สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวก่อนนะ เราเป็นนักเรียนม.5ค่ะ ฐานะที่บ้านปานกลางค่ะ เป็นช่วงที่ควรจะคิดเรื่องเรียนต่อในระดับมหาลัยแล้วใช่มั้ยคะ ซึ่งเราเองก็รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ถนัดอะไรไม่ถนัดอะไร เราชอบวาดรูปมากๆค่ะ และคิดว่าเราทำได้ดี เป็นสิ่งเดียวที่เราทำได้ดีด้วยค่ะ ผลการเรียนของเราอยู่ในระดับปานกลาง-ดีค่ะ แต่ว่าไม่ได้เด่นหรือชอบด้านวิชาการไหนเป็นพิเศษเลย ที่เราคิดว่าเราชอบมาที่สุดก็คือวาดรูปค่ะ
ตลอดมาตั้งแต่ประถม-มัธยม ที่บ้านไม่ใช่คนเข้มงวดเท่าไหร่ค่ะ ไม่ได้บังคับให้เราเรียนตามที่เขาอยาก เขาบอกเราว่าให้เราเรียนอย่างที่ตัวเองชอบ เรียนให้มีความสุขก็พอแล้ว เขามักจะถามเราว่าไปเรียนมาสนุกมั้ยตลอดเลย แต่เรื่องเกรดจะว่าเคร่งก็เคร่ง จะว่าไม่ก็ไม่ เขาบอกว่าขอแค่ไม่ต่ำกว่าเกรด3 หรือไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่ตัวเองเคยทำไว้ เรื่องที่เราชอบวาดรูป เขาสนับสนุนเราตลอด ไม่เคยห้ามค่ะ
ทีนี้มหาลัยเราก็อยากเข้าคณะที่เราสนใจค่ะ เกี่ยวกับดิจิทัลอาร์ต หรือจะเป็นจิตรกรรมทั่วๆไปก็ได้ ขอแค่ได้วาดรูป ที่บ้านก็ไม่ได้มีปัญหานะคะ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าในจังหวัดที่เราอยู่ ไม่มีคณะไหนที่เราอยากเรียน หรือใกล้เคียงกับที่เราอยากเรียนเลยค่ะ ครั้งแรกที่รู้เป็นตอนช่วงม.ต้นค่ะ เราก็บอกพวกเขาว่า ที่นี่มันไม่มีคณะที่อยากเข้า สิ่งที่เขาตอบกลับมาคือ ก็เรียนคณะอื่นสิ เราเป็นเด็กคนนึงที่ทุ่มเทให้กับการวาดรูปตลอด เขาไม่เคยอยากเลิกวาดรูป ยอมรับว่ามีท้อบ้าง แต่ท้อไปก็เท่านั้นค่ะ เราฝึกวาดทุกวัน วาดทุกวันตั้งแต่เด็กๆ วาดตลอด วาดวันหลายชั่วโมง แทบไม่เคยขาดการวาดรูปในแต่ละวัน สิ่งที่เราพยายามพัฒนาทักษะด้านนี้มาตลอด มันกลับกลายเป็นสิ่งไร้ค่าเพียงเพราะมันไม่มีคณะที่อยากเรียน ก็เลยต้องเรียนอย่างอื่นน่ะหรอคะ เราเข้าใจนะคะ งานด้านนี้ไม่จำเป็นต้องเรียนตามสาขาวิชาเพื่อที่จะได้ทำงานด้านนี้ (เขาเคยบอกเราด้วยว่า การเรียนไม่ใช่ทุกอย่าง มันก็อาจจะจริงนะคะ แต่ว่าการเรียนมันก็ช่วยเพิ่มโอกาสหลายๆด้านให้เราอย่างมากเลยค่ะ) ทีนี้เราก็ถามกลับไปว่า แล้วจะให้เราเรียนอะไร เพราะเราไม่รู้จริงๆ เราไม่เก่งอย่างอื่นแล้ว เขาก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นเรามืดมากค่ะ เราไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี ด้วยความที่ตอนนั้นเป็นม.ต้นอยู่เลยคิดว่า อาจจะเพราะเรายังเด็กอยู่ ที่บ้านเลยพูดแบบนั้นออกมา เพราะเป็นห่วงเรา ไม่อยากให้เราเรียนไกลบ้าน
เวลาผ่านมาจนตอนนี้เราม.5 กำลังจะขึ้นเทอม2ค่ะ เขายังพูดแบบนี้กับเราตลอด ให้เราเรียนอยู่ที่นี่ ไม่ต้องไปเรียนที่อื่นหรอกเนอะ เราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนๆ เพื่อนก็บอกมาว่าให้พูดให้เขาฟังบ่อยๆ ซึ่งเราขี้ขลาดมากค่ะ เราไม่ใช่คนพูดเก่งอะไรเลย เราไม่กล้าพูด ขนาดแค่จะเปิดหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับการเรียนต่อเรายังไม่กล้าพูดเลยค่ะ แล้วเขาก็บอกเราตลอดว่าการที่เราจะไปเรียนต่างจังหวัดมันลำบากเขา คล้ายๆกับว่าเป็นภาระเขาน่ะค่ะ ( ประมาณว่าถ้าเราเรียนที่นี่นะ บ้านเราจะไม่ลำบากอะไรเลย แต่ถ้าไปเรียนที่อื่นพ่อกับแม่ก็จะลำบาก) ซึ่งตรงนี้เราไม่เข้าใจอีกค่ะ เพราะปกติแล้วบ้านเรามีมายเซ็ทที่ว่าตายไปแล้วเอาเงินไปไม่ได้ เขาก็จะซื้อความสุขให้กับตัวเองตลอดเวลาค่ะ เราไม่ใช่คนใช้เงินเก่ง ส่วนใหญ่เราจะเป็นคนเก็บตังค์และประหยัดมาก เราเกรงใจพวกเขามากๆค่ะ เวลาจะซื้ออะไร ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือของใช้ ไม่ว่าจะเป็นเงินเราหรือเงินเขา เราแทบไม่เคยขออะไรจากเขาเลยค่ะ เพราะอย่างนั้นเราจึงไม่เข้าใจมากๆว่าทำไมการที่เขาส่งเราเรียนมันลำบากขนาดนั้นเลยหรอ นี่เราเป็นภาระเขาใช่มั้ย เรื่องเงินโอเคค่ะ เราไม่ได้ช่วยเขาจ่ายค่าต่างๆในบ้าน เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าแต่ละเดือนเขาต้องจ่ายไปเท่าไหร่ เขาเคยพูดว่าที่บ้านอื่นเขาลงทุนให้ลูกไปเรียนต่างจังหวัด บางคนที่ประสบความสำเร็จก็ดีไป ถ้าไม่ก็เป็นขี้ปากชาวบ้าน เขาไม่เคยหวังให้เราเลี้ยงเขาตอนแก่เลยค่ะ เขาบอกว่าขอแค่ให้เราเลี้ยงตัวเองได้ ไม่เป็นภาระใครก็โอเคแล้ว เขาไม่อยากลงทุนกับการเรียนค่ะ ปกติแล้วพ่อแม่ควรจะไม่สนับสนุนด้านการเรียนหรอคะ เพื่อนๆเราทุกคนไม่มีที่บ้านไหนที่จะไม่อยากให้ลูกตัวเองเรียนที่ดีๆเลยค่ะ
เขาให้เหตุผลกับเราหลายอย่างมาก เขาบอกว่าเรียนจบต่างจังหวัดกลัวเราจะจบมาแล้วไม่มีงานทำ กลัวว่าจะกดดันตัวเอง กลัวว่าจะได้ลองทำงานนั้นแล้วตัวเองจะไม่ขอบมัน เขาคิดแทนเราหมดเลยค่ะ มันคือเรื่องในอนาคตเขาจะรู้ได้ยังไง เราก็แอบคิดเหมือนกันนะคะว่าหรือเรามันแย่มากขนาดนั้นเลยหรอ แย่ขนาดไม่มีอะไรให้เขาเชื่อมั่นหรือหวังกับความสามารถของเราได้ แต่ที่แน่นอนคือตอนนี้เราเศร้ามากค่ะ ที่ตัวเองไม่สามารถมีโอกาสที่จะได้เลือกเรียนในมหาลับดีๆหรือคณะที่เราสนใจได้ เขาอยากให้เราเรียนจบมาแล้วทำงานอยู่ในจังหวัดนี้ แล้ววาดรูปเป็นงานอดิเรก มีความสุขกับการได้วาดรูปในวันหยุด
มันก็อาจจะทำได้แหละค่ะ การที่ทำงานด้านนี้แบบไม่ต้องเรียนจบด้านนี้ก็ได้ แต่ทำไมเราต้องเสียเวลาไปเรียนในสิ่งที่เราไม่ได้สนใจล่ะคะ ถึงแม้ว่าอย่างน้อยเราจะจบมาแล้วได้ทำงานอย่างอื่นไปก่อน แต่มันก็ยากอยู่ดีที่จะแบ่งเวลามาทำสิ่งที่ชอบให้กลายเป็นอาชีพในวัยทำงาน
สุดท้ายนี้เราอยากทราบว่ามีใครเป็นเหมือนกันมั้ยคะ แล้วเราควรจะทำยังไงดี ควรจะดันทุรังหรือจะควรปลงและยอมรับมัน แต่ข้อหลังเราไม่แน่ใจว่าเราจะทำได้มั้ย ทุกครั้งที่คิดเรื่องนี้เราร้องไห้ตลอดเลยค่ะ ขอโทษที่อาจจะพิมพ์งงไปหน่อยนะคะ
ที่บ้านไม่สนับสนุนให้เราเรียนมหาลัยในต่างจังหวัด ทำอย่างไรดีคะ? มีใครเป็นเหมือนกันบ้างมั้ย?
ตลอดมาตั้งแต่ประถม-มัธยม ที่บ้านไม่ใช่คนเข้มงวดเท่าไหร่ค่ะ ไม่ได้บังคับให้เราเรียนตามที่เขาอยาก เขาบอกเราว่าให้เราเรียนอย่างที่ตัวเองชอบ เรียนให้มีความสุขก็พอแล้ว เขามักจะถามเราว่าไปเรียนมาสนุกมั้ยตลอดเลย แต่เรื่องเกรดจะว่าเคร่งก็เคร่ง จะว่าไม่ก็ไม่ เขาบอกว่าขอแค่ไม่ต่ำกว่าเกรด3 หรือไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่ตัวเองเคยทำไว้ เรื่องที่เราชอบวาดรูป เขาสนับสนุนเราตลอด ไม่เคยห้ามค่ะ
ทีนี้มหาลัยเราก็อยากเข้าคณะที่เราสนใจค่ะ เกี่ยวกับดิจิทัลอาร์ต หรือจะเป็นจิตรกรรมทั่วๆไปก็ได้ ขอแค่ได้วาดรูป ที่บ้านก็ไม่ได้มีปัญหานะคะ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าในจังหวัดที่เราอยู่ ไม่มีคณะไหนที่เราอยากเรียน หรือใกล้เคียงกับที่เราอยากเรียนเลยค่ะ ครั้งแรกที่รู้เป็นตอนช่วงม.ต้นค่ะ เราก็บอกพวกเขาว่า ที่นี่มันไม่มีคณะที่อยากเข้า สิ่งที่เขาตอบกลับมาคือ ก็เรียนคณะอื่นสิ เราเป็นเด็กคนนึงที่ทุ่มเทให้กับการวาดรูปตลอด เขาไม่เคยอยากเลิกวาดรูป ยอมรับว่ามีท้อบ้าง แต่ท้อไปก็เท่านั้นค่ะ เราฝึกวาดทุกวัน วาดทุกวันตั้งแต่เด็กๆ วาดตลอด วาดวันหลายชั่วโมง แทบไม่เคยขาดการวาดรูปในแต่ละวัน สิ่งที่เราพยายามพัฒนาทักษะด้านนี้มาตลอด มันกลับกลายเป็นสิ่งไร้ค่าเพียงเพราะมันไม่มีคณะที่อยากเรียน ก็เลยต้องเรียนอย่างอื่นน่ะหรอคะ เราเข้าใจนะคะ งานด้านนี้ไม่จำเป็นต้องเรียนตามสาขาวิชาเพื่อที่จะได้ทำงานด้านนี้ (เขาเคยบอกเราด้วยว่า การเรียนไม่ใช่ทุกอย่าง มันก็อาจจะจริงนะคะ แต่ว่าการเรียนมันก็ช่วยเพิ่มโอกาสหลายๆด้านให้เราอย่างมากเลยค่ะ) ทีนี้เราก็ถามกลับไปว่า แล้วจะให้เราเรียนอะไร เพราะเราไม่รู้จริงๆ เราไม่เก่งอย่างอื่นแล้ว เขาก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นเรามืดมากค่ะ เราไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี ด้วยความที่ตอนนั้นเป็นม.ต้นอยู่เลยคิดว่า อาจจะเพราะเรายังเด็กอยู่ ที่บ้านเลยพูดแบบนั้นออกมา เพราะเป็นห่วงเรา ไม่อยากให้เราเรียนไกลบ้าน
เวลาผ่านมาจนตอนนี้เราม.5 กำลังจะขึ้นเทอม2ค่ะ เขายังพูดแบบนี้กับเราตลอด ให้เราเรียนอยู่ที่นี่ ไม่ต้องไปเรียนที่อื่นหรอกเนอะ เราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนๆ เพื่อนก็บอกมาว่าให้พูดให้เขาฟังบ่อยๆ ซึ่งเราขี้ขลาดมากค่ะ เราไม่ใช่คนพูดเก่งอะไรเลย เราไม่กล้าพูด ขนาดแค่จะเปิดหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับการเรียนต่อเรายังไม่กล้าพูดเลยค่ะ แล้วเขาก็บอกเราตลอดว่าการที่เราจะไปเรียนต่างจังหวัดมันลำบากเขา คล้ายๆกับว่าเป็นภาระเขาน่ะค่ะ ( ประมาณว่าถ้าเราเรียนที่นี่นะ บ้านเราจะไม่ลำบากอะไรเลย แต่ถ้าไปเรียนที่อื่นพ่อกับแม่ก็จะลำบาก) ซึ่งตรงนี้เราไม่เข้าใจอีกค่ะ เพราะปกติแล้วบ้านเรามีมายเซ็ทที่ว่าตายไปแล้วเอาเงินไปไม่ได้ เขาก็จะซื้อความสุขให้กับตัวเองตลอดเวลาค่ะ เราไม่ใช่คนใช้เงินเก่ง ส่วนใหญ่เราจะเป็นคนเก็บตังค์และประหยัดมาก เราเกรงใจพวกเขามากๆค่ะ เวลาจะซื้ออะไร ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือของใช้ ไม่ว่าจะเป็นเงินเราหรือเงินเขา เราแทบไม่เคยขออะไรจากเขาเลยค่ะ เพราะอย่างนั้นเราจึงไม่เข้าใจมากๆว่าทำไมการที่เขาส่งเราเรียนมันลำบากขนาดนั้นเลยหรอ นี่เราเป็นภาระเขาใช่มั้ย เรื่องเงินโอเคค่ะ เราไม่ได้ช่วยเขาจ่ายค่าต่างๆในบ้าน เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าแต่ละเดือนเขาต้องจ่ายไปเท่าไหร่ เขาเคยพูดว่าที่บ้านอื่นเขาลงทุนให้ลูกไปเรียนต่างจังหวัด บางคนที่ประสบความสำเร็จก็ดีไป ถ้าไม่ก็เป็นขี้ปากชาวบ้าน เขาไม่เคยหวังให้เราเลี้ยงเขาตอนแก่เลยค่ะ เขาบอกว่าขอแค่ให้เราเลี้ยงตัวเองได้ ไม่เป็นภาระใครก็โอเคแล้ว เขาไม่อยากลงทุนกับการเรียนค่ะ ปกติแล้วพ่อแม่ควรจะไม่สนับสนุนด้านการเรียนหรอคะ เพื่อนๆเราทุกคนไม่มีที่บ้านไหนที่จะไม่อยากให้ลูกตัวเองเรียนที่ดีๆเลยค่ะ
เขาให้เหตุผลกับเราหลายอย่างมาก เขาบอกว่าเรียนจบต่างจังหวัดกลัวเราจะจบมาแล้วไม่มีงานทำ กลัวว่าจะกดดันตัวเอง กลัวว่าจะได้ลองทำงานนั้นแล้วตัวเองจะไม่ขอบมัน เขาคิดแทนเราหมดเลยค่ะ มันคือเรื่องในอนาคตเขาจะรู้ได้ยังไง เราก็แอบคิดเหมือนกันนะคะว่าหรือเรามันแย่มากขนาดนั้นเลยหรอ แย่ขนาดไม่มีอะไรให้เขาเชื่อมั่นหรือหวังกับความสามารถของเราได้ แต่ที่แน่นอนคือตอนนี้เราเศร้ามากค่ะ ที่ตัวเองไม่สามารถมีโอกาสที่จะได้เลือกเรียนในมหาลับดีๆหรือคณะที่เราสนใจได้ เขาอยากให้เราเรียนจบมาแล้วทำงานอยู่ในจังหวัดนี้ แล้ววาดรูปเป็นงานอดิเรก มีความสุขกับการได้วาดรูปในวันหยุด
มันก็อาจจะทำได้แหละค่ะ การที่ทำงานด้านนี้แบบไม่ต้องเรียนจบด้านนี้ก็ได้ แต่ทำไมเราต้องเสียเวลาไปเรียนในสิ่งที่เราไม่ได้สนใจล่ะคะ ถึงแม้ว่าอย่างน้อยเราจะจบมาแล้วได้ทำงานอย่างอื่นไปก่อน แต่มันก็ยากอยู่ดีที่จะแบ่งเวลามาทำสิ่งที่ชอบให้กลายเป็นอาชีพในวัยทำงาน
สุดท้ายนี้เราอยากทราบว่ามีใครเป็นเหมือนกันมั้ยคะ แล้วเราควรจะทำยังไงดี ควรจะดันทุรังหรือจะควรปลงและยอมรับมัน แต่ข้อหลังเราไม่แน่ใจว่าเราจะทำได้มั้ย ทุกครั้งที่คิดเรื่องนี้เราร้องไห้ตลอดเลยค่ะ ขอโทษที่อาจจะพิมพ์งงไปหน่อยนะคะ