ที่ได้ตัวนี้มาเนื่องจากก่อนหน้านี้ข้อมูลงานสำคัญๆในตัวเก่าหาย ต้องเอาไปกู้ข้อมูล แต่ราคากู้ไฟล์คือแรงมาก เครียดอยู่หลายวันเลยทีเดียว พอเห็น ตัวนี้เค้าบอกว่ารับประกันกู้ข้อมูลและราคาก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ก็เลยจัดมาแบบไม่ลังเลเลย วันนี้เลยจะมารีวิวซะหน่อยเผื่อช่วงนี้มีคนสนใจ โดยตัวที่มาแนะนำจะเป็น HDD จาก Seagate รุ่น ONE TOUCH with password ความจุ 2TB (จริง ๆ มี 1TB 2TB 4TB และ 5TB)และมีตั้งรหัสผ่านได้ ใช้กับ Mac และ Android ได้โดยไม่ต้องฟอร์แมท และอีกอย่างคือมีบริการกู้ข้อมูลใน HDD หากมีปัญหาข้อมูลสูญหายนั่นเอง 

เค้าประกัน 3 ปีแถมฟรีบริการกู้ข้อมูล 3ปี (เป็นอะไรที่ดีมากนะของฟรีเนี่ย แต่ก็ไม่อยากใช้บริการเนาะ 5555 อย่าให้มันหายเลยจะดีกว่า)

และมีของแถมอย่าง Mylio 1ปี และ Adobe Photography 4เดือน(Adobe ผมมีละ แหะ ๆ) ก็ของฟรีไปใช้หกันได้เขาอุตส่าห์แถมมาให้ 

แกะกล่องกันก่อนเลยโดยจริง ๆ มันมีหลายสีนะ สาเหตุที่เอาสีนี้เพราะจะได้สะดุดตา หาง่าย ๆ 5555 ปกติมี HDD เยอะมาก มีทั้งสีดำ สีฟ้า สีน้ำเงิน รอบนี้จัดสีแดงเลยจร้า เอาเป็นว่าเก็บในที่มืดก็ยังมองเห็น(เวอร์จัดจัด 5555) 

รอบกล่องเป็นสีแดง ด้านหน้าเขียนว่า Seagate ONE TOUCH WITH PASSWORD ความจุ 2TB และก็มีตราประกันอย่าง Synnex เพิ่มความมั่นใจให้เราด้วย ด้วย HDD สีแดง มีลายขีด ๆ  ขอบซ้ายขวาสีขาว มีไฟสถานะ และโลโก้ Seagate สีขาว และสายเชื่อมต่อ USB 3.0 ที่แยกออกจากตัว HDD(สายเสียซื้อเปลี่ยนใหม่ได้นั่นเอง) น้ำหนักเบาเป็นไซด์ 2.5นิ้ว

มาลองเสียบกันเลยดีกว่า เสียบเข้าไปในช่อง USB 3.0 ของคอมเรา มาส่องกันหน่อยว่าใน HDD มีอะไรมาให้ด้านในบ้าง ตั้งรหัสได้จริงป่าว… อย่าหลอกกันนะ 5555 

เข้าไปใน This PC ก็จะเจอ HDD ชื่อ One Touch เข้าไปในตัว One Touch จะพบไฟล์ 3ไฟล์ ดังนี้

1.Start_Here_Mac.app สำหรับติดตั้งโปรแกรมของ Mac OS
2.Start_Here_Win.exe สำหรับติดตั้งโปรแกรมของ Windows
3.Warranty.pdf เอาไว้อ่านเรื่องประกัน ไม่มีภาษาไทย

กดติดตั้งข้อ 2 เพราะของ Windows มันก็จะเด้งเข้าสู่เว็บไซต์ ให้ทำการ Register ตัว HDD ของเรา

ก็ Register ข้อมูลชื่อ นามสกุล อีเมลใส่ไป กดยอมรับเงื่อนไข แล้วก็กด Register 

ต่อมาก็จะให้เราโหลดไฟล์ SeagateToolkit.exe ก็กด Download แล้วก็ให้เราติดตั้ง

กดยอมรับและ Continue ตัวนี้น่าจะเป็นตัวเอาไว้ตั้งรหัสผ่านนั่นแหละ

ติดตั้งไปเรื่อย ๆ

เรียบร้อย Got It เลยจร้า

คราวนี้ตัวโปรแกรมก็แสดง HDD ของเราแล้ว 

เลือกตั้งรหัส Seagate Secure กดเลยจร้า

กด Set Up เพื่อตั้งรหัสผ่านได้เลย

กรอกอักษร SID ซึ่งจะมีกระดาษแถมมาให้ในกล่องเอามากรอกเลย

ตั้งรหัสผ่านที่เราต้องการเลยจร้า เสร็จแล้วกด Next

กด Set Up

โปรแกรมจะให้สมัครสมาชิก เผื่อเราลืมรหัสผ่านจะได้ Reset รหัสได้ คิดว่าแบบนั้นนะครับ ตามที่เขาเขียนไว้ แต่คงไม่ลืมหรอก 5555 สร้างแล้วก็ยืนยันอีเมล เสร็จแล้วมากรอก กด Next

รอจร้าาา บอกเลยว่านานหน่อยนะ แต่รอได้ และห้ามถอดตัว HDD ออกจากคอมเราด้วยเด้อ

เรียบร้อยจร้าาา ตั้งรหัสผ่านได้แล้ววว กด Done เลยยยยย

มาลองดูว่าจะใช้งานได้ไหม ถอดเสียบใหม่เลยจร้า

อุ๊ยยยย มันกลายเป็นตัวนี้แล้ว กดเข้าไปสิ

จะเป็นไฟล์เยอะ ๆ แบบนี้ ให้กดตัว Unlock Drive for Windows.exe แล้วระบบก็จะให้ใส่รหัส ก็ใส่ไปเลยจร้าา

เข้ามาได้แล้วววววววว จบข่าว 5555
แต่เดี๋ยวก่อนหากใครไม่อยากใส่รหัสอีกเวลาเสียบเครื่องเราก็ไปใส่ในโปรแกรม Toolkit เราได้เลย

กด Trust กด Continue เรียบร้อย เสียบครั้งต่อไป ไม่ต้องใส่รหัสแล้วจร้าาา

แล้วมาลองทดสอบความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลกันดีกว่า กับโปรแกรม CrystalDiskMark มาดูกันว่าความเร็วจะเป็นอย่างไร ตามรูปภาพด้านล่างเลยครับผม

มาสรุปดีกว่า สำหรับใครที่อยากจะปกป้อง HDD ของตัวเองด้วยการตั้งรหัสผ่านแบบผมและก็ตัวนี้ก็เป็นตัวนึงที่น่าสนใจนะครับ 
น้ำหนักเบา พกพาสะดวก สีสวย ความจำเยอะมาก

และยังมีบริการกู้ข้อมูลอีกตั้ง 3 ปี หากไฟล์ข้อมูลสูญหาย (แต่ผมไม่แน่ใจเรื่องว่าหากเราเผลอลบไฟล์ไปจะเข้าใช้บริการตัวนี้ได้ไหม เดี๋ยวไปถามเพิ่มเติมมาให้แล้วจะมาอัพเดทให้จร้า)

ตัว HDD ตัวนี้น้ำหนักเบา พกพาสะดวก สีสวยดี และได้ความจุเยอะเมื่อเทียบกับเงินที่เสียไป ถ้าใครงบถึงตัว SSD ซึ่งมีราคาสูงกว่า ความเร็วมากกว่า (ซึ่ง Seagate ก็มีขายครับ ถ้าจำไม่ผิด)  อยู่ที่งบของแต่ละคนเลยจร้าาา