JJNY : ป่วยใหม่10,863 เสียชีวิต68│ลูกเพิ่งทำบอลลูนหัวใจ ฉีดเข็ม2 สิ้นใจสลด│จีนจำกัดส่งออกปุ๋ย│บล็อกSMSหลอกลวงไม่ได้ผล!

โควิดวันนี้ ป่วยใหม่ 10,863 ราย เสียชีวิต 68 ราย ตรวจATK เข้าข่ายกว่า 4 พัน
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6680729
 
 
ด่วน โควิดวันนี้ ศบค. รายงานสถานการณ์เบื้องต้นพบผู้ป่วยใหม่ 10,863 ราย ติดเชื้อเสียชีวิต 68 ราย ตรวจATK เข้าข่าย 4,125 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,754,838 ราย
 
เมื่อวันที่ 17 ต.ค.64 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน มีผู้ป่วยใหม่ 10,863 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 10,181 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 611 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 64 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 7 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,754,838 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 10,383 ราย หายป่วยสะสม 1,630,212 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)
 
ผู้ป่วยกำลังรักษา 107,790 ราย เสียชีวิต 68 ราย ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อจากการตรวจ ATK ที่ไม่ได้นำยอดมานับรวมกับผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 4,125 ราย ขณะที่ผู้ป่วยอาการหนักอยู่ที่ 2,820 ราย ผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ที่ 658 ราย โดย ศบค.จะแถลงรายละเอียดอีกครั้ง
 

 
ลูกเพิ่งทำบอลลูนหัวใจ แม่กังวลฉีดเข็ม 2 โทรถาม จนท.บอกฉีดได้ ก่อนสิ้นใจสลด
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6680455
 
ลูกเพิ่งทำบอลลูนหัวใจ แม่กังวลฉีดเข็ม 2 โทรถามเจ้าหน้าที่บอกฉีดได้ กลับมาเริ่มมีอาการ แค่คงคิดว่าจะเหมือนเข็มแรก เดี๋ยวก็หาย ก่อนสิ้นใจสลด
 
วันที่ 16 ต.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานงานจาก นางเสาวคนธ์ อู่วิเชียร อายุ 61 ปี แม่ของ นายวัชรพงษ์ ปิ่นสุวรรณ อายุ 38 ปี ผู้เสียชีวิต หลังจากเดินทางไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ก่อนมีอาการจุกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนำร่างมาบำเพ็ญกุศลที่วัดประตูน้ำท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
 
นางเสาวคนธ์ เปิดเผยว่า ตนมั่นใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชายนั้น เกิดจากการฉีควัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยลูกชายเป็นผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ที่ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แอสตร้าเซนนิก้า เมื่อวันที่ 19 ก.ค.64 ที่โรงพยาบาลพุทธโสธร เมื่อกลับมาบ้านก็มีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก ก่อนอาการจะลดลงจนหายไป
 
กระทั่งวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายต้องเข้ารับการทำบอลลูนหัวใจ จำนวน 2 เส้น ก่อนจะกลับบ้านมาพักฟื้นในวันที่ 9 ต.ค. ซึ่งหลังทำบอลลูนกลับมา ลูกชายของตนยังอาการปกติ แถมยังบอกว่าหายใจได้สะดวกมากขึ้น จนกระทั่งถึงวันนัดในการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แอสตร้าเซนนิก้า โดยช่วงเช้าตนได้โทรศัพท์ไปยังศูนย์โรคหัวใจโรงพยาบาลพุทธโสธร สอบถามว่า ลูกชายของตนเพิ่งไปทำบอลลูนหัวใจมา สามารถฉีดได้ไหม โดยเจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาว่าให้ไปฉีดได้เลย และให้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ด้านหน้า ว่าไปทำบอลลูนหัวใจมา
 
ตนจึงให้ นายมาโนช ปิ่นสุวรรณ สามีของตน พาลูกชายไปฉีดวัคซีน ที่ศูนย์ฉีควัคซีนมหาวิทยาลัยราชรัฏราชนครินทร์ฉะเชิงเทรา กระทั่งหลังฉีดวัคซีนกลับมาช่วงเย็นของวันที่ 11 ต.ค. ลูกชายเริ่มมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก อยากจะอาเจียน ตนก็ให้ลูกเป็นโรงพยาบาล แต่ลูกไม่ยอมไป คิดว่าคงเป็นอาการเหมือนการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วจะหายไป
 
เวลาผ่านมาถึงวันที่ 15 ต.ค. ลูกชายของตนได้บอกว่าไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก จึงได้ให้สามี พาลูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้พาลูกชายของตนเข้าห้อง ไอซียู ก่อนจะออกมาแจ้งว่า ลูกชายหัวใจหยุดเต้นแล้ว หมอได้พยายามปั๊มหัวใจ แต่ไม่ตอบสนอง โดยแพทย์วินิจฉัยสาเหตุของการเสียชีวิตมาว่า กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
 
ขณะที่ นายมาโนช พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สาเหตุที่ลูกชายเสียชีวิตนั้น น่าจะมาจากการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 นี้ เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายก็ปกติดีทุกอย่าง ซึ่งก่อนไปฉีดก็โทรศัพท์ถามเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลแล้วว่าลูกชายสามารถเดินทางไปฉีดได้ไหม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่าได้ จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลรับผิดชอบ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตน
 

 
โลกช็อก! จีนจำกัดโควตาส่งออก ดันปุ๋ย “ไนโตเจน-ฟอสเฟส” ราคาพุ่งสุดในรอบ 13 ปี
https://www.thansettakij.com/economy/499937
 
วงการปุ๋ยเคมีช็อก จีนจำกัดโควตาส่งออก ถึง ม.ค.ปี 2565 ส่งผลทำให้ ปุ๋ย “ไนโตเจน-ฟอสเฟส” ราคาพุ่งสุดในรอบ 13 ปี ส่งผลทำให้ราคาปุ๋ยเคมีปรับต่อเนื่อง
 
แหล่งข่าววงการค้าปุ๋ยเคมี เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” วันนี้ ทราบข่าวแล้วว่าทางรัฐบาลจีนจะเริ่มประกาศใช้มาตรการทางศุลกากร และจำกัดโควตาในการส่งออกสินค้าปุ๋ย “ไนโตรเจน” และ “ฟอสเฟต” จนกว่าจะถึงเดือนมกราคมปี 2022 ดึงราคาส่งออก “ยูเรีย” ขึ้นไป  47 ดอลล่าร์สหรัญต่อตันในรอบสัปดาห์ ไปอยู่ใน ระดับ 700 - 720 ดอลล่าร์สหรัฐ (เอฟ.โอ.บี.)  สูงที่สุดในรอบ 13 ปี
 
เช่นเดียวกับ ราคาส่งออกใน "อียิปต์" ปรับสูงเช่นกัน ไปอยู่ใน ระดับ 830 - 850 ดอลลาร์สหรัฐ (เอฟ.โอ.บี.) แต่ยังไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตได้ทำการขายสินค้าในมือ แต่เพียงแค่จำกัดไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน  ส่วนราคาดังกล่าวเป็นราคาล่วงหน้าสำหรับจัดส่งในเดือนธันวาคม
 
สำหรับการซื้อขายจำกัดเช่นเดียวกันในตะวันออกกลาง โดยผู้ผลิตทำการตั้งราคาเป้าหมายสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการยูเรีย คาดว่า "อินเดีย" จะประกาศราคา ในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ไว้ที่ระดับ 730 - 750 ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวขึ้น 32 ดอลล่าร์ต่อตัน
 
ฝั่งผู้นำเข้าอย่าง "ประเทศบราซิล" เริ่มชะลอการนำเข้าลง หลังราคานำเข้าล่าสุดไปแตะระดับ 800 ดอลลาร์สหรัฐ (ซี.เอฟ.อาร์)  และผู้ใช้เริ่มลดจำนวนการใช้ปุ๋ยยูเรียสำหรับเพาะปลูกลง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่