จะอุดช่องโหว่ของ พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และ พรบ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล ได้อย่างไร?

ใกล้จะถึงวันประกาศรายชื่อ ผู้สมัครเลือกตั้ง ส.อบต. ในวันศุกร์ที่ ๒๒ ต.ค. ๖๔

ปรากฎว่า ผมมีหลักฐานชัดเจนในการรับเงิน ของ อดีต ส.อบต. และเคยดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารองค์การบริหารส่วนตำบล ที่ไปมีส่วนได้เสียทางตรงในกิจการที่กระทำให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น จึงประสงค์จะยื่นคำร้องคัดค้านการรับสมัคร แต่.......ผมติดปัญหาด้านกฎหมายว่า

เดิม มาตรา ๔๗ ทวิ ของ พรบ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๒ กำหนดไว้ว่า

มาตรา ๔๗ ทวิ ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
 
(๒) ไม่เป็นผู้มีพฤติกรรมในทางทุจริตหรือพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาตำบลสมาชิกสภาท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น หรือที่ปรึกษาหรือเลขานุการของ ผู้บริหารท้องถิ่น เพราะเหตุที่มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำกับสภาตำบลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังไม่ถึงห้าปีนับถึงวันรับสมัครเลือกตั้ง

ซึ่งถ้าผมส่งหลักฐานให้ กกต. แน่นอนว่า ตามมาตรา ๔๗ ทวิ ผู้สมัครเลือกตั้ง ส.อบต. ต้องถูกถอดชื่อออกอย่างแน่นอน แต่!!!!!!!
 
กฎหมายใหม่ มีการแก้ไข พรบ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนดไว้ว่า

มาตรา ๕ ให้ยกเลิกความใน มาตรา ๔๗ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติสภาตาบลและองค์การบริหารส่วนตาบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

มาตรา ๔๗ ทวิ ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น”

คราวนี้ เมื่อไปพิจารณา พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๔๙ บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง  

(๒๓) เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทนหรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้นห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตาแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง

กลับไม่ปรากฎคำว่า "ไม่เป็นผู้มีพฤติกรรมในทางทุจริต" แต่กลับมีข้อ ๒๖ เป็นจุดเชื่อมต่อไปยัง พรบ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนดไว้ว่า

(๒๖) ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด

ทั้งๆ ที่ กกต. กำหนดยาแรง จำคุก ๑-๑๐ ปี ปรับ ๒๐,๐๐๐ - ๒๐๐,๐๐๐ บาท คำตอบอยู่ที่ กกต. จะเลือกใช้กฎหมายข้อไหน? ในการพิจารณาถอดถอนรายชื่อผู้สมัครเลือกตั้ง ส.อบต. รายนี้ 

คำถาม

๑. ในกรณี ผู้มีอิทธิพลและมีพฤติกรรมในทางทุจริต แม้จะปรากฎหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำความผิด และไม่มีใครกล้าร้องเรียนให้พ้นสมาชิกภาพในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง จนสิ้นสุดวาระ นั้น จะอาศัยช่องโหว่ และรอดพ้นจากเจตนารมณ์ของกฎหมาย "เพื่อให้การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและเป็นการป้องกันและปราบปรามการทุจริต" นี้ได้หรือไม่ครับ?

๒. ด้วยหลักฐานที่มีอยู่อย่างชัดเจนในการรับเงินจากกิจการที่กระทำให้ อบต.นั้น เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตจากผู้มีอิทธิพลและมีพฤติกรรมในทางทุจริต ในทางปฏิบัติ ผมจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างครับ?

ปล. กำหนดระยะเวลาวันสุดท้ายการยื่นคำร้องคัดค้านการรับสมัคร กรณีก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า ๒๐ วัน (ม.๕๖) วันที่ ๗ พ.ย.๖๔

ผมขอรบกวนขอคำแนะนำเพียง ๒ ข้อ ขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบครับ

*แก้ไขคำผิด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่