ผมเชื่อแบบนั้นนะ
อย่างหุ้น ถ้าเราทำตามสูตรเดิมๆเรื่อยๆเจ้ามือมันจับทางได้มันก็หาทางอะไรใหม่ๆกิน
ธุรกิจเองก็มีสิ่งใหม่ๆ มาดิสรัปชั่น ทำให้เกิดพีอี ค่าบุ๊คใหม่ๆ อยู่ตลอด
ยกตัวอย่าง เงินคริปโตจะมาปฏิวัติกลุ่มการเงิน หุ้นธนาคารเลยไม่ปังเหมือนแต่ก่อน
หรือ เพราะคนรุ่นใหม่จะไปอยู่ใน Metaverse กันหมดทำให้หุ้นอสังหายังไม่ไปไหน
กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังก็ขาลง เพราะอีกหน่อย สิบล้อแท๊กซี่ก็ใช้ AI ขับกันหมด
หุ้นโรงไฟฟ้าก็ไม่วิ่งเพราะ Energy stotage พัฒนาแรงอีกหน่อยบ้านจะผลิตไฟฟ้าได้เอง
เพราะฉะนั้นเราจะมี Mindset อะไรแบบ เดิมๆ ไม่ได้
พอเราเริ่มรู้สึกปลอดภัยเกินไป นั่นคือที่ๆอันตรายที่สุดครับ
หมั่นทำการบ้านบ่อยๆ หัดอะไรแปลกๆ ที่มันเสียวบ้าง
อย่างผมมี Smart watch แต่ใช้ไม่เป็น คอมพิวเตอร์ไม่ได้แตะมา 7 ปี ความรู้กราฟ งูๆ ปลาๆ
ยังทะลึ่งมาเล่นคริปโต ทำความเข้าใจง่ายๆ คือ
1. Bitcoin คือ Blockchain 1.0 มีมูลค่าเหมือนทองคำ
2. ETH คือ Blockchain 2.0 เป็นเหมือนเหรียญที่สร้างเหรียญอีกพันเหรียญ
3. ADA, DOT, SOL แต่ละเหรียญมาแก้ pain point ของ ETH
อะไรประมานนี้ แล้วลงเงินเลย 10% ของพอร์ต
แรกๆ ก็โดนค่าขึ้นครู ( แน่นอนทุกอย่างมีค่าขึ้นครูเสมอ ) -10% แต่พอผมพลาดผมยิ่งศึกษาลงลึก อ๋อ
เหมือนหุ้นนี่หว่า เหรียญไหนกาวเยอะๆ ( ภาษาเด็กรุ่นใหม่ ) มันจะไม่ค่อยวิ่งเพราะรับข่าวดีไปหมดแล้ว คล้ายๆหุ้น
พอจับทางได้ผมก็หาเหรียญพื้นฐานดีคนยังเล่นน้อย จนได้ทุนคืนบวกกำไร
โชคดี Learning Curve ค่อนข้างใช้ได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักพนัน พลาดแล้วต้องอย่าเข็ด รีบลุกมาตั้งหลัก ดูความผิดพลาด แล้วเล่นไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ผมกำลังหาธีมใหม่ๆ ในการลงทุนหุ้นไทยอยู่ครับ
ใครมีอะไรแนะนำช่วยชี้แนะด้วย
ผมพร้อมเรียนรู้เสมอ
อยากรวย...ต้องกล้าออกจาก Save Zone ตลอดเวลา
อย่างหุ้น ถ้าเราทำตามสูตรเดิมๆเรื่อยๆเจ้ามือมันจับทางได้มันก็หาทางอะไรใหม่ๆกิน
ธุรกิจเองก็มีสิ่งใหม่ๆ มาดิสรัปชั่น ทำให้เกิดพีอี ค่าบุ๊คใหม่ๆ อยู่ตลอด
ยกตัวอย่าง เงินคริปโตจะมาปฏิวัติกลุ่มการเงิน หุ้นธนาคารเลยไม่ปังเหมือนแต่ก่อน
หรือ เพราะคนรุ่นใหม่จะไปอยู่ใน Metaverse กันหมดทำให้หุ้นอสังหายังไม่ไปไหน
กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังก็ขาลง เพราะอีกหน่อย สิบล้อแท๊กซี่ก็ใช้ AI ขับกันหมด
หุ้นโรงไฟฟ้าก็ไม่วิ่งเพราะ Energy stotage พัฒนาแรงอีกหน่อยบ้านจะผลิตไฟฟ้าได้เอง
เพราะฉะนั้นเราจะมี Mindset อะไรแบบ เดิมๆ ไม่ได้
พอเราเริ่มรู้สึกปลอดภัยเกินไป นั่นคือที่ๆอันตรายที่สุดครับ
หมั่นทำการบ้านบ่อยๆ หัดอะไรแปลกๆ ที่มันเสียวบ้าง
อย่างผมมี Smart watch แต่ใช้ไม่เป็น คอมพิวเตอร์ไม่ได้แตะมา 7 ปี ความรู้กราฟ งูๆ ปลาๆ
ยังทะลึ่งมาเล่นคริปโต ทำความเข้าใจง่ายๆ คือ
1. Bitcoin คือ Blockchain 1.0 มีมูลค่าเหมือนทองคำ
2. ETH คือ Blockchain 2.0 เป็นเหมือนเหรียญที่สร้างเหรียญอีกพันเหรียญ
3. ADA, DOT, SOL แต่ละเหรียญมาแก้ pain point ของ ETH
อะไรประมานนี้ แล้วลงเงินเลย 10% ของพอร์ต
แรกๆ ก็โดนค่าขึ้นครู ( แน่นอนทุกอย่างมีค่าขึ้นครูเสมอ ) -10% แต่พอผมพลาดผมยิ่งศึกษาลงลึก อ๋อ เหมือนหุ้นนี่หว่า เหรียญไหนกาวเยอะๆ ( ภาษาเด็กรุ่นใหม่ ) มันจะไม่ค่อยวิ่งเพราะรับข่าวดีไปหมดแล้ว คล้ายๆหุ้น
พอจับทางได้ผมก็หาเหรียญพื้นฐานดีคนยังเล่นน้อย จนได้ทุนคืนบวกกำไร
โชคดี Learning Curve ค่อนข้างใช้ได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักพนัน พลาดแล้วต้องอย่าเข็ด รีบลุกมาตั้งหลัก ดูความผิดพลาด แล้วเล่นไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ผมกำลังหาธีมใหม่ๆ ในการลงทุนหุ้นไทยอยู่ครับ
ใครมีอะไรแนะนำช่วยชี้แนะด้วย
ผมพร้อมเรียนรู้เสมอ