ยังเกินหมื่น!ติดเชื้อใหม่10,111ราย หายป่วย10,612 ราย เสียชีวิตอีก63
https://www.dailynews.co.th/news/384888/
สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ล่าสุด วันที่ 18 ต.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 10,111 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,070 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 41 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 มีจำนวน 1,764,949 ราย หายป่วยกลับบ้าน 10,612 ราย หายป่วยสะสม 1,640,824 ราย กำลังรักษา 107,226 ราย
โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 63 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 มียอดสะสมสูงถึง 18,336 ราย
“ทิม พิธา” ลงพื้นที่อ่างลำเชียงไกรตอนล่าง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_213670/
“ทิม พิธา” หน.พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่อ่างลำเชียงไกรตอนล่าง พบวางแผนก่อสร้างผิดพลาด ทำให้จัดการน้ำไม่ทันฤดูน้ำหลาก
นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การระบายน้ำบริเวณอ่างเก็บลำเชียงไกรตอนล่าง ตำบลบัลลังก์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อรวบรวมข้อมูลความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำจนเกิดปัญหาน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่
ซึ่งนายพิธา ระบุว่า วันนี้เราคงไม่ต้องมาเถียงกันว่า อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรแตกหรือไม่ สิ่งต้องทำทันทีคือการช่วยกันถอดบทเรียน และเร่งออกมาตรการการเยียวยาผลกระทบให้แก่พี่น้องประชาชน ต้องการสร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ จึงไม่สามารถหลับหูหลับตาตำหนิรัฐบาลโดยไม่สนใจข้อเท็จจริงได้ กรณีพายุเข้าฝนตกหนักจนทำให้มวลน้ำในอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายอำเภอ เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ยากจะควบคุม แต่เรื่องที่เราตำหนิได้และต้องช่วยกันตำหนิ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาคือการรับมือกับภัยพิบัติและการเร่งเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการตรวจสอบความย่อหย่อนในการบริหารจัดการความปลอดภัยในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ
นาย
พิธา ระบุเพิ่มเติมว่า แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่ยากจะควบคุมได้ แต่รัฐบาลต้องไม่ใช้เหตุผลที่ว่า “อยู่นอกเหนือ” การควบคุมของรัฐบาลเพื่อเป็นข้ออ้างให้ตนเองไม่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่ รัฐบาลจึงควรขอโทษต่อการจัดการภัยพิบัติที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่มี รวมถึงการเร่งให้มีการชดเชยที่ชัดเจนและเต็มจำนวน (มูลค่าความเสียหาย) อย่างเร็วที่สุด สิ่งที่รัฐบาลและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติควรทำในตอนนี้คือการเร่งยกระดับขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการเตือนภัย รวมถึงข้อมูลสถานีฝนให้ครอบคลุมโดยด่วนที่สุด เพื่อให้เราสามารถรับมือกับภัยพิบัติได้ดีกว่านี้
นอกจากนี้นาย
พิธา ยังจะได้นำข้อมูลการก่อสร้างอาคารประตูระบายน้ำหลักอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ เข้าหารือในคณะกรรมการฯ เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสในการก่อสร้าง เนื่องจากได้รับทราบข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าการก่อสร้างเกิดความล่าช้ามาเป็นเวลานาน จนกระทั่งถึงฤดูน้ำหลากอาคารประตูระบายน้ำก็ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ตามกำหนด
ลดคิวอีฉุดราคาทองคำท้ายปี สมาคมโอดกำลังซื้อในประเทศวูบ 20%
https://www.prachachat.net/finance/news-783078
ส่องแนวโน้มทองคำโค้งท้ายปี จับตาเฟดลดมาตรการลดคิวอี ฉุดราคาปรับตัวลดลง “ฮั่วเซงเฮง” ชี้เป็นโอกาสเข้าซื้อถือลงทุนระยาว เชื่อปีหน้าราคาทองคำยังมีแนวโน้มดีดกลับตามทิศทางเงินเฟ้อ “วายแอลจี” ลุ้นแนวรับ 1,720 เหรียญ ระบุหากหลุดแนวรับตลาดทองคำจะเป็น “ขาลง” ด้านนายกสมาคมค้าทองโอดกำลังซื้อทองในประเทศปีนี้ทรุด 20%
นาย
ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ระยะข้างหน้า หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการปรับลดมาตรการคิวอีในเดือน พ.ย.ตามที่คาดการณ์กัน น่าจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งช่วงดังกล่าวนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำระยะยาว น่าจะเป็นจังหวะที่สามารถเข้าไปซื้อได้ อย่างไรก็ดี ระหว่างนั้น ช่วงตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงช่วงที่เฟดปรับลดคิวอี เป็นช่วงที่ต้องระมัดระวัง
“จากช่วงนี้ไปเราให้กรอบแนวรับที่ 1,780 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 1,750 เหรียญ หรือประมาณ 28,000 บาท ลงไปถึง 27,700 บาท ส่วนแนวต้านที่ 1,800 เหรียญ หรือประมาณ 28,200 บาท และหากเดือน พ.ย.มีการปรับลดคิวอี ราคาก็อาจจะลงไปที่ 1,720 เหรียญหรือประมาณ 27,400 บาท ซึ่งถึงตอนนั้นน่าจะเป็นจุดที่ดีที่จะเข้าซื้อทอง เพราะเวลาประกาศ ราคาทองจะลง แต่พอเริ่มลดวงเงินคิวอีจริง ๆ ราคาทองจะขึ้น ซึ่งคาดว่าประมาณเดือน ธ.ค.” นายธนรัชต์กล่าว
ทั้งนี้ แนวโน้มปีหน้ามีการคาดการณ์ว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยราวช่วงไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ดังนั้นธีมปีหน้าจะเป็นเรื่องดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้น ตามแนวโน้มเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และราคาทองก็มีแนวโน้มดีดกลับขึ้นได้อีก
นาย
ธนรัชต์กล่าวด้วยว่า ปีนี้ในแง่กำลังซื้อสินค้าทองคำ หากเป็นเครื่องประดับ กำลังซื้อทั่วโลกลดลงไปโดยปริยาย แต่ส่วนที่เป็นการซื้อขายเพื่อการเก็งกำไรยังได้รับความนิยม เนื่องจากปีนี้เป็นธีมที่ราคาทองคำปรับตัวลงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยทองคำโลกตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันลดลงไป -5% แต่ก็มีในบางช่วงที่ราคาทองปรับขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ประกาศออกมา
“ปีนี้คนก็กลัวเรื่อง ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เพราะหลังจากหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐกับยุโรป เปิดประเทศ ความต้องการใช้น้ำมันก็ฟื้นตัวขึ้น และในไตรมาส 4 ก็คาดว่าจะมีความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว ส่วนอุปทานน้ำมันได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนแถวอ่าวเม็กซิโก ดังนั้นจึงทำให้ช่วงภาวะสั้น ๆ ต้นทุนสูง เงินเฟ้อจึงเร่งตัว และทำให้ราคาทองปรับขึ้นในบางครั้ง อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้า การปรับลดคิวอีน่าจะเป็นประเด็นหลักที่ทุกคนจับตา” นาย
ธนรัชต์กล่าว
นาง
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำ ตอนนี้ยังเป็นการแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยมีโอกาสปรับขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่ระดับ 1,830–1,840 เหรียญ แนวต้านไม่เกิน 1,850 เหรียญ จนถึงสิ้นปี ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,720 เหรียญ ซึ่งหากหลุดกรอบแนวรับนี้ จะสะท้อนให้เห็นถึงการกลับขาของตลาดที่เป็นขาลงมากกว่าขาขึ้น
โดยเฉพาะหากเฟดมีการลดคิวอีในช่วงสิ้นปี ก็จะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง รวมถึงปัจจัยการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ว่า จะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปี 2565 หรือต้นปี 2567 แต่ถ้าเกิดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ก็จะกดดันราคาทองคำ
“ในช่วงระหว่างการที่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจทั่วไป มองว่าทองคำน่าจะสามารถปรับตัวขึ้นได้อยู่บ้าง แต่เมื่อไหร่ที่มีการลดขนาดมาตรการคิวอี หรือปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จะเป็นตัวกดดันราคาทองคำ” นาง
พวรรณ์กล่าว
นาย
จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ปีนี้กำลังซื้อทองคำในประเทศลดลงค่อนข้างมาก จากต้นปีถึงปัจจุบันลดลงไปราว 20% แม้บางช่วงราคาทองคำจะลง แต่ก็มีคนเข้ามาซื้อน้อยมาก ทั้งทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณ โดยในช่วงที่เหลือก่อนสิ้นปี มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวลง มีมากกว่าปรับตัวขึ้น เนื่องจากยังมีปัจจัยลบต่อราคาทองอยู่
JJNY : ติดเชื้อ10,111 เสียชีวิต63│“ทิม พิธา”ลงพื้นที่อ่างลำเชียงไกร│ลดคิวอีฉุดราคาทอง ส.โอดกำลังซื้อวูบ│อุตุฯเตือน39จว.
https://www.dailynews.co.th/news/384888/
สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ล่าสุด วันที่ 18 ต.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 10,111 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,070 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 41 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 มีจำนวน 1,764,949 ราย หายป่วยกลับบ้าน 10,612 ราย หายป่วยสะสม 1,640,824 ราย กำลังรักษา 107,226 ราย
โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 63 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 มียอดสะสมสูงถึง 18,336 ราย
“ทิม พิธา” ลงพื้นที่อ่างลำเชียงไกรตอนล่าง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_213670/
“ทิม พิธา” หน.พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่อ่างลำเชียงไกรตอนล่าง พบวางแผนก่อสร้างผิดพลาด ทำให้จัดการน้ำไม่ทันฤดูน้ำหลาก
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การระบายน้ำบริเวณอ่างเก็บลำเชียงไกรตอนล่าง ตำบลบัลลังก์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อรวบรวมข้อมูลความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำจนเกิดปัญหาน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่
ซึ่งนายพิธา ระบุว่า วันนี้เราคงไม่ต้องมาเถียงกันว่า อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรแตกหรือไม่ สิ่งต้องทำทันทีคือการช่วยกันถอดบทเรียน และเร่งออกมาตรการการเยียวยาผลกระทบให้แก่พี่น้องประชาชน ต้องการสร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ จึงไม่สามารถหลับหูหลับตาตำหนิรัฐบาลโดยไม่สนใจข้อเท็จจริงได้ กรณีพายุเข้าฝนตกหนักจนทำให้มวลน้ำในอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายอำเภอ เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ยากจะควบคุม แต่เรื่องที่เราตำหนิได้และต้องช่วยกันตำหนิ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาคือการรับมือกับภัยพิบัติและการเร่งเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการตรวจสอบความย่อหย่อนในการบริหารจัดการความปลอดภัยในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ
นายพิธา ระบุเพิ่มเติมว่า แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่ยากจะควบคุมได้ แต่รัฐบาลต้องไม่ใช้เหตุผลที่ว่า “อยู่นอกเหนือ” การควบคุมของรัฐบาลเพื่อเป็นข้ออ้างให้ตนเองไม่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่ รัฐบาลจึงควรขอโทษต่อการจัดการภัยพิบัติที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่มี รวมถึงการเร่งให้มีการชดเชยที่ชัดเจนและเต็มจำนวน (มูลค่าความเสียหาย) อย่างเร็วที่สุด สิ่งที่รัฐบาลและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติควรทำในตอนนี้คือการเร่งยกระดับขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการเตือนภัย รวมถึงข้อมูลสถานีฝนให้ครอบคลุมโดยด่วนที่สุด เพื่อให้เราสามารถรับมือกับภัยพิบัติได้ดีกว่านี้
นอกจากนี้นายพิธา ยังจะได้นำข้อมูลการก่อสร้างอาคารประตูระบายน้ำหลักอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ เข้าหารือในคณะกรรมการฯ เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสในการก่อสร้าง เนื่องจากได้รับทราบข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าการก่อสร้างเกิดความล่าช้ามาเป็นเวลานาน จนกระทั่งถึงฤดูน้ำหลากอาคารประตูระบายน้ำก็ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ตามกำหนด
ลดคิวอีฉุดราคาทองคำท้ายปี สมาคมโอดกำลังซื้อในประเทศวูบ 20%
https://www.prachachat.net/finance/news-783078
ส่องแนวโน้มทองคำโค้งท้ายปี จับตาเฟดลดมาตรการลดคิวอี ฉุดราคาปรับตัวลดลง “ฮั่วเซงเฮง” ชี้เป็นโอกาสเข้าซื้อถือลงทุนระยาว เชื่อปีหน้าราคาทองคำยังมีแนวโน้มดีดกลับตามทิศทางเงินเฟ้อ “วายแอลจี” ลุ้นแนวรับ 1,720 เหรียญ ระบุหากหลุดแนวรับตลาดทองคำจะเป็น “ขาลง” ด้านนายกสมาคมค้าทองโอดกำลังซื้อทองในประเทศปีนี้ทรุด 20%
นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ระยะข้างหน้า หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการปรับลดมาตรการคิวอีในเดือน พ.ย.ตามที่คาดการณ์กัน น่าจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งช่วงดังกล่าวนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำระยะยาว น่าจะเป็นจังหวะที่สามารถเข้าไปซื้อได้ อย่างไรก็ดี ระหว่างนั้น ช่วงตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงช่วงที่เฟดปรับลดคิวอี เป็นช่วงที่ต้องระมัดระวัง
“จากช่วงนี้ไปเราให้กรอบแนวรับที่ 1,780 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 1,750 เหรียญ หรือประมาณ 28,000 บาท ลงไปถึง 27,700 บาท ส่วนแนวต้านที่ 1,800 เหรียญ หรือประมาณ 28,200 บาท และหากเดือน พ.ย.มีการปรับลดคิวอี ราคาก็อาจจะลงไปที่ 1,720 เหรียญหรือประมาณ 27,400 บาท ซึ่งถึงตอนนั้นน่าจะเป็นจุดที่ดีที่จะเข้าซื้อทอง เพราะเวลาประกาศ ราคาทองจะลง แต่พอเริ่มลดวงเงินคิวอีจริง ๆ ราคาทองจะขึ้น ซึ่งคาดว่าประมาณเดือน ธ.ค.” นายธนรัชต์กล่าว
ทั้งนี้ แนวโน้มปีหน้ามีการคาดการณ์ว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยราวช่วงไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ดังนั้นธีมปีหน้าจะเป็นเรื่องดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้น ตามแนวโน้มเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และราคาทองก็มีแนวโน้มดีดกลับขึ้นได้อีก
นายธนรัชต์กล่าวด้วยว่า ปีนี้ในแง่กำลังซื้อสินค้าทองคำ หากเป็นเครื่องประดับ กำลังซื้อทั่วโลกลดลงไปโดยปริยาย แต่ส่วนที่เป็นการซื้อขายเพื่อการเก็งกำไรยังได้รับความนิยม เนื่องจากปีนี้เป็นธีมที่ราคาทองคำปรับตัวลงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยทองคำโลกตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันลดลงไป -5% แต่ก็มีในบางช่วงที่ราคาทองปรับขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ประกาศออกมา
“ปีนี้คนก็กลัวเรื่อง ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เพราะหลังจากหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐกับยุโรป เปิดประเทศ ความต้องการใช้น้ำมันก็ฟื้นตัวขึ้น และในไตรมาส 4 ก็คาดว่าจะมีความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว ส่วนอุปทานน้ำมันได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนแถวอ่าวเม็กซิโก ดังนั้นจึงทำให้ช่วงภาวะสั้น ๆ ต้นทุนสูง เงินเฟ้อจึงเร่งตัว และทำให้ราคาทองปรับขึ้นในบางครั้ง อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้า การปรับลดคิวอีน่าจะเป็นประเด็นหลักที่ทุกคนจับตา” นายธนรัชต์กล่าว
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำ ตอนนี้ยังเป็นการแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยมีโอกาสปรับขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่ระดับ 1,830–1,840 เหรียญ แนวต้านไม่เกิน 1,850 เหรียญ จนถึงสิ้นปี ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,720 เหรียญ ซึ่งหากหลุดกรอบแนวรับนี้ จะสะท้อนให้เห็นถึงการกลับขาของตลาดที่เป็นขาลงมากกว่าขาขึ้น
โดยเฉพาะหากเฟดมีการลดคิวอีในช่วงสิ้นปี ก็จะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง รวมถึงปัจจัยการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ว่า จะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปี 2565 หรือต้นปี 2567 แต่ถ้าเกิดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ก็จะกดดันราคาทองคำ
“ในช่วงระหว่างการที่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจทั่วไป มองว่าทองคำน่าจะสามารถปรับตัวขึ้นได้อยู่บ้าง แต่เมื่อไหร่ที่มีการลดขนาดมาตรการคิวอี หรือปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จะเป็นตัวกดดันราคาทองคำ” นางพวรรณ์กล่าว
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ปีนี้กำลังซื้อทองคำในประเทศลดลงค่อนข้างมาก จากต้นปีถึงปัจจุบันลดลงไปราว 20% แม้บางช่วงราคาทองคำจะลง แต่ก็มีคนเข้ามาซื้อน้อยมาก ทั้งทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณ โดยในช่วงที่เหลือก่อนสิ้นปี มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวลง มีมากกว่าปรับตัวขึ้น เนื่องจากยังมีปัจจัยลบต่อราคาทองอยู่