอมาครับ
อย่างไรก็เป็นที่ทราบกันดีว่าแม้ทางการจีนจะให้การยอมรับนโยบายจีนเดียว แต่ทางพญาอินทรีย์ก็ยังมีความร่วมมือ “อย่างไม่เป็นทางการ” กับไต้หวันอย่างเสมอมา โดยเฉพาะการค้าอาวุธยุทธโทปกรณ์ให้กับไต้หวันอย่างโจ๋งแจ้งครับ แม้ทางจีนจะเห็นการกระทำดังกล่าวแต่ก็ต้องอดทนเพราะเรื่องความสัมพันธ์และคำว่าไม่เป็นทางการครับ ดังนั้นการที่คุณ Biden ออกโรงมาปกป้องไต้หวันขนาดนี้เป็นการหยามหน้าทางจีนเป็นอย่างมากครับ
---------
การแถลงการณ์เพิ่มเติมของทางอเมริกาและการโต้ของทางจีน
หลังจากที่ทางประธานาธิบดี Biden ได้แถลงการณ์ ทางทำเนียบขาวได้มีแถลงการณ์เพื่อจะชี้แจงว่าทางประธานาธิบดีหาได้มีความคิดสุดซอยแบบนั้น จริงๆ ทางอเมริกายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งนโยบายเกี่ยวกับทางจีนและไต้หวันครับ โดยทางการอเมริกาแจ้งว่าแนวทางดังกล่าวมาจากข้อกฎหมายว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์กับไต้หวันครับ ทำให้ทางอเมริกาต้องช่วยสนับสนุนการปกป้องตนเองของไต้หวันให้มากที่สุดครับ
แต่ทางการจีนก็ได้มีมาตรการณ์ตอบโต้ทันที โดยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศได้แถลงขอให้อเมริกาอย่าพยายามส่งสัญญาณผิดๆ แบบนี้ให้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวัน นอกจากนี้ยังร้องขอให้สหรัฐยึดถือในนโยบายจีนเดียวต่อไป นอกจากการเตือนทางแถลงการณ์แล้ว ทางเรือรบของจีนและรัสเซียได้ร่วมกันลาดตระเวนมหาสมุทรแปซิฟิกอย่างเข้มแข็งด้วยครับ
โดยทางรัสเซียแจ้งว่าการร่วมกันตรวจตรามหาสมุทรครั้งนี้ทำให้ความสำคัญทางทหารและทางการทูตของมหาอำนาจมังกรและหมีขาวใกล้ชิดกันมากขึ้นครับ โดยทางรัสเซียได้ออกมาแจ้งเพิ่มเติมอีกว่าการลดตระเวนครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงของน่านนำนี้ครับ โดยธงชาติของทั้ง 2 ประเทศได้ปลิวไสวไปทั่วทั้งน่านน้ำกันเลยทีเดียว
---------
อนาคตของน่านน้ำแปซิฟิกภายใต้ความขัดแย้งของมหาอำนาจ
คงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมีความขัดแย้งกันในระดับประเทศย่อมอาจเกิดการลุกลามบานปลายไปในระดับนานาชาติได้ไม่ยาก ทางคุณ Biden ก็มีความพยายามที่จะแก้ข่าวของตนโดนแจ้งว่าการประกาศไปเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสร้างความขัดแย้งกับกองทัพจีน แต่เขาแค่กังวลว่าทุกอย่างมันจะถูกปั่นให้สายเกินแก้
ทาง Biden ยังย้ำอีกว่าทางจีน รัสเซีย และอีกหลายประเทศทั่วทั้งโลกทราบดีว่าสหรัฐมีกองทัพอันเกรียงไกรแค่ไหน เราไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย แต่เรากังวลว่าถ้าสถานการณ์ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้พวกเขาจะถลำลึกจนทำในสิ่งที่ผิดพลาด ซึ่งทาง Biden พยายามชี้ว่าเขาไม่ต้องการทำสงครามเย็นกับจีน แต่เขาต้องการให้ทางจีนรู้ว่าอเมริกาจะไม่ถอย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นการย้ำจุดยืนที่มองว่าอเมริกายิ่งใหญ่จนคนอื่นต้องเกรงใจ และพูดกลายๆ ว่าจีนและไต้หวันอยู่กันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว จีนอย่าได้ทำอะไรที่เกินเลยไปกว่านั้น
ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้นขัดกับสิ่งที่ประธานาธิบดี Xi Jinping เคยกล่าวไว้ว่าจะรวมชาติไต้หวันให้ได้ และเหมือนที่ทางคุณ Wang Wenbin ได้กล่าวไว้ว่าจะไม่มีผู้ใดจะมาหยามหมิ่นความตั้งใจ ปณิธาน และความสามารถของชาวจีนที่จะปกป้องความเป็นหนึ่งเดียวของชาติได้ครับ ซึ่งนั่นหมายถึงทางการจีนพร้อมจะลุยกับภัยอันตรายที่เข้ามายั่วยุหรือเยาะเย้ยเสถียรภาพและเกียรติภูมิของชาติโดยไม่เสียดายชีวิตครับ
เมื่อ 2 ชาติมหาอำนาจและพรรคพวกจะมาเผชิญหน้ากันโดยมีไต้หวันเป็นชนวน คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าทางกำลังรบทั้งทางเศรษฐกิจ ทางการเงิน และทางทหารของแต่ละฝั่งใครจะแน่แค่ไหน เพราะทั้ง 2 ฝั่งเองนอกจากความยิ่งใหญ่ของตนเองแล้ว ยังมีรอยแผลทั้งทางฝั่งอเมริกาเองก็มีปัญหาอย่างมากเรื่องการถอนทัพออกจากอัฟกานิสถานและนโยบายต่างชาติอย่าง AUKUS ที่สร้างความบาดหมางกับฝรั่งเศส ในขณะที่ทางจีนก็มีปัญหาฟองสบู่ของอสังหาริมทรัพย์ แนวเขตแดนกับเพื่อนบ้าน และการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมในชาติครับ
ขอฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
Ref: https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3153409/us-officials-walk-back-bidens-remarks-taiwan-say-strategic
Ref: https://edition.cnn.com/2021/10/21/politics/taiwan-china-biden-town-hall/index.html
Ref: https://en.wikipedia.org/wiki/Policy_of_deliberate_ambiguity
Ref: https://www.bbc.com/news/world-asia-china-38285354
Ref: https://www.reuters.com/world/russian-chinese-warships-hold-first-joint-patrols-pacific-2021-10-23/