เรื่องนี้เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติอีกเรื่องที่ ผมหาคำตอบไม่ได้ และทุกวันนี้
ก็ยังข้องใจ ถ้าใครพอจะมี
ประสบการณ์แวะมาคุยกันนะครับ
เริ่มจากช่วงพ่อผมป่วย
แกจะเบื่อความวุ่นวายใน
บ้าน ลูก ๆก็เลยปลูกบ้านให้อยู่คนเดียวหนึ่งหลัง
เป็นบ้านหญ้าคา ข้างฝาค้ำแผงได้ทั้งสี่ด้าน ช่วงกลางวันจะเปิดรับลมทุกด้าน
ส่วนกลางคืนจะเปิดด้านหน้า(เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคนดูแล)
และด้านหลัง(รับลม ซึ่งจะเย็นสบายจนไม่ต้องพึ่งพัดลม)
พ่อผมอยู่บ้านหลังนี้จนเสีย
ชีวิตครับ
ผมจำได้ว่ามันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในช่วงหน้าหนาว ก่อนพ่อเสียหนึ่งปี
ช่วงนั้นผมยังไม่ทำงานพิเศษเพราะอยากดูแลพ่อแบบใกล้ชิด มีอาบน้ำ สระผมอะไรแบบนี้ผมก็จะทำเอง ก่อนนอนมีเช็ดตัวทาแป้งด้วยนะครับ
บางวันพ่อจะบอกผมแบบ
ล้อ ๆว่า
"วันนี้น้องไม่ทาแป้งนะ น้องไม่ร้อน"
เราก็จะขำ ๆกัน วันไหน
อากาศเย็น ผมจะใส่ถุงเท้าให้พ่อด้วย แต่บางวันก็ไม่ใส่
จนเช้าวันหนึ่ง พ่อตื่นสาย
ปกติพ่อจะตื่นและลุกขึ้นมา
นั่งโชว์พุงตั้งแต่หกโมงเช้า
เสมอ
แต่วันนั้นหกโมงกว่าแล้ว
พ่อก็ยังนอนกรนอยู่
ผมเดินไปดูถึงสองรอบ
จนตัดสินใจปลุกตอนเกือบ ๆแปดโมงเช้า พ่อลุกขึ้นมา
นั่งแบบงง ๆ ผมก็หาน้ำหาแปรงสีฟันมาให้ แบบสงสัย
ในใจนิดๆ เพราะรู้สึกว่า
พ่อดูซูบซีดกว่าทุกวัน
พ่อผมเดินไม่ได้แต่ลุกนั่งได้
ครับ ช่วงกลางวันพ่อจะกระถัดลงมานั่งชั้นล่าง(เป็นพื้น
ต่างระดับ มีกระดานให้นั่งเล่นได้)
ระหว่างพ่อจัดการตัวเอง
ผมก็ไปเตรียมมื้อเช้าให้
ปกติพ่อจะกินโอวัลตินตอน
หกโมงนิด ๆและจะกินมื้อเช้าตอนแปดโมง วันนั้นก็เลยงดเครื่องดื่มเพราะตื่นสาย
พ่อผมจะกินข้าวแค่ เจ็ดถึงแปดคำเท่านั้นครับ เพราะ
ไม่อย่างนั้นจะแน่นท้อง
ผมก็เลยจะมีขนมหรือน้ำหวานหรือผลไม้เสริมให้ทุกสองชั่วโมง แต่ในระหว่างนั้นก็จะนั่งอยู่ใกล้ๆนั่นแหละ
เรียกว่า พอพ่อเรียกปั้บ
ผมก็ถึงตัวปุ๊บเลย
พ่อก็เลยจะติดผมมาก
แกจะเรียกหาผมทั้งวัน
แต่ไม่ได้ใช้อะไรหรอกครับ
แค่ให้ไปอยู่ใกล้ ๆเท่านั้น
วันนั้นหลังจากกินข้าวเสร็จ
พักหนึ่ง พ่อก็เรียกหาผม
เป็นปกติ
แต่ที่ไม่ปกติคือ พอผมนั่งลง
พ่อก็ทำหน้ายิ้ม ๆใส่ผม
ก่อนถามว่า
"รู้มั้ยว่าผีกับคนต่างกันตรงไหน"
ผมก็งง แต่ก็ตอบแม้จะสงสัย เพราะพ่อ จะไม่ถาม
อะไรที่ไม่มีที่มาที่ไป ถ้ามี
คำถามคือ ต้องมีอะไรผิด
ปกติสักอย่างแน่
"ผี คือคนที่ตาย แต่คน..
ยังไม่ตาย..มั้ง"
"งั้น..แสดงว่า ถ้าเป็นผีจะไม่มีร่องรอยใช่มั้ย"
"ก็...น่าจะ..ครับ"
"มาดูนี่ แล้วบอกพ่อหน่อย
ว่าคืออะไร"
พ่อยื่นเท้าข้างขวาให้ผมดู
ผมก็เห็นเท้าปกติ ขาว ๆ
ซีด ๆ และมีแผลเล็กๆที่เลือดยังไหลซึมอยู่ที่นิ้วโป้ง
"แผล..อะไรกัดพ่อเนี่ย ปวด
มั้ย .."
"ไม่..ไม่ พ่อปกติดี "
"ตะขาบหรือเปล่า"
"พ่อไม่ปวดเลย"
"แค่กัดไง ยังไม่ทันปล่อยพิษ"
คนโบราณเคยบอกไว้ว่า
ตะขาบนี้เวลากัดเขาจะกัดที่ปาก แต่เขาจะตวัดหางมา
เพื่อฉี่ใส่ ถ้าโดนกัดแบบไม่ถูกฉี่ ก็จะไม่ปวด(แต่จขกท
ปวดจะเป็นจะตายทุกครั้ง
แสดงว่าครบองค์ประกอบทุกครั้ง)
"ตะขาบมีกี่เขี้ยว"
ฟังคำถามพ่อผมก็ฉุกใจคิด
เลยก้มลงสำรวจถี่ถ้วน
จากร่องรอยที่เลือดยังซึม
อยู่ ผมเห็นแค่เขี้ยวเดียว
"อะไรอ่ะพ่อ เขี้ยวเดียว..
คืออะไร แมงป่องเหรอ
ต่อยเต็มที่ไปหน่อยเลือดเลยออก"
"ใครบอกว่าเขี้ยวเดียว"
พ่อบอกผมยิ้ม ๆแต่ตอนนั้น
ผมตาเหลือกไปแล้ว รีบพลิกเท้าพ่อขึ้นดู
อีกเขี้ยวหนึ่งอยู่ที่ด้านล่างครับ
"พ่อ...มันกัดแบบอมเหรอ"
"อืม...เห็นแบบนี้แล้ว..คิดว่า
อะไร"
"กองกอย.."
ผมมองพ่อเพื่อดูปฎิกริยา
ซึ่งพ่อก็พยักหน้ายิ้ม ๆเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่ผมไม่ยอมเชื่อ
ง่าย ๆแม้จะเป็นคนสันนิษฐานเองก็ตาม
ผมรื้อค้นที่นอนพ่อทุกซอกทุกมุมทันที ยกสำรวจแม้
ใต้ฟูก และทั่วพื้นดินตาม
บริเวณทั้งในและนอกบ้าน
"หาอะไร"
"เผื่อเป็นทาก"
"ทากมีเขี้ยวเหรอ"
พอพ่อถามแบบนี้ ผมก็อึ้งไป
ก่อนมาคว้าเท้าพ่อไปดูอีกรอบ จริงๆผมทายาให้พ่อ
แล้ว แต่สังเกตุว่าเลือดยัง
ไม่หยุด ปกติเวลาพ่อมีแผล
เลือดก็หยุดได้เองตามปกติ
นะครับ แต่ครั้งนี้กลับหยุดยาก แบบผิดปกติไปมาก
หลังจากหาทากไม่เจอ
และจากรอยเขี้ยวบนนิ้วโป้ง
เท้าทั้งสองเขี้ยว
ผมก็เลยต้องมานั่งคุยกับพ่อแบบจริงจัง
พ่อให้ความรู้ผมแบบแนว
วิทยาศาสตร์ว่า
กองกอยนี้อาจจะเป็นบ่างแก่แบบคนโบราณว่าหรืออาจเป็นแค่สัตว์ชนิดหนึ่งก็ได้ แต่แน่นอนว่า ต้องมี
เขี้ยวและปากเบามาก
โดยอาจสามารถปล่อยสาร
hirudin ได้เหมือนทากและปลิง เมื่อเลือดแข็งตัวช้าลง
ก็จะดูดกินได้เรื่อย ๆจนกว่าจะอิ่ม
"แล้วพ่อเพลียมั้ย"
"ไม่ ..หรอกเพียงแต่รู้สึกเหมือนนอนอิ่มมาก ๆเท่านั้น"
วันนั้นผมเฝ้าดูแผลของพ่ออยู่หลายรอบมาก และกว่าเลือดจะหยุดสนิทก็ใช้เวลากว่าสองชั่วโมง
ทุกๆคืน ต่อจากนั้น ผมจะเดินดูรอบบ้านทุกครั้งที่ตื่น
รวมทั้งไม่ยอมให้พ่อเปิดแผงทิ้งไว้ในตอนกลางคืนอีกเลย ถ้าร้อนก็เปิดพัดลมแทน และเรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีก(แต่มีเรื่องแบบอื่นแทน ซึ่งผมจะเล่าภายหลัง)
จากที่เล่ามา ผมก็ไม่อยากเชื่อว่าใช่ ว่าเป็นหรอกครับ
แต่ก็คิดไม่ออกว่า ถ้าไม่ใช่
มันจะเป็นตัวอะไรได้อีก
ถ้าใครคิดว่า เป็นสัตว์ชนิดไหนก็แวะมาคุยกันนะครับ
ขอบคุณครับ
ผี..? 2
ก็ยังข้องใจ ถ้าใครพอจะมี
ประสบการณ์แวะมาคุยกันนะครับ
เริ่มจากช่วงพ่อผมป่วย
แกจะเบื่อความวุ่นวายใน
บ้าน ลูก ๆก็เลยปลูกบ้านให้อยู่คนเดียวหนึ่งหลัง
เป็นบ้านหญ้าคา ข้างฝาค้ำแผงได้ทั้งสี่ด้าน ช่วงกลางวันจะเปิดรับลมทุกด้าน
ส่วนกลางคืนจะเปิดด้านหน้า(เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคนดูแล)
และด้านหลัง(รับลม ซึ่งจะเย็นสบายจนไม่ต้องพึ่งพัดลม)
พ่อผมอยู่บ้านหลังนี้จนเสีย
ชีวิตครับ
ผมจำได้ว่ามันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในช่วงหน้าหนาว ก่อนพ่อเสียหนึ่งปี
ช่วงนั้นผมยังไม่ทำงานพิเศษเพราะอยากดูแลพ่อแบบใกล้ชิด มีอาบน้ำ สระผมอะไรแบบนี้ผมก็จะทำเอง ก่อนนอนมีเช็ดตัวทาแป้งด้วยนะครับ
บางวันพ่อจะบอกผมแบบ
ล้อ ๆว่า
"วันนี้น้องไม่ทาแป้งนะ น้องไม่ร้อน"
เราก็จะขำ ๆกัน วันไหน
อากาศเย็น ผมจะใส่ถุงเท้าให้พ่อด้วย แต่บางวันก็ไม่ใส่
จนเช้าวันหนึ่ง พ่อตื่นสาย
ปกติพ่อจะตื่นและลุกขึ้นมา
นั่งโชว์พุงตั้งแต่หกโมงเช้า
เสมอ
แต่วันนั้นหกโมงกว่าแล้ว
พ่อก็ยังนอนกรนอยู่
ผมเดินไปดูถึงสองรอบ
จนตัดสินใจปลุกตอนเกือบ ๆแปดโมงเช้า พ่อลุกขึ้นมา
นั่งแบบงง ๆ ผมก็หาน้ำหาแปรงสีฟันมาให้ แบบสงสัย
ในใจนิดๆ เพราะรู้สึกว่า
พ่อดูซูบซีดกว่าทุกวัน
พ่อผมเดินไม่ได้แต่ลุกนั่งได้
ครับ ช่วงกลางวันพ่อจะกระถัดลงมานั่งชั้นล่าง(เป็นพื้น
ต่างระดับ มีกระดานให้นั่งเล่นได้)
ระหว่างพ่อจัดการตัวเอง
ผมก็ไปเตรียมมื้อเช้าให้
ปกติพ่อจะกินโอวัลตินตอน
หกโมงนิด ๆและจะกินมื้อเช้าตอนแปดโมง วันนั้นก็เลยงดเครื่องดื่มเพราะตื่นสาย
พ่อผมจะกินข้าวแค่ เจ็ดถึงแปดคำเท่านั้นครับ เพราะ
ไม่อย่างนั้นจะแน่นท้อง
ผมก็เลยจะมีขนมหรือน้ำหวานหรือผลไม้เสริมให้ทุกสองชั่วโมง แต่ในระหว่างนั้นก็จะนั่งอยู่ใกล้ๆนั่นแหละ
เรียกว่า พอพ่อเรียกปั้บ
ผมก็ถึงตัวปุ๊บเลย
พ่อก็เลยจะติดผมมาก
แกจะเรียกหาผมทั้งวัน
แต่ไม่ได้ใช้อะไรหรอกครับ
แค่ให้ไปอยู่ใกล้ ๆเท่านั้น
วันนั้นหลังจากกินข้าวเสร็จ
พักหนึ่ง พ่อก็เรียกหาผม
เป็นปกติ
แต่ที่ไม่ปกติคือ พอผมนั่งลง
พ่อก็ทำหน้ายิ้ม ๆใส่ผม
ก่อนถามว่า
"รู้มั้ยว่าผีกับคนต่างกันตรงไหน"
ผมก็งง แต่ก็ตอบแม้จะสงสัย เพราะพ่อ จะไม่ถาม
อะไรที่ไม่มีที่มาที่ไป ถ้ามี
คำถามคือ ต้องมีอะไรผิด
ปกติสักอย่างแน่
"ผี คือคนที่ตาย แต่คน..
ยังไม่ตาย..มั้ง"
"งั้น..แสดงว่า ถ้าเป็นผีจะไม่มีร่องรอยใช่มั้ย"
"ก็...น่าจะ..ครับ"
"มาดูนี่ แล้วบอกพ่อหน่อย
ว่าคืออะไร"
พ่อยื่นเท้าข้างขวาให้ผมดู
ผมก็เห็นเท้าปกติ ขาว ๆ
ซีด ๆ และมีแผลเล็กๆที่เลือดยังไหลซึมอยู่ที่นิ้วโป้ง
"แผล..อะไรกัดพ่อเนี่ย ปวด
มั้ย .."
"ไม่..ไม่ พ่อปกติดี "
"ตะขาบหรือเปล่า"
"พ่อไม่ปวดเลย"
"แค่กัดไง ยังไม่ทันปล่อยพิษ"
คนโบราณเคยบอกไว้ว่า
ตะขาบนี้เวลากัดเขาจะกัดที่ปาก แต่เขาจะตวัดหางมา
เพื่อฉี่ใส่ ถ้าโดนกัดแบบไม่ถูกฉี่ ก็จะไม่ปวด(แต่จขกท
ปวดจะเป็นจะตายทุกครั้ง
แสดงว่าครบองค์ประกอบทุกครั้ง)
"ตะขาบมีกี่เขี้ยว"
ฟังคำถามพ่อผมก็ฉุกใจคิด
เลยก้มลงสำรวจถี่ถ้วน
จากร่องรอยที่เลือดยังซึม
อยู่ ผมเห็นแค่เขี้ยวเดียว
"อะไรอ่ะพ่อ เขี้ยวเดียว..
คืออะไร แมงป่องเหรอ
ต่อยเต็มที่ไปหน่อยเลือดเลยออก"
"ใครบอกว่าเขี้ยวเดียว"
พ่อบอกผมยิ้ม ๆแต่ตอนนั้น
ผมตาเหลือกไปแล้ว รีบพลิกเท้าพ่อขึ้นดู
อีกเขี้ยวหนึ่งอยู่ที่ด้านล่างครับ
"พ่อ...มันกัดแบบอมเหรอ"
"อืม...เห็นแบบนี้แล้ว..คิดว่า
อะไร"
"กองกอย.."
ผมมองพ่อเพื่อดูปฎิกริยา
ซึ่งพ่อก็พยักหน้ายิ้ม ๆเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่ผมไม่ยอมเชื่อ
ง่าย ๆแม้จะเป็นคนสันนิษฐานเองก็ตาม
ผมรื้อค้นที่นอนพ่อทุกซอกทุกมุมทันที ยกสำรวจแม้
ใต้ฟูก และทั่วพื้นดินตาม
บริเวณทั้งในและนอกบ้าน
"หาอะไร"
"เผื่อเป็นทาก"
"ทากมีเขี้ยวเหรอ"
พอพ่อถามแบบนี้ ผมก็อึ้งไป
ก่อนมาคว้าเท้าพ่อไปดูอีกรอบ จริงๆผมทายาให้พ่อ
แล้ว แต่สังเกตุว่าเลือดยัง
ไม่หยุด ปกติเวลาพ่อมีแผล
เลือดก็หยุดได้เองตามปกติ
นะครับ แต่ครั้งนี้กลับหยุดยาก แบบผิดปกติไปมาก
หลังจากหาทากไม่เจอ
และจากรอยเขี้ยวบนนิ้วโป้ง
เท้าทั้งสองเขี้ยว
ผมก็เลยต้องมานั่งคุยกับพ่อแบบจริงจัง
พ่อให้ความรู้ผมแบบแนว
วิทยาศาสตร์ว่า
กองกอยนี้อาจจะเป็นบ่างแก่แบบคนโบราณว่าหรืออาจเป็นแค่สัตว์ชนิดหนึ่งก็ได้ แต่แน่นอนว่า ต้องมี
เขี้ยวและปากเบามาก
โดยอาจสามารถปล่อยสาร
hirudin ได้เหมือนทากและปลิง เมื่อเลือดแข็งตัวช้าลง
ก็จะดูดกินได้เรื่อย ๆจนกว่าจะอิ่ม
"แล้วพ่อเพลียมั้ย"
"ไม่ ..หรอกเพียงแต่รู้สึกเหมือนนอนอิ่มมาก ๆเท่านั้น"
วันนั้นผมเฝ้าดูแผลของพ่ออยู่หลายรอบมาก และกว่าเลือดจะหยุดสนิทก็ใช้เวลากว่าสองชั่วโมง
ทุกๆคืน ต่อจากนั้น ผมจะเดินดูรอบบ้านทุกครั้งที่ตื่น
รวมทั้งไม่ยอมให้พ่อเปิดแผงทิ้งไว้ในตอนกลางคืนอีกเลย ถ้าร้อนก็เปิดพัดลมแทน และเรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีก(แต่มีเรื่องแบบอื่นแทน ซึ่งผมจะเล่าภายหลัง)
จากที่เล่ามา ผมก็ไม่อยากเชื่อว่าใช่ ว่าเป็นหรอกครับ
แต่ก็คิดไม่ออกว่า ถ้าไม่ใช่
มันจะเป็นตัวอะไรได้อีก
ถ้าใครคิดว่า เป็นสัตว์ชนิดไหนก็แวะมาคุยกันนะครับ
ขอบคุณครับ